หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 36
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 36
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 36
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 9 เมษายน 2562
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวกันให้ต่อเนื่องกันสักนาทีสองนาทีแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสีย นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย แล้วก็วางใจให้สบายฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย สูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว การสูดลมหายใจยาว ผ่อนลมหายใจยาว ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้ากระทบปลายจมูกของเราก็ชัดเจน นั่นแหละที่ท่านเรียกว่า ‘สติรู้กาย’
เราพยายามรู้ตั้งแต่ตื่นขึ้น ถ้าพลั้งเผลอก็เริ่มใหม่ พลั้งเผลอก็เริ่มใหม่ พยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน ส่วนการเกิดการดับของความคิดเก่าที่เกิดจากใจ เกิดจากอาการของขันธ์ห้า อันนี้มีมาอยู่เดิม เขาหลงเกิด หลงวนเวียนว่ายตายเกิดอยู่เดิม พระพุทธองค์ท่านถึงให้มาสร้างผู้รู้ มาเจริญสติตัวใหม่ ให้เข้มแข็งเอาไปใช้การใช้งาน เอาไปอบรมใจของเราให้ได้ ใช้ใจของเราให้เป็น
แต่ละวันตื่นขึ้นมา ใจของเราเกิดความกังวล เกิดความฟุ้งซ่าน หรือว่าใจของเรามีมลทินอะไรเราก็พยายามรีบแก้ไขให้เร็วไว อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง ใจของเรามีความกังวลเราก็รู้จักหยุดรู้จักละ หาเหตุหาผล ใจของเราเกิดกิเลสเราก็รู้จักดับ ใจของเราเกิดความโลภความโกรธ เราก็หาวิธีแก้ไข
เจริญสติเข้าไปอบรมใจ เป็นเพื่อนใจเราอยู่ตลอดเวลา ทุกอิริยาบถ ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน เราพยายามพึ่งเราให้ได้ ในระดับสมมติ เราก็พยายามยังสมมติ ให้เป็นที่พึ่งของกายเนื้อของเราให้ได้
ส่วนใจ ใจกับกายก็อาศัยกันอยู่ เขาก็อนุเคราะห์เอื้อเฟื้อต่อกันอยู่ แต่เราก็ต้องมีกำลังสติเข้าไปวิเคราะห์ เห็นเหตุเห็นผล จนใจคลายออกจากความยึดมั่นในขันธ์ห้าหรือว่าในร่างกายของเราแต่ใจก็ยังอาศัยกายอยู่ เราให้รู้ด้วยปัญญา เห็นด้วยปัญญา แยกแยะด้วยปัญญา ปล่อยวางด้วยปัญญา ว่าอะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน
แต่ละวันๆ ความขยันหมั่นเพียร ความรับผิดชอบ ความเสียสะ การแสวงหา แต่ละวันใจของเราเป็นอย่างไร มีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความรับผิดชอบต่อส่วนตัว ต่อส่วนรวม อะไรเราขาดตกบกพร่องเราก็รีบแก้ไข ยิ่งเรามาอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่าน ก็พยายามสร้างความรับผิดชอบสร้างความเสียสละ ช่วยเหลืออนุเคราะห์ซึ่งกันและกัน
เราช่วยเหลือกันได้อยู่ในระดับของสมมติ แต่ในระดับของปัญญาเราต้องอาศัยปัญญาของผู้รู้คืออาศัยปัญญาของพระพุทธองค์ ซึ่งท่านได้ค้นพบแล้วก็เอามาเปิดเผยให้สัตว์โลกก็คือพวกเรานี่แหละได้ปฏิบัติตาม
คำว่า ‘ความรู้ตัวอยู่ปัจจุบัน’ เป็นลักษณะอย่างไร คำว่า ‘อัตตา อนัตตา’ ใจคลายออกจากขันธ์ห้าเป็นลักษณะอย่างไร ‘สัมมาทิฎฐิ’ ความเห็นถูกในหลักธรรม เห็นถูกเป็นลักษณะอย่างไร
เราต้องศึกษาค้นคว้า พยายามทำความเข้าใจ ดำเนินชีวิตของเราให้อยู่ในกองบุญกองกุศลเอาไว้ อะไรเป็นอกุศลเราก็พยายามละเสีย อะไรเป็นกุศล อะไรเป็นประโยชน์ ประโยชน์มากประโยชน์น้อย ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์อยู่ปัจจุบัน เราก็พยายามดำเนินจนกว่าเราจะหมดลมหายใจ ก็ต้องพยายามกัน อย่าพากันผัดวันประกันพรุ่ง
มีอะไรเราก็ให้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทั้งพระทั้งชีทั้งสามเณร หลวงพ่อก็จะขอประกาศ ญาติโยมท่านใดที่เป็นจิตอาสาอยากจะมาช่วยผูกเหล็ก ผูกเหล็กคาน เหล็กเสาเหล็กคานที่ปางลีลาก็มาได้ตลอดเวลา เพราะว่าช่างก็ดำเนินไปได้ส่วนหนึ่ง ญาติโยมท่านใดอยากจะมาช่วยก็มาช่วยได้ตลอดเวลา ไปผูกไปมัดคาน คงจะสงกรานต์เสร็จโน่นแหละถึงจะได้เทคาน ไปผูกเหล็กคานกันมีเวลาว่าง ถ้าทำเสร็จเราก็ไม่มีโอกาส
โอกาสเปิด กาลเวลาเปิด สถานที่เปิด เรามามีส่วนร่วมได้ยังประโยชน์ฝากไว้ให้กับแผ่นดิน ฝากไว้ให้กับสมมติ ฝากไว้ให้กับใจของเรา ไปตกอยู่ที่ไหน ระลึกนึกถึงเมื่อไหร่ จิตใจก็มีความสุข จะเป็นบุญกองใหญ่ฝากเอาไว้ ใครไปใครมาก็จะได้มีความสุข ไม่ร้อน ได้เข้าไปกราบไหว้ระลึกนึกถึงคุณของพระพุทธองค์ ระลึกนึกถึงคุณสติ ปัญญาคุณของท่านแล้วปฏิบัติตามให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน ก็อย่าพากันเกียจคร้าน
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันให้รู้ในทุกอิริยาบถ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 9 เมษายน 2562
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวกันให้ต่อเนื่องกันสักนาทีสองนาทีแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสีย นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย แล้วก็วางใจให้สบายฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย สูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว การสูดลมหายใจยาว ผ่อนลมหายใจยาว ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้ากระทบปลายจมูกของเราก็ชัดเจน นั่นแหละที่ท่านเรียกว่า ‘สติรู้กาย’
เราพยายามรู้ตั้งแต่ตื่นขึ้น ถ้าพลั้งเผลอก็เริ่มใหม่ พลั้งเผลอก็เริ่มใหม่ พยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน ส่วนการเกิดการดับของความคิดเก่าที่เกิดจากใจ เกิดจากอาการของขันธ์ห้า อันนี้มีมาอยู่เดิม เขาหลงเกิด หลงวนเวียนว่ายตายเกิดอยู่เดิม พระพุทธองค์ท่านถึงให้มาสร้างผู้รู้ มาเจริญสติตัวใหม่ ให้เข้มแข็งเอาไปใช้การใช้งาน เอาไปอบรมใจของเราให้ได้ ใช้ใจของเราให้เป็น
แต่ละวันตื่นขึ้นมา ใจของเราเกิดความกังวล เกิดความฟุ้งซ่าน หรือว่าใจของเรามีมลทินอะไรเราก็พยายามรีบแก้ไขให้เร็วไว อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง ใจของเรามีความกังวลเราก็รู้จักหยุดรู้จักละ หาเหตุหาผล ใจของเราเกิดกิเลสเราก็รู้จักดับ ใจของเราเกิดความโลภความโกรธ เราก็หาวิธีแก้ไข
เจริญสติเข้าไปอบรมใจ เป็นเพื่อนใจเราอยู่ตลอดเวลา ทุกอิริยาบถ ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน เราพยายามพึ่งเราให้ได้ ในระดับสมมติ เราก็พยายามยังสมมติ ให้เป็นที่พึ่งของกายเนื้อของเราให้ได้
ส่วนใจ ใจกับกายก็อาศัยกันอยู่ เขาก็อนุเคราะห์เอื้อเฟื้อต่อกันอยู่ แต่เราก็ต้องมีกำลังสติเข้าไปวิเคราะห์ เห็นเหตุเห็นผล จนใจคลายออกจากความยึดมั่นในขันธ์ห้าหรือว่าในร่างกายของเราแต่ใจก็ยังอาศัยกายอยู่ เราให้รู้ด้วยปัญญา เห็นด้วยปัญญา แยกแยะด้วยปัญญา ปล่อยวางด้วยปัญญา ว่าอะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน
แต่ละวันๆ ความขยันหมั่นเพียร ความรับผิดชอบ ความเสียสะ การแสวงหา แต่ละวันใจของเราเป็นอย่างไร มีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความรับผิดชอบต่อส่วนตัว ต่อส่วนรวม อะไรเราขาดตกบกพร่องเราก็รีบแก้ไข ยิ่งเรามาอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่าน ก็พยายามสร้างความรับผิดชอบสร้างความเสียสละ ช่วยเหลืออนุเคราะห์ซึ่งกันและกัน
เราช่วยเหลือกันได้อยู่ในระดับของสมมติ แต่ในระดับของปัญญาเราต้องอาศัยปัญญาของผู้รู้คืออาศัยปัญญาของพระพุทธองค์ ซึ่งท่านได้ค้นพบแล้วก็เอามาเปิดเผยให้สัตว์โลกก็คือพวกเรานี่แหละได้ปฏิบัติตาม
คำว่า ‘ความรู้ตัวอยู่ปัจจุบัน’ เป็นลักษณะอย่างไร คำว่า ‘อัตตา อนัตตา’ ใจคลายออกจากขันธ์ห้าเป็นลักษณะอย่างไร ‘สัมมาทิฎฐิ’ ความเห็นถูกในหลักธรรม เห็นถูกเป็นลักษณะอย่างไร
เราต้องศึกษาค้นคว้า พยายามทำความเข้าใจ ดำเนินชีวิตของเราให้อยู่ในกองบุญกองกุศลเอาไว้ อะไรเป็นอกุศลเราก็พยายามละเสีย อะไรเป็นกุศล อะไรเป็นประโยชน์ ประโยชน์มากประโยชน์น้อย ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์อยู่ปัจจุบัน เราก็พยายามดำเนินจนกว่าเราจะหมดลมหายใจ ก็ต้องพยายามกัน อย่าพากันผัดวันประกันพรุ่ง
มีอะไรเราก็ให้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทั้งพระทั้งชีทั้งสามเณร หลวงพ่อก็จะขอประกาศ ญาติโยมท่านใดที่เป็นจิตอาสาอยากจะมาช่วยผูกเหล็ก ผูกเหล็กคาน เหล็กเสาเหล็กคานที่ปางลีลาก็มาได้ตลอดเวลา เพราะว่าช่างก็ดำเนินไปได้ส่วนหนึ่ง ญาติโยมท่านใดอยากจะมาช่วยก็มาช่วยได้ตลอดเวลา ไปผูกไปมัดคาน คงจะสงกรานต์เสร็จโน่นแหละถึงจะได้เทคาน ไปผูกเหล็กคานกันมีเวลาว่าง ถ้าทำเสร็จเราก็ไม่มีโอกาส
โอกาสเปิด กาลเวลาเปิด สถานที่เปิด เรามามีส่วนร่วมได้ยังประโยชน์ฝากไว้ให้กับแผ่นดิน ฝากไว้ให้กับสมมติ ฝากไว้ให้กับใจของเรา ไปตกอยู่ที่ไหน ระลึกนึกถึงเมื่อไหร่ จิตใจก็มีความสุข จะเป็นบุญกองใหญ่ฝากเอาไว้ ใครไปใครมาก็จะได้มีความสุข ไม่ร้อน ได้เข้าไปกราบไหว้ระลึกนึกถึงคุณของพระพุทธองค์ ระลึกนึกถึงคุณสติ ปัญญาคุณของท่านแล้วปฏิบัติตามให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน ก็อย่าพากันเกียจคร้าน
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันให้รู้ในทุกอิริยาบถ