หลวงพ่อฝากไว้_หลวงพ่อกล้วย ลำดับที่ 4 วันที่ 6 มกราคม 2557

หลวงพ่อฝากไว้_หลวงพ่อกล้วย ลำดับที่ 4 วันที่ 6 มกราคม 2557
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้_หลวงพ่อกล้วย ลำดับที่ 4 วันที่ 6 มกราคม 2557
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ชุดที่ 1 (ลำดับที่ 1-20)
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ลำดับที่ 4
วันที่ 6 มกราคม 2557


เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมา เราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสีย นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย ไม่ต้องประนมมือ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียก สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเรา ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ


เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออก พวกเราก็ขาดการสร้างความรู้ตัวเลยทีเดียว ปล่อยเลยตามเลย ทั้งที่เป็นงานง่ายๆ แต่พวกเราก็ทำให้เป็นงานยาก เพราะว่าขาดการสนใจ ขาดธรรม ขาดการทำความเพียรให้ต่อเนื่อง ทั้งที่ใจก็เป็นบุญ แต่ก็ปรารถนาอยากจะรู้ธรรม แต่การเกิดของใจมีอยู่ ความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่ใจก็มีอยู่ ปัญญาเก่า ของเก่า ความคิดเก่า เขาปกปิดดวงใจเอาไว้หมด ทั้งที่ใจเขาเกิดไปรวมไปร่วมไปยินดีเพราะว่าความหลง ความหลงหลงเกิดมาตั้งนาน แล้วก็หลงปรุงแต่ง เป็นทาสของกิเลส เป็นทาสของอารมณ์


ใจนี้ถ้าฝึก ถ้าเขารู้ความจริงเขาฝึกได้ ถ้าเขารู้ความจริงเขาก็ไม่เอาเขาก็ไม่ยึด ถ้ากำลังสติของเรามีความต่อเนื่อง มีกำลังเพียงพอ แล้วก็หมั่นอบรมใจ หมั่นประคับประคองใจของตัวเรา แล้วก็หมั่นขัดเกลากิเลสออกจากใจของเรา จนถึงจุดหมายปลายทางเขาก็คลาย ซึ่งหลักธรรมท่านเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ เราก็ได้ยินได้ฟังกันบ่อยๆ


ไม่ว่าไปที่ไหน ถ้าครูบาอาจารย์ท่านไหนฝักใฝ่ในการปฏิบัติ ท่านก็จะพูดถึงเรื่องการแยกรูปแยกนาม เห็นการเกิด การดับ รอบรู้ในกองสังขารของตัวเรา รอบรู้ในวิญญาณในกายในขันธ์ห้าของเรา แล้วก็วิธีการที่จะเข้าถึง บุคคลที่มีบุญมีอานิสงส์ เพียงแค่ได้ยินข่าว ได้ทราบข่าว รู้จักวิธีรู้จักแนวทาง จะไปทำความเพียรอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นขึ้นมา จนกระทั่งนอนหลับ ยืน เดิน นั่ง นอน กิน อยู่ ขับถ่าย จะไม่ปล่อยโอกาสทิ้ง


กายวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้ การควบคุมใจเป็นอย่างนี้ ลักษณะของสติปัญญารู้ตัวอยู่ปัจจุบัน ที่ต่อเนื่องกันเป็นลักษณะเป็นอย่างนี้ ไปทำอยู่ตลอดเวลา จะลุก จะก้าว จะเดิน มีสติรู้ใจ เวลาตากระทบรูป ใจของเราปกติ หรือว่าเกิดความยินดียินร้าย หูกระทบเสียง ลิ้นกระทบรส กายสัมผัส ใจของเราเกิดความยินดียินร้ายหรือไม่ จะหมั่นสอดส่องใจของเราตลอดเวลา ทุกเรื่องตั้งแต่ตื่นขึ้นมา เพียงแค่ความรู้ตัวพลั้งเผลอก็ประคับประคองให้ต่อเนื่อง จนรู้เท่าทัน จนหมดความสงสัยได้ ละกิเลสได้นั่นแหละ จนดับความเกิดได้นั่นแหละ กิเลสหยาบ กิเลสละเอียดต่างๆ


หลวงพ่อก็เล่าของเก่าตลอดเวลาตั้ง 20-30 ปี ก็ต้องพูดเรื่องนี้อย่างเดียวเท่านั้น ที่จะเข้าไปดับทุกข์ได้ ถ้าเรารู้ด้วย เห็นด้วย ทำความเข้าใจได้ด้วย หมดความสงสัยได้นั่นแหละ ถึงจะเข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์ที่แท้จริง ท่านไม่สอนเรื่องอะไรหรอก ท่านสอนเรื่องชีวิตของเรา สอนเรื่องกายเรื่องวิญญาณของเรา ท่านไม่ได้สอนเรื่องอื่น แต่พวกเราแสวงหาธรรมตั้งแต่ภายนอก มันก็เลยไม่เจอ


หาภายนอกนั้นเราสร้างบุญร่วมกันได้อยู่ ทางสมมติ แต่ทางด้านจิตใจเราต้องพยายามเน้นลงที่ฐานของใจ รู้ไม่ทันต้นเหตุ เราก็ต้องดับเอาไว้ ควบคุมเอาไว้ ไม่ต้องไปกลัวว่าจะไม่มีความรู้ ไม่ต้องไปกลัวว่าจะไม่มีปัญญา ขอให้เรารู้จักลักษณะ คำว่า ‘ปัจจุบันธรรม’ ความรู้ตัวอยู่ปัจจุบันธรรม กับตัวใจ หรือว่าตัววิญญาณเป็นลักษณะอย่างไร ความว่างนั่นแหละ เขาเกิดตรงไหน เราดับอยู่ที่ความเกิดของเขา ก็จะถึงตัวของวิญญาณ แต่เราต้องหัดสังเกตคลายขันธ์ห้าให้ได้เสียก่อน ซึ่งเป็นนามธรรมด้วยกัน เราถึงจะเข้าถึงตรงนี้


ถ้าคลายได้ ตามดูได้ ทำความเข้าใจได้ เราจะละกิเลสได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความเพียรของเรา การพูดง่าย แต่การที่จะเข้าถึงนี้เราต้องมีความเพียรที่ต่อเนื่อง ชี้เหตุชี้ผล เหตุผลทางด้านนามธรรมก็ต้องถึงจุดหมายปลายทาง เหตุผลทางรูปธรรมก็มี เหตุผลสมมติ เหตุผลวิมุตติ เขามีหมด เว้นเสียแต่ว่าเราจะเข้าถึงจุดหมายปลายทางนั้นหรือไม่ ก็ต้องพยายามกันนะ อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง


เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออก พวกเราก็ขาดการทำความเข้าใจที่ต่อเนื่อง เพียงแค่การทำความเข้าใจกับทวารทั้งหก พวกเราก็ขาดการทำความเข้าใจ เพียงแค่เรื่องการรับประทานข้าวปลาอาหาร เราก็ขาดการทำความเข้าใจ ว่ากายของเราหิว หรือใจของเราเกิดความอยาก ทุกเรื่องเลยทีเดียวเราจะปล่อยปละละเลยไม่ได้ เราต้องสำรวจทำความเข้าใจให้หมดความสงสัยได้นั่นแหละ ถึงจะอยู่อย่างมีความสุข


แต่ก็อย่าไปทิ้งบุญ ในการทำบุญ ในการให้ทาน มีจิตศรัทธา น้อมกายของเราเข้ามา แล้วทำความเข้าใจให้รู้แจ้งเห็นจริงว่า พระพุทธเจ้าท่านสอนเรื่องอะไร ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องไร้สาระ เป็นเรื่องที่มีประโยชน์ทั้งนั้น เราก็ต้องพยายาม


ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ยืน เดิน นั่ง นอน กิน อยู่ ขับถ่าย หมั่นพร่ำสอนตัวเราอยู่ตลอดเวลา สร้างความขยันหมั่นเพียร สร้างความรับผิดชอบ บุคคลที่มีอานิสงส์มีบุญ รู้นิดเดียว ไปสำรวจไปแก้ไขไปปรับปรุงตัวเอง ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นไปชี้แนะแนวทางให้ แก้ไขตัวเรา ผิดพลาดแก้ไขใหม่ ผิดพลาดแก้ไขใหม่ จนถึงจุดหมายปลายทางกัน


เอาล่ะวันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันเอา

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง