หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 14 วันที่ 12 มีนาคม 2563

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 14 วันที่ 12 มีนาคม 2563
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 14 วันที่ 12 มีนาคม 2563
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 14
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 12 มีนาคม 2563

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจนให้ต่อเนื่อง

ถึงเราเดินปัญญาไม่ได้ เราก็ให้รู้จักการเจริญสติให้มีให้เกิดขึ้น ตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ จนกระทั่งถึงเวลานี้แล้วก็เดี๋ยวนี้ แล้วก็พยายามหัดอบรมใจของเรา แก้ไขใจของเรา อันนั้นจะตามมาทีหลัง ถ้าเราไม่มีสติ เราก็ยากที่จะไปควบคุมใจอบรมใจของเราได้

เราพยายามสร้างความรู้ตัว รู้จักเอาไปใช้เอาไปวิเคราะห์ แต่ละวันๆ กายของเราทำหน้าที่อย่างไร ใจทำหน้าที่อย่างไรอยู่ตลอดเวลา สักวันหนึ่งเราก็คงจะเห็นใจคลายออกจากความคิดหรือว่าแยกรูปแยกนาม ถ้ายังแยกรูปแยกนามไม่ได้นี่ จะเดินปัญญาเข้าสู่วิปัสสนา จะเดินตามทางสัมมาทิฏฐิความเห็นถูกไม่ได้เลย

เราอาจจะเห็นถูกเพียงแค่ระดับของสมมติ แต่ระดับวิมุตติแล้วต้องแยกต้องคลาย ต้องให้รู้ให้ชัดเจนแล้วก็ดับความเกิด ละกิเลสหยาบกิเลสละเอียดให้ได้ แต่ส่วนมากก็ได้เพียงแค่ควบคุม ก็ต้องพยายามกัน ขยันหมั่นเพียรทุกอิริยาบถ ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย เราสอนเราไม่ได้ ไม่มีใครเขาจะสอนเราได้เลยนอกจากตัวของเรา

ส่วนการทำบุญให้ทาน ศรัทธา ตรงนี้มีกันเต็มเปี่ยม แต่การที่จะเข้าถึงธรรมชาติที่แท้จริงของใจนั้น ตามปกติตามความเป็นจริง ใจของทุกคนสะอาดบริสุทธิ์อยู่เดิม ความไม่รู้ ความไม่เข้าใจใจถึงวิ่งรนหาที่พึ่ง เอากิเลสมาทับถมตัวเรา ทั้งดำทั้งขาว ทั้งดีทั้งชั่ว ทั้งความเกิด เขาก็ดิ้นรนแสวงหาความสุขมาใส่ตัวเองโดยที่ไม่รู้ เพราะว่าความหลงเข้าไปครอบงำ ก็ทับถมมาเรื่อยๆเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงภพมนุษย์นี้แหละ มาอาศัยภพมนุษย์ มาสร้างร่างกาย ก็เปรียบเสมือนกับเสื้อผ้า เวลากายแตกดับ จิตวิญญาณก็ไปต่อดำเนินต่อ

พระพุทธองค์ท่านให้มาศึกษาวิญญาณซึ่งอาศัยอยู่ในกายของเราให้ได้ ขณะที่ยังมีกำลังกายอยู่ถ้ากายไม่มี ก็เหลือตั้งแต่วิญญาณ มันก็สอนยาก เพราะว่าไม่มีอะไรที่จะเข้าไปสอนได้เลย มีแต่วิญญาณไปเสวยวิบากของกรรม

เราพยายามเจริญสติเข้าไปอบรมใจของเราขณะที่ยังกำลังมีกายอยู่ ชี้เหตุชี้ผลเห็นเหตุเห็นผลจนใจของเราละความยึดมั่นถือมั่น ดับความเกิด ละกิเลสได้ เข้าสู่ธรรมชาติที่แท้จริง คือความบริสุทธิ์ได้ ตรงนี้ก็ทำยากอยู่ถ้าไม่เป็นบุคคลที่ขยันหมั่นเพียรจริงๆ

เพียงแค่ระดับสมมติก็ยังแก้ไขตัวเรายังลำบากอยู่ ก็ต้องช่วยกันแก้ไขปรับปรุงไป สักวันหนึ่งเราก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน ยิ่งมาอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่านก็พยายามมีความสมัครสมานสามัคคี มีความเสียสละ มีอะไรเราก็ช่วยกัน อย่าไปเกียจคร้านงอมืองอเท้า ถ้าความเกียจคร้านเข้าครอบงำจากครั้งหนึ่ง 2 ครั้ง 3 ครั้ง ก็มากขึ้นๆ จนเป็นดินพอกหางหมู

ถ้าเราขยันหมั่นเพียร ทั้งขัดเกลาเอาออก ทั้งความเสียสละ ทั้งพรหมวิหาร ทั้งความอ่อนน้อมถ่อมตน ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนแต่เป็นตบะบารมีขึ้นสู่ที่สูงในวันข้างหน้า เราพยายาม อย่าไปเกียจคร้าน ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ให้ขยันหมั่นเพียร สักวันหนึ่งเราก็คงจะเข้าใจในชีวิตของเราไม่ใช่ปล่อยปละละเลย เราแก้ไขเราปรับปรุงเราอยู่ตลอดเวลา ทั้งสมมติทั้งวิมุตติ

สมมติก็คือความเป็นอยู่ ปัจจัยสี่ของเรา อะไรขาดตกบกพร่อง เราก็ช่วยกัน อะไรไม่สวยไม่งามเราก็ช่วยกัน อาหารตาอาหารกาย อาหารใจ ให้สมบูรณ์แบบ ไปอยู่ที่ไหนเราก็มีความสุข

วันนี้ก็ใกล้ รู้สึกว่าอากาศร้อนอบอ้าวสงสัยฝนจะตก เห็นเขาประกาศภายใน 2-3 วันพายุหรือฝนฟ้าก็จะตกลงมา พวกเราก็ช่วยกันปลูกต้นไม้ เกือบจะหมดแล้วแหละ เหลืออยู่ประมาณ 100 ต้น ก็คงจะไล่ปลูกไปอีกสัก 2-3 วันก็คงจะเสร็จ ให้เทวดาช่วยเลี้ยง เราปลูกช่วงนี้แหละ อากาศก็ร้อน บางทีก็ฝน รากไม้ก็จะได้เดินได้เร็วได้ไว ต่อไปในวันข้างหน้าก็จะเป็นป่าดงดิบ เป็นหย่อมป่าดงดิบให้เป็นปอดของทุกคน

ปลูกทุกปีๆ ต้นไหนรอดก็รอด ต้นไหนตายก็ตาย ตรงไหนไม่สวยไม่งามก็แก้ไขปรับปรุง อันนี้แหละที่เรียกว่า “ปรุงแต่งธรรมชาติให้เป็นธรรมชาติ ให้น่าอยู่น่าอาศัย” ถ้าเราไม่ทำ วันข้างหน้าก็จะไม่มีป่า ไม่มีธรรมชาติให้เราเห็น ทุกวันนี้ธรรมชาติก็หดหายไปเกือบจะหมดถ้าเราไม่ทำขึ้นมา ถึงเรามีไม่เยอะ เราก็ทำในสถานที่ของเราให้เป็นป่าน่าอยู่น่าอาศัย น่ารื่นรมย์ ในวันข้างหน้า ใครไปใครมาก็มีความสุข ให้ช่วยกันทั้งพระทั้งชี

ในวันข้างหน้าเราก็จะไม่ได้ลำบาก ใครมาก็มีความสุข เราอยู่ก็มีความสุข ความเย็น ป่าไม้มีก็เย็นสบาย สถานที่ให้ความร่มรื่นร่มเย็นบุญก็เกิดขึ้น ถึงแม้แต่บุญสมมติเราก็อย่าไปทิ้ง เราค่อยสร้าง สะสมไปเรื่อยๆ จากน้อยๆ ไปหามากๆ ความขยันหมั่นเพียรความรับผิดชอบความเสียสละแก่ตัวเรา ล้นออกไปสู่หมู่สู่คณะ สู่เพื่อนสู่ฝูงสู่สถานที่ กว้างไกลออกไปเรื่อยๆ ใครไปใครมาก็มีความสุข

มีอะไรให้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อะไรผิดพลาดก็รีบแก้ไข แก้ไขตัวเราให้ได้ ใช้ตัวเองไม่เป็นอย่าไปทำให้หมู่ให้คณะลำบาก เราพยายามแก้ไขช่วยกัน ลงเรือลำเดียวกัน ไปในทางเส้นเดียวกัน ถ้าเราไปขวางหมู่ขวางคณะขวางพวกขวางฝูงแล้วละก็ การเดินทางก็ลำบาก ก็จะได้พิจารณาตัวเรา แก้ไขตัวเราก็ต้องพยายามกันนะ

ช่วงนี้รู้สึกว่าการก่อสร้างก็เยอะอยู่ทุกจุด ก่อสร้างก็เยอะอยู่ เดี๋ยวนี้กำลังนำเหล็กเก่าของเก่าเพิ่งเอามาจากการวางรากฐานมหาเจดีย์เอามาใช้ มาใช้สร้างศาลาสร้างนู่นสร้างนี่ ก็เพื่อที่จะได้เปิดทางทางมหาเจดีย์ให้มีที่ว่างที่ทำงาน เราก็เอาของเก่ามาใช้ให้เกิดประโยชน์เสียก่อนจะเสียทิ้ง เราก็ค่อยไล่เก็บไปทีละเล็กทีละน้อยจนกว่าจะสมบูรณ์แบบ มีอะไรก็ให้ช่วยกัน

มาอยู่วัดก็มาช่วยกัน ไม่ได้มาสร้างปัญหาสร้างภาระต่างๆ เราเปลี่ยนจากปัญหาเปลี่ยนจากภาระมาเป็นหน้าที่ เป็นสมมติที่จะช่วยกันทำ ไม่ใช่ว่าอันนู้นไม่ใช่ของเรา อันนี้ไม่ใช่ของเรา กว่าจะดำเนินมาได้ให้ทุกคนได้อยู่ดีมีความสุข ก็อาศัยความเพียร อาศัยความเสียสละ อาศัยพรหมวิหารของทุกคน ค่อยสร้างสะสมมา ทุกอย่าง ตั้งหลายปีกว่าจะมาทำให้ทุกคนได้อยู่ดีมีความสุขเห็นผลอานิสงส์ เข้ามาอยู่แล้วก็มีความสุข ก็อย่าพากันงอเท้า

คนที่มาอยู่วัดก็ให้ขยันหมั่นเพียร อย่าไปเกียจคร้าน ไม่ใช่ว่าขอให้กูได้อยู่ได้กินได้สะดวกสบายอย่างอื่นจะเป็นอย่างไรไม่สนใจ อย่างนั้นไม่ใช่ กว่าจะมีให้ทุกคนได้อยู่ดีมีความสุขนี้ลำบากลำบากมาก กว่าจะได้มาแต่ละชิ้นแต่ละอัน แต่ถ้าพวกท่านมาเห็นตั้งแต่เริ่มแรกนี้ กับทุกวันนี้ จะมองต่างกันมากเลยทีเดียว ตั้งแต่เริ่มแรกนี้ลำบาก แม้แต่ถนนหนทางก็ยังเป็นทะเลยังเป็นขี้เลนขี้โคลนเข้ามาไม่ได้ กว่าจะได้ทำถนนมาได้นี่ต้องลำบากหาดินหาหินมาใส่ทั้งกลางวันทั้งกลางคืน หนาวร้อนก็อดทนทำมาอยู่คนเดียว

แม้แต่ศาลาที่พวกท่านนั่งอยู่นี้ กว่าจะได้มาเป็นศาลาก็ รื้อแล้วรื้ออีกๆ เพราะว่าตั้งแต่ก่อนไม่มี ก็ทำหลังเล็กๆ กว่าจะขยับขยายขึ้นมาได้แต่ละจุดแต่ละที่ ห้องส้วมห้องน้ำ ลำบากก็ลำบาก แม้แต่ต้นไม้ป่าไม้กว่าจะได้ปลูกได้ก็ต้องเอารากไม้ออกเสียก่อน รากเพ็กรากอะไรบ้าง บำรุงดินบำรุงปุ๋ยเสียก่อน กว่าจะได้มาเป็นป่าให้กับทุกคนได้อยู่ดีมีความสุข

พวกเรามาเห็น ก็มาเห็นบั้นปลาย มาเห็นผล พวกเราก็มาสร้างสานต่อ ก็พากันขยันหมั่นเพียร มีอะไรพอช่วยกันได้ก็ช่วยกัน ถ้าเราไม่ช่วยกันแล้วใครเขาจะมาช่วยเรา พวกเรามาอยู่ด้วยกันก็ช่วยกัน ช่วยกัน รู้จักขัดเกลากิเลสของตัวเอง รู้จักเจริญพรหมวิหาร รู้จักความเสียสละ สร้างความสมัครสมานสามัคคี สิ่งพวกนี้แหละคือ “การปฏิบัติ”

ถ้าเราเพียงแค่สมมติก็ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่มีการกระทำให้มีให้เกิดขึ้น มันก็ลำบากสำหรับการปฏิบัติ ถ้าที่พักไม่มีก็ลำบาก โรงครัวไม่มีก็ลำบาก ห้องส้วมห้องน้ำไม่มีก็ลำบาก กับข้าวกับปลา เครื่องอยู่เครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ แม้ตั้งแต่อุปกรณ์ แม้ตั้งแต่ถ่านจะทำกับข้าวกับปลา เราก็ต้องขวนขวายเตรียมเอาไว้ ทุกคนก็มองเห็นตั้งแต่ว่า มีอาหารอยู่ในกจาน มีอาหารอยู่ในหม้อก็ว่ามีความสุขแล้ว กว่าจะได้มาแต่ละชิ้นแต่ละอัน ประกอบกันเข้ามานี้มันลำบากอยู่นะ

ในเมื่อพวกเราได้มาอยู่ เราก็รู้จักทำความเข้าใจ รู้จักเร่งทำความเพียร แม้แต่ความสะอาดความเป็นระเบียบเรียบร้อย ที่พักที่อาศัยที่หลับที่นอน เราดูแลทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วหรือยัง

จะเอาตั้งแต่ธรรมแต่ไม่รู้จักธรรม มันก็ไม่ได้ธรรม ธรรมภายนอกแค่สมมติก็ยังไม่รู้จักทำความเข้าใจ ไม่รู้จักสร้างขึ้นมาให้มีเกิดขึ้น ธรรมภายในทางด้านจิตใจ มีตั้งแต่ความทะเยอทะยานอยาก อยากจะได้ธรรมมันก็ยิ่งห่างไกล

ถ้าเราขัดเกลาความเสียสละออกจากจิตใจของเรา ทั้งกิเลสหยาบกิเลสละเอียด เราไม่อยากจะได้ความบริสุทธิ์เราก็ได้ ความขยันหมั่นเพียรของเรามี เรารู้จักทำความเข้าใจให้ถูกที่ถูกทางความเกียจคร้านก็คลายไปหายไป ต้องเป็นบุคคลที่มีความขยันหมั่นเพียรเป็นเลิศ ต้องเป็นบุคคลที่มีความเสียสละเป็นเลิศ ถึงจะเข้าถึงจุดหมายปลายทางได้เร็ว ได้ไว ถ้าเราไปทำมัวเมาเล่น เหยาะๆ แหยะๆ มันก็ไม่ได้เท่าไหร่เลย ได้เพียงแค่เหยาะๆ แหยะๆ นั่นแหละ

ทรัพย์ภายในเป็นอย่างไร อริยทรัพย์เป็นอย่างไร ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่บริสุทธิ์เป็นอย่างไร เครื่องอยู่ของใจเป็นอย่างไร เราพยายามสร้างให้มีให้เกิดขึ้น ใหม่ๆก็อาจจะลำบาก การเดินทางก็อาจจะลำบาก ถ้าถึงจุดหมายปลายทางแล้วธรรมก็จะรักษาเราเอง สติปัญญาสมาธิก็จะรักษาเราเอง

ช่วงใหม่ๆ สติไม่มีเราก็สร้างขึ้นมาให้มี ใจของเรามีกิเลสเราก็ขัดเกลากิเลส ใจของเรามีความแข็งกร้าว เราก็พยายามละความแข็งกร้าว พยายามสร้างในสิ่งตรงกันข้าม ถ้าใจของเราเกิดความอยาก เราก็ละความอยาก ด้วยการให้ด้วยการเอาออก หมั่นพร่ำสอนตัวเองอยู่ทั้งกลางวันทั้งกลางคืน

กายวิเวกเป็นอย่างไร ใจวิเวกเป็นอย่างไร

บุคคลที่มีสติมีปัญญา ฟังนิดเดียวไปเร่งทำความเพียรให้มีให้เกิดขึ้น ว่าอะไรควรแก้ไข เราขาดตกบกพร่องอะไรบ้าง เราจะแก้ไขเราได้อย่างไรบ้าง ไม่ต้องไปกังวลว่าจะไม่รู้ ไม่ต้องไปกังวลว่าจะไม่เข้าใจ ไม่ต้องไปกังวลว่าจะเสียเปรียบกิเลสคนโน้นคนนี้ ไม่ต้องไปกังวลว่าจะเสียเวลา เราเอาการเอางานของเรานั่นแหละเป็นการปฏิบัติถ้าเราเข้าใจ มีความสุข มีความสุขในการงานทำงานไปด้วยละความเกียจคร้านไปด้วย สร้างความขยันหมั่นเพียรไปด้วย เราพลั้งเผลอให้กิเลสตัวไหนเราก็เอาใหม่ เริ่มใหม่ จนกว่าจะไม่มีอะไรให้เราได้ไปจัดการนั่นแหละ

เอาล่ะวันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง