หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 40

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 40
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 40
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน แล้วก็ให้เป็นธรรมชาติที่สุด

ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา เราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง เรารู้จักใจของเราแล้วหรือยัง เรารู้จักกายของเราแล้วหรือยัง เราอาจจะรู้อยู่ในภาพรวม รู้อยู่ในภาพรวมของการเป็นก้อน อันนี้คือร่างกายของเรา อันนี้คือก้อนกายของเรา ตัวตนของเราทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนแต่เป็นของเรา เพราะว่าเรายังจำแนกแจกแจงไม่ได้ว่า อะไรคือส่วนปัญญา อะไรคือส่วนของใจใจที่ปกติเป็นอย่างไร ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างไร อาการของขันธ์ห้าหรือความคิด เขาผุดขึ้นมา ใจของเราเคลื่อนเข้าไปรวมได้อย่างไร ซึ่งเป็นส่วนนามธรรม เป็นของละเอียด

เราขาดการเจริญสติเพียงแค่มาสร้างผู้รู้ มาเจริญผู้รู้เข้าไปทำความเข้าใจกับธรรมชาติที่มีอยู่ ธรรมชาติของใจ แต่เวลานี้ใจของเราทั้งหลงทั้งยึดติดธรรมชาติเอาไว้มืดมิดหมดทุกอย่าง เราถึงมาเจริญสติเข้าไปอบรมใจ เพียงแค่กำลังสติของเราก็ยังมีไม่เพียงพอ ศรัทธาความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัยมีอยู่ ศรัทธาในการทำบุญทำทาน สร้างบารมีในระดับของการให้ทานนั้นก็มีอยู่

แต่การทำความเข้าใจ ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล เราต้องหมั่นเจริญสติ รู้จักเอาสติปัญญาของเราไปใช้ ไปใช้การใช้งาน ใจที่ปกติเป็นอย่างนี้นะ ใจที่เกิดอารมณ์เป็นอย่างนี้นะ ใจที่เกิดกิเลสเราก็หาวิธี หาอุบาย หาทางแก้ไข ขณะที่ยังมีกำลัง ขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่

ใจของเราเกิดความอยาก เราก็พยายามละความอยาก ด้วยการให้ ด้วยการเอาออก ด้วยการคลาย ใจของเราเกิดความโกรธ เราก็พยายามดับความโกรธ ดับความโกรธด้วยการให้อภัยอโหสิกรรม เราดับได้ตั้งแต่ต้นเหตุ กลางเหตุปลายเหตุ เห็นเหตุเห็นผล เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนแต่มีเหตุมีผล เหตุผลระดับสมมติเหตุผลระดับวิมุตติ

กิเลสหยาบ กิเลสละเอียด มีหมดทุกคน จะมีมากมีน้อยเราก็อย่าไปท้อถอย เราก็พยายามแก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเราถ้าเราแก้ไขให้เราไม่ได้ ไม่มีใครจะแก้ไขให้เราได้เลย นอกจากตัวของเรา เราก็ต้องพยายามเอา

เรามาอาศัยกันได้อยู่ในระดับของสมมติ อนุเคราะห์กันได้ แต่ทางด้านวิมุตติ ทางด้านการขัดเกลากิเลส ทางด้านการเจริญภาวนา การเจริญสติ เราต้องเน้นลงอยู่ที่กายของเรา ทุกสิ่งทุกอย่างก็เอื้ออำนวยกัน ประกอบกันเข้า ถึงจะถึงจุดหมายปลายทางได้

(เรา) ถ้าไม่มีบารมี ไม่มีความขยันหมั่นเพียร ไม่มีความเสียสละ ไม่มีความอดทน ไม่รู้จักฝักใฝ่ ไม่รู้จักสนใจ ไม่รู้จักสร้างให้มีให้เกิดขึ้น มันก็ยากที่จะเข้าใจในชีวิตของเรา

แนวทางอันนั้นพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบตั้งนานแล้วแหล่ะ ธรรมชาติก็มีอยู่ประจำโลก แต่พวกเราเข้าไม่ถึง เราก็ไปยึดไปยึดทุกสิ่งทุกอย่าง ใจของเราไปหลงเอาขันธ์ห้า ก็เลยไปยึดเอาหมด ถ้าใจของเราแยกแยะ ปล่อยวางขันธ์ห้าได้ใจของเราก็ปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่นได้

ทีนี้ใจของเราก็ยังเกิดกิเลสอีก เราก็ต้องมาละกิเลส มาดับกิเลส มาคลายกิเลสออกทีละเล็กทีละน้อย ค่อยขัดเกลาไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งก็คงจะหลุดพ้น หลุดพ้นจากความยึดมั่นถือมั่น หลุดพ้นจากกิเลส

การได้ยินการได้ฟังการได้อ่าน ได้ศึกษาผ่านกาลผ่านเวลา ตรงนี้ก็มีกัน มีกันหมดทุกคน จะมีมากมีน้อยก็ขึ้นอยู่กับกำลังบารมีของแต่ละบุคคล บางคนปัญญาโลกก็เก่ง บางคนปัญญาธรรมก็เก่ง ถ้าจะให้รอบรู้ เราก็ต้องให้ได้ทั้งปัญญาโลกปัญญาธรรม ถ้าไม่มีปัญญาโลกเราก็ตีความหมายปัญญาธรรมไม่ได้ เราก็ต้องพยายามทำความเข้าใจ

แต่ละวันใจของเรามีสภาพอย่างไร มีความหนักแน่น มีความอ่อนโยน มีความกล้าหาญ มีความกตัญญูกตเวทีหรือไม่มีสัจจะกับตัวเองหรือเปล่า สัจจะนี้สำคัญ สำคัญทุกเรื่อง สำคัญทุกอย่าง เหมือนกับบันได เราขึ้นขั้นแรกถึงขั้นสุดท้ายก็ถึงตัวเรือน บันไดก็อาศัยราวบันไดประกอบกันเข้า ถึงขึ้นถึงตัวเรือนได้ บารมีของเราต้องให้เต็มทุกอย่าง ความเสียสละ ความอดทน ความฝักใฝ่ ความสนใจ ความกล้าหาญ อาจหาญในสิ่งที่ควรกล้าหาญ ให้ละอายในสิ่งที่ควรละอายเป็นบุคคลผู้ให้ ให้ ให้อภัยทานอโหสิกรรม ให้ทั้งกำลังกายกำลังใจ ให้ทั้งวัตถุทาน ทีนี้เราจะเอาจะมีจะเป็นก็เป็นเรื่องของปัญญา

เรามาศึกษาความเป็นจริงในร่างกายของเรา ว่ามีอะไรบ้างที่มาประกอบกันเข้า ซึ่งพระพุทธองค์ท่านบอกว่าธาตุสี่ขันธ์ห้า มีวิญญาณเข้ามาครอบครอง วิญญาณก็คือตัวใจของเรานั่นแหละ ทำไมเขาถึงเกิด ทำไมเขาถึงหลง ทำอย่างไรเราถึงจะคลายได้ เราก็มาเจริญสติทุกอิริยาบถ ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่กับถ่าย ตั้งแต่ตื่นขึ้นตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่

หลวงพ่อก็ย้ำอยู่ทุกวันให้พวกท่านได้เจริญสติ สร้างความรู้ตัว รู้กาย รู้ลมหายใจ อันนี้ก็เป็นการรู้กาย รู้กายของเราหายใจเข้าหายใจออก ถ้าเรารู้ให้ต่อเนื่องเขาก็เรียกว่า 'สัมปชัญญะ' มีความรู้ตัวทั่วพร้อม

เราพยายามดู รู้ รอบรู้ในวิญญาณในกายของเรา รอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในอารมณ์ ดับความเกิดของใจ ความเกิดนั่นแหละคือกิเลสอันละเอียดที่สุด

ในเมื่อเขาได้มาเกิดอยู่ในภพมนุษย์ คือร่างกายของเรา เขาก็มายึดเอาตรงนี้ เราก็มาเจริญสติเข้าไปอบรม ค่อยไปวิเคราะห์ ค่อยไปสังเกต จนใจคลายออกจากความคิด ใจคลายออกจากขันธ์ห้า หงายขึ้นมาได้ นั่นแหละเราถึงจะเข้าใจคำว่า อัตตาอนัตตา รู้ เห็น รู้เรื่องอนิจจังทุกขังอนัตตาในกายในใจของเรา เข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์

รู้เรื่องกิเลสเกิดจากใจของเรา กิเลสเกิด กิเลสหยาบกิเลสละเอียด เขาเกิดได้อย่างไร การพูดการจานี้ง่าย แต่การลงมือจริงๆ ต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียรเป็นเลิศ เป็นบุคคลที่มีความเพียรอยู่ตลอดเวลา จนชี้เหตุชี้ผลได้ ถึงละได้ ถ้าเราไม่รู้จักจุดละจุดวาง เราก็วางไม่ได้ อยากจะวางเราก็วางไม่ได้หรอก

อีกอย่างหนึ่งนั้น ถ้าวิบากกรรมไม่คลายวิบากกรรมสมมติไม่คลาย ไม่ถึงที่สิ้นสุด ใจก็ยากที่จะคลายได้เหมือนกัน เราก็อาจจะไปรับวิบากกรรมที่โน่น ไปอยู่ที่โน่น ไปทำนู่นทำนี่ บางคนก็รับกรรมหนัก บางคนก็รับกรรมเบา

ถ้าเรามาศึกษาเรื่องกรรม กรรมทางด้านรูปธรรม กรรมทางด้านนามธรรม ไล่เรียงลงไปถึงกรรมที่เกิดจากตัวใจ จนกระทั่งถึงต้นเหตุ เราก็พยายามค่อยๆ แก้ไขไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งเราก็คงจะถึงจุดหมาย อย่าไปเกียจคร้าน อย่าไปงอมืองอเท้า ถ้าเราเกียจคร้าน เราก็ได้ความเกียจคร้าน สร้างสะสมความเกียจคร้าน วันนี้เท่านี้ วันนี้วันพรุ่งนี้ขึ้นไปเรื่อยๆหมักหมมความเกียจคร้าน หมักหมมกิเลส สะสมไปเรื่อยๆ มันก็เป็นดินพอกหางหมู

ถ้าเราหมั่นขัดหมั่นเกลา หมั่นเอาออก หมั่นวิเคราะห์ อบรมกายอบรมใจของเราอยู่ตลอดเวลา อยู่คนเดียวเราก็ดูเราอยู่หลายคนเราก็ดูเรา แก้ไขเรา ปรับปรุงตัวเราอยู่ตลอดเวลา เอาการเอางานเป็นการปฏิบัติ ทำงานไปด้วยละความเกียจคร้านไปด้วย อานิสงส์ของการกระทำ เราก็ได้รับความสะดวกสบาย คนอื่นมาก็ได้รับความสะดวกสบาย เราจากไปคนรุ่นหลังก็จะได้สานต่อ

ถ้าเราชนะเราแล้ว เราก็ชนะหมดทุกอย่าง อย่าไปว่าไม่ใช่ของตัวเรา อย่าไปเห็นแก่ตัว ขัดเกลากิเลสออกจากใจของเราให้มันหมด สักวันใจของเราคลายออก เราก็จะมองเห็นความจริง เราได้รับความว่าง ความบริสุทธิ์ ความหลุดพ้นเพราะการขัดเกลากิเลส กิเลสก็ของเรา เราก็แก้ไขเอา แก้ไขให้กันไม่ได้ เพียงแค่บอกกล่าว ชี้แนะวิธีการแนวทางเท่านั้นเอง ก็ต้องพยายามกันนะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง