หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 099

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 099
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 099
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ หรือว่าสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องให้ชัดเจนกัน เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออกพวกเราก็ขาดการสังเกตขาดการวิเคราะห์ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนถ้าเราหยุดหายใจเราก็ตายทันที เราพยายามหมั่นสังเกตสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องเขาเรียกว่ามีสติความระลึกรู้ รู้กายอันนี้เป็นส่วนหนึ่งของกาย ถ้าเรารู้ให้ต่อเนื่องเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม พยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน ถ้าความรู้สึกพลั้งเผลอเราก็เริ่มขึ้นใหม่ ความรู้สึกพลั้งเผลอเราก็เริ่มขึ้นใหม่

ส่วนใจของเรานั้นเขาเกิดอยู่แล้วแหละ​ การเกิดการปรุงการแต่งของใจของอาการของใจหรือเรียกว่าอาการของขันธ์ห้า อันนี้เขาเกิดมาตั้งนานแล้วแหละเพราะว่าเขาหลง เขาหลงมาถึงได้หลงมาเกิด แต่มาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ซึ่งมีกายเนื้อเข้ามาห่อหุ้มเอาไว้ ซึ่งมีอาการของขันธ์ห้ามีวิญญาณเข้ามาครอบครอง ทำอย่างไรเราถึงจะเข้าใจตรงนี้ เราถึงได้มาเจริญสติหรือว่ามาสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง

เพียงแค่สร้างกับดำเนินให้ต่อเนื่องพวกเราก็ยังทำกันไม่ชำนาญ ทั้งที่ใจก็อยากจะได้บุญ อยากจะรู้ธรรมอยากจะเห็นธรรม ตัวใจนั่นแหละคือตัวธรรม แต่เวลานี้เขายังเกิดอยู่เขายังหลงอยู่ เขายังหาข้ออ้างมาปิดกั้นตัวเองอยู่ เพราะว่าเขาก็ยังไม่อยากเขายังไม่อยากสงบ เขายังอยากหนีไปเที่ยว​ ไปเที่ยวไปหลงระเริงในรูปในรสในกลิ่นในเสียง หลงในภพน้อยภพใหญ่สารพัดอย่าง เขาก็หาเหตุหาผลมาปิดกั้นตัวเอง สำหรับตัวใจ อาการของใจก็อาการของขันธ์ห้าก็หาเรื่องหาเหตุหาผลมาปิดมาหลอกใจ ทุกสิ่งทุกอย่างมันปิดกั้นเอาไว้หมด

ถ้ากำลังสติไม่เพียงพอ กำลังสติของเราขาดการสังเกตขาดการวิเคราะห์ จนหาเหตุหาผลจนรู้เหตุรู้ผลให้ใจของเรายอมรับความเป็นจริงได้นั่นแหละ เขาถึงจะปล่อยถึงจะวาง ช่วงใหม่ๆ เราก็วางภาระหน้าที่การงานทางสมมติเพื่อที่จะน้อมกายของเราเข้ามาศึกษา วางสมมติภายนอกเราก็วาง มาศึกษาเรื่องการเจริญสติการเจริญสมาธิ ถ้าเราเข้าใจแล้วเราก็เจริญสติให้ได้ทุกอิริยาบถ ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์อย่างไร ทำการทำงานเพราะว่าชีวิตของเราต้องดำเนินอยู่อย่างนี้

เราต้องศึกษาภายในให้ละเอียด ตั้งแต่​งานภายนอกเราก็ช่วยกัน ทำไปด้วยดูใจไปด้วย ดูจากชัดเจน สติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเป็นอย่างนี้ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างนี้ กายวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้ กายของเราเข้าไปร่วมสมมติ​ใจของเรารับรู้ ใจของเราก่อตัวนิดเดียวเราก็รู้จักระงับยับยั้งทั้งกายทั้งวาจาทั้งใจ เราต้องพยายามดูแลตัวเราแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเรา ยิ่งพระบวชใหม่พยายามขยันหมั่นเพียรทุกอย่างนั่นแหละ เขาเรียกว่าสำรวม สำรวมกายอินทรีย์ของตัวเรา ถ้าเราไม่แก้ไขเราไม่มีใครจะแก้ไขให้เราได้เลย ต้องพยายาม หลวงพ่อก็เพียงแค่เล่าให้ฟังแค่ชี้แนะให้ฟัง

การได้ยินได้ฟังได้อ่านทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม หลวงพ่อก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้ทุกคนได้อยู่ดีมีความสุข ทั้งสมมติภายนอกก็พยายามทำ ทำทุกอย่างเพื่ออนุเคราะห์เพื่ออำนวยให้กับทุกคนได้อยู่ในกองบุญกองกุศลกัน

พวกเราอย่าไปปล่อยโอกาสทิ้งอย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง หลวงพ่อก็พยายามทำเท่าที่โอกาสจะอำนวยสภาพร่างกายจะอำนวยให้ ก็รู้ตัวอยู่ตลอดเวลา รู้กายตลอดเวลาว่าสภาพร่างกายไม่แข็งแรง ไม่รู้จะอยู่ได้สักกี่วันกี่เดือน ก็สภาพร่างกายนี่ก็อ่อนแอสภาพหัวใจก็อ่อนแอ กล้ามเนื้อหัวใจก็อ่อนแอ สภาพร่างกายก็ทรุดโทรม แต่ก็ยังอาศัยอานิสงส์แห่งบุญ อยู่ด้วยอำนาจแห่งบุญอยู่ด้วยอำนาจแห่งความบริสุทธิ์ของใจ ประคับประคองเพื่อที่ยังสมมติให้ทุกคนได้อยู่ดีมีความสุข ก็ต้องพยายามกัน ทุกอย่างช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันเหมือนพ่อเหมือนแม่ เหมือนพี่เหมือนน้อง

เรามาอยู่ร่วมกัน แล้วก็พยายามเจริญพรวิหารมองโลกในทางที่ดีคิดดี มีอะไรเราก็ช่วยกันทำ อีกสักอย่างสักระยะเวลาหนึ่งพวกเราก็ต้องได้พลัดพรากจากกัน ไม่ได้พัดพรากจากกันตอนเป็นก็ต้องได้พัดพรากจากกันตอนตาย เพราะเป็นกฎของไตรลักษณ์ กฎของความเป็นจริง เราต้องพยายามทำความเป็นจริงให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเราให้ได้เสียก่อน ว่าใจของเราเกิดอย่างไร การก่อตัวของใจ การก่อตัวของขันธ์ห้า การเจริญสติที่ต่อเนื่อง การแยกรูปแยกนาม การชำระสะสางกิเลส เราต้องดำเนินให้ได้ทุกอิริยาบถ

ทำความเข้าใจกับภาษาธรรมภาษาโลก สักแต่ว่าดู สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าฟังเป็นอย่างไร การแยกรูปรสกลิ่นเสียงออกจากวิญญาณออกจากใจของเราเป็นอย่างไร เราจะทิ้งสมมติไม่ได้ตอนนี้ เราต้องทำความเข้าใจกับสมมติ โน่นแหละหมดลมหายใจนั่นแหละถึงจะได้ทิ้งสมมติ

แต่การเกิดของใจการเกิดของวิญญาณ การทำความเข้าใจตรงนั้นเราต้องพยายามทำความเข้าใจขณะที่เรายังมีกำลังอยู่ยังมีลมหายใจอยู่ ถ้าหมดลมหายใจเขาก็ต้องไปตามสภาพวิบากกรรมของเขาถ้าเขายังไม่ถึงจุดหมายปลายทาง ให้รีบๆ ทำกันเสียเท่าที่ความสามารถของเรามี อย่าไปปิดกั้นตัวเราว่าไม่มีโอกาสว่าไม่มีเวลา ทุกคนมีเวลาเหมือนกันหมดมีโอกาสเหมือนกันหมด จะรีบฝักใฝ่​ รีบสนใจ ความเพียรของแต่ละบุคคล

สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจน ทำใจให้โล่งสมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมหายใจวิ่งเข้าวิ่งออกให้ชัดเจนกันนะ พากันไว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอา

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง