หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 116

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 116
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 116
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง เราได้วิเคราะห์ใจของเราแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ นั่งตามสบายวางกายให้สบายวางใจให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ ถึงเราหยุดไม่ได้ถึงเราละไม่ได้เด็ดขาด ก็ขอให้หยุดขณะที่กำลังนั่งฟังอยู่นี่แหละ

ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจมายาวๆ การสูดลมหายใจยาวผ่อนลมหายใจยาวอย่าไปบังคับ เป็นแค่เพียงอุบายเป็นแค่เพียงวิธี กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น ขอให้เรารู้ให้ชัดเจนว่าความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจเวลาหายใจเข้าหายใจออกเขาเรียกว่า ‘สติรู้กาย’ ถ้าเรารู้ให้ต่อเนื่องเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ เราพยายามสร้างขึ้นมาให้เกิดความเคยชิน

ถ้าความรู้ตัวตรงนี้ต่อเนื่อง เราก็จะรู้เท่าทันการเกิดของใจของเราหรือว่าวิญญาณขึ้นอยู่ในกายของเรา เขาก่อตัวอย่างไรเขาเกิดอย่างไร เราควบคุมเขาได้ในระดับไหน ต่อไปข้างหน้าเขาคลายออกจากอาการของความคิดซึ่งเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ ก็จะค่อยรู้ในรายละเอียดลึกลงไปเรื่อยๆ จนกว่ารู้ลักษณะของความปกติ รู้ลักษณะของความว่าง รู้จุดเกิด รู้ต้นเหตุ ตามดูตามทำความเข้าใจให้ใจรับรู้ อะไรคือส่วนรูปอะไรคือส่วนนาม อะไรคือโลกธรรม เราจะทำความเข้าใจได้อย่างไร

แต่ละวันตื่นขึ้นมาเราสำรวจตรวจตรา เราแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเราอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราไม่แก้ไขให้ตัวเราไม่มีใครจะแก้ไขให้เราได้เลยนอกจากตัวของเราเอง ก็ต้องพยายาม​ การชี้แนะแนวทาง​ การดำเนิน การสร้างบุญสร้างอาสนิสงค์ทางสมมตินั้นพวกเรามีโอกาสได้ร่วมกัน แต่การละกิเลส กิเลสเกิดขึ้นเมื่อไหร่เราก็ต้องพยายามละพยายามละ ถึงใจไม่มีกิเลสแม้แต่การเกิดก็คือความไม่เที่ยง ถ้าเขาไม่หลงเขาก็ไม่เกิด เราก็ต้องพยายามเอานะ

การได้ยิน​ได้ฟัง ได้​อ่านทุกคนมีกันเต็มเปี่ยมนั่นแหละ แต่การลงมือวิเคราะห์สำรวจทำความเข้าใจการละเราต้องมีจนเป็นอัตโนมัติ จนอยู่กับธรรมชาติของสมมติ อยู่กับธรรมชาติของความเป็นจริง อันนี้ลักษณะของใจที่ปราศจากกิเลสเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่ไม่เกิดเป็นลักษณะอย่างนี้ ความเกิดสติปัญญาไปเกิดทำหน้าที่แทน กายของเราเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสมมติใจของเราเป็นลักษณะอย่างนี้ เราต้องหัดวิเคราะห์จำแนกแจกแจงรู้จักจัดระบบระเบียบ รู้จักอะไรควรละอะไรควรเจริญ อะไรควรทำ ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์สมมติประโยชน์วิมุตติ ประโยชน์ในการหลุดพ้น

มันมีไม่มาก​ถ้าคนเรารู้จักฝักใฝ่รู้จักสนใจ รู้จักดิ้นรนด้วยสติด้วยปัญญาแสวงหาสร้างให้มีให้เกิด แล้วก็รู้จักรักษารู้จักทำความเข้าใจแล้วก็รู้จักละ อยู่คนเดียวก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนอยู่ที่บ้านก็ทำบ้านให้เป็นวัด อยู่ที่วัดเราก็ทำวัดให้เป็นวัด วัดภายนอกวัดภายใน อยู่ที่ทำการทำงาน รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสต่างๆ ก็จะเป็นอาจารย์คอยสอบอารมณ์เรา เรามีสติหรือว่าปัญญาที่เราสร้างขึ้นมา คอยตรวจสอบใจของเราอยู่ตลอดเวลา นั่นแหละเราก็จะได้ฟังธรรมะอยู่ตลอดเวลา

แต่ละวันเรามีความขยันหมั่นเพียร เรามีความฝักใฝ่เรามีความสนใจเพียงพอหรือไม่ การละการดับของเรามีใจของเราก็จะเกิดความสงบความสะอาด ความบริสุทธิ์เอง เราละกิเลสได้เราละได้หมดจด เราไม่อยากจะได้ความสะอาดเราก็ได้ความสะอาด เราควบคุมใจของเราให้อยู่ในความสงบเราควบคุมได้ เราไม่อยากจะได้ความสงบเราก็ได้ความสงบ ยิ่งเกิดความทะเยอทะยานอยากเท่าไรมันก็ยิ่งห่างไกล เราก็ต้องพยายามนะให้เป็นความต้องการของสติปัญญา

เรามีโอกาสได้มาสร้างบุญสร้างอานิสงส์ร่วมกัน พระเราชีเราก็ขยันหมั่นเพียรมีอะไรก็ช่วยกันทำ ไม่ว่าจะใกล้จะไกล ทำความสะอาด​ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเป็นระเบียบทั้งภายนอกภายใน นั่นแหละคือข้อวัตร เอาความเป็นระเบียบจากภายในแล้วก็ออกไปสู่ภายนอก จากกายของเราใจของเราก็ล้นออกไปสู่ข้างนอก ความเป็นอยู่ของเราก็ล้นออกไปสู่หมู่สู่คณะ มีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ ไม่เห็นแก่ตัว มีตั้งแต่ความขยันหมั่นเพียรละความเกียจคร้าน ฝึกฝนให้เป็นอุปนิสัยของตัวเราทั้งกลางวันทั้งกลางคืน

กายวิเวกเป็นอย่างไร ใจวิเวกเป็นอย่างไร เวลาทำการทำงานใจของเราเป็นอย่างไร เวลาจะขบจะฉันใจของเราเกิดความอยากเกิดความยินดียินร้าย ภาษาธรรมภาษาโลก เราจะอยู่กับสังคมอย่างไร จนกว่าธาตุขันธ์ของเราจะแตกจะดับ เพราะว่าทุกคนเกิดมาก็เดินเข้าไปสู่จุดหมายอันเดียว​ คือความไม่เที่ยง มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มีการพลัดพรากจากกันอยู่ตลอดเวลา พลัดพรากจากกัน ไม่พลัดพรากจากกันตอนเป็นก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตาย เพราะว่าเป็นกฎของไตรลักษณ์ กฎของความเป็นจริง เราพยายามรีบทำความเข้าใจให้ถูกต้องเสียขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่

วันนี้ก็พระเราก็รวมพลังช่วยกันไปกลบบ่อขยะให้หน่อยนะ บ่อขยะที่ข้างน้ำตกมีเหลืออีกอยู่ไม่มาก ขยะก็เต็มเอาขยะมารวมกันแล้วก็กลบจะได้ไม่ได้ส่งกลิ่นเหม็น เราช่วยกันดูแลช่วยกันรักษา เรากลบบ่อขยะได้ ความสะอาดความหมดจดก็ตามมา คนเรารักสะอาดแต่ไม่ค่อยจะสนใจเรื่องการกำจัดความสกปรก ถ้าเรากำจัดความสกปรกได้ความสะอาดก็จะตามมาเอง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน สกปรกภายนอกสกปรกภายใน กิเลสหยาบกิเลสละเอียด ก็ต้องพยายามกำจัดออกให้มันหมดจด จนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทางคือความสะอาดความบริสุทธิ์ความหลุดพ้น ทั้งภายนอกภายใน อย่าไปละเลย หัดไปฝึกฝนตนเองให้เป็นบุคคลที่มีความเป็นระเบียบ ระเบียบจากข้างนอกจากข้างใน ไม่ว่าอยู่ใกล้อยู่ไกล เราก็ต้องพยายาม ทำความเข้าใจให้สะอาดให้เป็นบุคคลที่ ไปที่ไหนก็มีแต่ความสุข

เอาล่ะวันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างการต่อทำความเข้าใจกันเอานะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง