หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 18
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 18
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 18
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ต่อเนื่องให้ชัดเจนกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย วางใจให้สบาย ไม่ต้องพนมมือ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว การสูดลมหายใจยาวๆ ผ่อนลมหายใจยาวๆ กายของเราก็จะสบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้ากระทบปลายจมูกของเราก็จะชัดเจน
เราพยายามสร้างความรู้ตัวตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ ตั้งแต่ตื่นขึ้นเราสร้างความรู้ตัวรู้สัมผัสของลมหายใจเข้าออกให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง จะลุกจะก้าวจะเดินก็มีความรู้ตัวทั่วพร้อม ลึกลงไปเราก็จะรู้ลักษณะของใจ รู้ความปกติของใจ รู้ลักษณะการเกิดอาการเกิดของใจ สติกับใจก็จะเป็นคนละส่วนกัน
แต่เวลานี้ เราไปมั่นหมายเอาตัวใจว่าเป็นสติปัญญา เป็นความคิด อันนี้ก็เป็นความคิดแต่เป็นความคิดในทางโลกีย์ เป็นความคิดระดับปัญญาโลก เรามาสร้างปัญญาธรรม มาสร้างผู้รู้เข้าไปอบรมใจเราอยู่ตลอดเวลา อยู่คนเดียวเราก็อบรมใจของเรา อยู่หลายคนเราก็อบรมใจของเรา
ท่านถึงบอกว่าให้เจริญสติเป็นเพื่อนใจก็จะมีความสุข เห็นเหตุเห็นผล ชี้เหตุชี้ผล ละอกุศล เจริญกุศล อะไรที่จะเป็นบุญ อะไรที่จะเป็นประโยชน์เราก็ทำ ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์สมมติประโยชน์วิมุตติ แต่เราต้องรู้ลักษณะของใจให้ชัดเจน ตามทำความเข้าใจกับใจภายในกายของเราให้ชัดเจน ชี้เหตุชี้ผลให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น
เรารู้จักวิธีการแนวทาง เราพยายามดำเนินพยายามทำให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้งเสียดายเวลา ทุกคนเกิดมาก็มีบุญอยู่แล้ว มีบุญมีบารมีอยู่ในระดับหนึ่ง การสร้างสะสมคุณงามความดีก็มีอยู่ในระดับหนึ่ง แต่การเจริญสติ เอาสติปัญญาไปใช้ เอาไปชี้เหตุชี้ผล ตรงนี้จะทำกันไม่ค่อยจะได้ต่อเนื่องกันได้เท่าไหร่ บางทีก็ทำกันแบบได้บ้างไม่ได้บ้างก็พยายามทำ ก็จะคอยสร้างสะสมไปเรื่อยๆ จากน้อยๆ ไปหามากๆ เราไม่เข้าถึงวันนี้วันพรุ่งนี้เราก็ต้องเข้าถึง ไม่เข้าถึงพรุ่งนี้เดือนนี้เดือนหน้า ไม่เข้าถึงจริงๆ ก็จะไปต่อเอาภพหน้า
อย่าพากันประมาท ความประมาทนั่นแหละ เป็นรังแห่งความทุกข์เลยทีเดียว เราพยายามมาแก้มาแก้มาไข มาปรับปรุงตัวเรา แก้ไขตัวเรา ขณะที่ยังมีกำลังยังมีลมหายใจอยู่ เรื่องการปฏิบัติธรรม ปฏิบัติตัวเราเป็นเรื่องของเราไม่ใช่เรื่องของคนอื่น ส่วนมากก็มีตั้งแต่เรื่องของอื่น คนโน้นเป็นอย่างนั้น คนนั้นเป็นอย่างนี้ เอาเรื่องภายนอกมาทับถมตรงใจของเรา เรามาแก้ไขใจของเราคลายกิเลสออกจากใจของเรา สำรอกกิเลสต่างๆ ออกจากใจของเรา เป็นเรื่องของเรา
เราเข้าใจ รู้จักทรัพย์ภายใน มีทรัพย์ภายในเป็นที่พึ่ง ความว่าง ความบริสุทธิ์ ความหลุดพ้น นั่นแหละคือเครื่องอยู่ของใจ สติปัญญาไปทำหน้าที่แทนทุกเรื่อง อยู่กับสมมติก็ทำความเข้าใจสมมติ เราหนีสมมติไม่พ้นเราอยู่กับสมมติ ร่างกายของเรานี่แหละก้อนสมมติ จะหนีไปไหนเราก็แบกก้อนสมมติก้อนนี้ไปด้วย เราก็ต้องทำความเข้าใจ กายของเราก็ยังอยู่เกี่ยวเนื่องอีก เกี่ยวเนื่องกับปัจจัยสี่ เกี่ยวเนื่องกับโลกธรรม เกี่ยวเนื่องกับทุกๆ คน เราก็ต้องอยู่ด้วยปัญญา บริหารด้วยปัญญา ทำด้วยปัญญา เราก็จะมีความสุข ยืนเดินนั่งนอนให้เป็นแค่เพียงแค่อิริยาบถ
การฝึกหัดปฏิบัติใจ ต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียรเป็นเลิศ มีความขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ มีความอดทน มีความกตัญญู มีสัจจะอย่างยิ่งยวดเลยทีเดียว ก่อนที่จะขัดเกลากิเลสออกจากใจของเราได้หมด กิเลสนี้มาทีหลัง ใจนั้นบริสุทธิ์เดิม อยู่เดิม ใจตัวก่อนตัวต้นเหตุมีความบริสุทธิ์ แต่เขาไม่รู้ความเป็นจริงเขาเลยเกิด ทั้งเกิดด้วย หลงด้วย ยึดด้วยสารพัดอย่าง เราถึงได้มาเจริญสติไปขัดไปเกลา ไปเอาออก ให้กลับคืนสู่ความบริสุทธิ์เหมือนเดิม ไม่บริสุทธิ์วันนี้พรุ่งนี้เดือนนี้เดือนหน้า ถ้าไม่บริสุทธิ์จริงๆ ก็จะไปต่อเอาภพหน้า ก็ต้องพยายามกัน
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้เชื่อมโยงให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปศึกษาทำความเข้าใจ ให้รู้ทุกอิริยาบถ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ต่อเนื่องให้ชัดเจนกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย วางใจให้สบาย ไม่ต้องพนมมือ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว การสูดลมหายใจยาวๆ ผ่อนลมหายใจยาวๆ กายของเราก็จะสบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้ากระทบปลายจมูกของเราก็จะชัดเจน
เราพยายามสร้างความรู้ตัวตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ ตั้งแต่ตื่นขึ้นเราสร้างความรู้ตัวรู้สัมผัสของลมหายใจเข้าออกให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง จะลุกจะก้าวจะเดินก็มีความรู้ตัวทั่วพร้อม ลึกลงไปเราก็จะรู้ลักษณะของใจ รู้ความปกติของใจ รู้ลักษณะการเกิดอาการเกิดของใจ สติกับใจก็จะเป็นคนละส่วนกัน
แต่เวลานี้ เราไปมั่นหมายเอาตัวใจว่าเป็นสติปัญญา เป็นความคิด อันนี้ก็เป็นความคิดแต่เป็นความคิดในทางโลกีย์ เป็นความคิดระดับปัญญาโลก เรามาสร้างปัญญาธรรม มาสร้างผู้รู้เข้าไปอบรมใจเราอยู่ตลอดเวลา อยู่คนเดียวเราก็อบรมใจของเรา อยู่หลายคนเราก็อบรมใจของเรา
ท่านถึงบอกว่าให้เจริญสติเป็นเพื่อนใจก็จะมีความสุข เห็นเหตุเห็นผล ชี้เหตุชี้ผล ละอกุศล เจริญกุศล อะไรที่จะเป็นบุญ อะไรที่จะเป็นประโยชน์เราก็ทำ ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์สมมติประโยชน์วิมุตติ แต่เราต้องรู้ลักษณะของใจให้ชัดเจน ตามทำความเข้าใจกับใจภายในกายของเราให้ชัดเจน ชี้เหตุชี้ผลให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น
เรารู้จักวิธีการแนวทาง เราพยายามดำเนินพยายามทำให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้งเสียดายเวลา ทุกคนเกิดมาก็มีบุญอยู่แล้ว มีบุญมีบารมีอยู่ในระดับหนึ่ง การสร้างสะสมคุณงามความดีก็มีอยู่ในระดับหนึ่ง แต่การเจริญสติ เอาสติปัญญาไปใช้ เอาไปชี้เหตุชี้ผล ตรงนี้จะทำกันไม่ค่อยจะได้ต่อเนื่องกันได้เท่าไหร่ บางทีก็ทำกันแบบได้บ้างไม่ได้บ้างก็พยายามทำ ก็จะคอยสร้างสะสมไปเรื่อยๆ จากน้อยๆ ไปหามากๆ เราไม่เข้าถึงวันนี้วันพรุ่งนี้เราก็ต้องเข้าถึง ไม่เข้าถึงพรุ่งนี้เดือนนี้เดือนหน้า ไม่เข้าถึงจริงๆ ก็จะไปต่อเอาภพหน้า
อย่าพากันประมาท ความประมาทนั่นแหละ เป็นรังแห่งความทุกข์เลยทีเดียว เราพยายามมาแก้มาแก้มาไข มาปรับปรุงตัวเรา แก้ไขตัวเรา ขณะที่ยังมีกำลังยังมีลมหายใจอยู่ เรื่องการปฏิบัติธรรม ปฏิบัติตัวเราเป็นเรื่องของเราไม่ใช่เรื่องของคนอื่น ส่วนมากก็มีตั้งแต่เรื่องของอื่น คนโน้นเป็นอย่างนั้น คนนั้นเป็นอย่างนี้ เอาเรื่องภายนอกมาทับถมตรงใจของเรา เรามาแก้ไขใจของเราคลายกิเลสออกจากใจของเรา สำรอกกิเลสต่างๆ ออกจากใจของเรา เป็นเรื่องของเรา
เราเข้าใจ รู้จักทรัพย์ภายใน มีทรัพย์ภายในเป็นที่พึ่ง ความว่าง ความบริสุทธิ์ ความหลุดพ้น นั่นแหละคือเครื่องอยู่ของใจ สติปัญญาไปทำหน้าที่แทนทุกเรื่อง อยู่กับสมมติก็ทำความเข้าใจสมมติ เราหนีสมมติไม่พ้นเราอยู่กับสมมติ ร่างกายของเรานี่แหละก้อนสมมติ จะหนีไปไหนเราก็แบกก้อนสมมติก้อนนี้ไปด้วย เราก็ต้องทำความเข้าใจ กายของเราก็ยังอยู่เกี่ยวเนื่องอีก เกี่ยวเนื่องกับปัจจัยสี่ เกี่ยวเนื่องกับโลกธรรม เกี่ยวเนื่องกับทุกๆ คน เราก็ต้องอยู่ด้วยปัญญา บริหารด้วยปัญญา ทำด้วยปัญญา เราก็จะมีความสุข ยืนเดินนั่งนอนให้เป็นแค่เพียงแค่อิริยาบถ
การฝึกหัดปฏิบัติใจ ต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียรเป็นเลิศ มีความขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ มีความอดทน มีความกตัญญู มีสัจจะอย่างยิ่งยวดเลยทีเดียว ก่อนที่จะขัดเกลากิเลสออกจากใจของเราได้หมด กิเลสนี้มาทีหลัง ใจนั้นบริสุทธิ์เดิม อยู่เดิม ใจตัวก่อนตัวต้นเหตุมีความบริสุทธิ์ แต่เขาไม่รู้ความเป็นจริงเขาเลยเกิด ทั้งเกิดด้วย หลงด้วย ยึดด้วยสารพัดอย่าง เราถึงได้มาเจริญสติไปขัดไปเกลา ไปเอาออก ให้กลับคืนสู่ความบริสุทธิ์เหมือนเดิม ไม่บริสุทธิ์วันนี้พรุ่งนี้เดือนนี้เดือนหน้า ถ้าไม่บริสุทธิ์จริงๆ ก็จะไปต่อเอาภพหน้า ก็ต้องพยายามกัน
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้เชื่อมโยงให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปศึกษาทำความเข้าใจ ให้รู้ทุกอิริยาบถ