หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 091
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 091
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของเราให้ต่อเนื่องให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัว แล้วก็พยายามสร้างให้ต่อเนื่องกันแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเถอะนะ มีมากมีน้อยมีคนเดียว เราก็ต้องพยายามรู้เราแก้ไขเราปรับปรุงตัวเรา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนยืนเดินนั่งนอนให้เป็นแค่เพียงอิริยาบถ พยายามหมั่นสำรวจความเป็นอยู่ของเรา สำรวจใจของเรา
ลักษณะของการเจริญสติ การสร้างความรู้ตัว ไม่ใช่ว่าจะให้คนอื่นเขาบังคับทำ เราต้องพยายามหมั่นสำรวจหมั่นวิเคราะห์หมั่นพิจารณา หมั่นฝักใฝ่หมั่นตรวจตรากายเรา ใจเรา ให้เป็นอัตโนมัติ อะไรควรละอะไรควรเจริญ อะไรที่จะเป็นประโยชน์อะไรที่จะไม่เป็นประโยชน์ เราพยายามหัดวิเคราะห์ อะไรคือส่วนรูปธรรมอะไรคือส่วนนามธรรม ไม่ใช่ว่าเราจะไปฝึกปฏิบัติที่นู่นที่นี่ บุคคลที่มีบุญมีอานิสงส์ก็จะหมั่นแก้ไขตัวเองอยู่ตลอดเวลา
การละกิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียด การได้ยินได้ฟังการได้อ่านทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม กายของเราทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกหูตาจมูกลิ้นกายแล้วก็ใจเขาทำหน้าที่อย่างไร ลักษณะของการเจริญสติหรือว่าการสร้างความรู้สึกรับรู้ที่ต่อเนื่อง เราทำเราสร้างขึ้นมาแล้วหรือยัง ความรู้ตัวไม่มีเราก็ต้องพยายามสร้างขึ้นมาให้มี ไม่ต่อเนื่องเราก็พยายามทำให้ต่อเนื่อง
ลักษณะของใจที่ปราศจากกิเลส ลักษณะของใจที่คลายออกจากความคิดหรือว่าแยกรูปแยกนาม รู้ด้วยเห็นด้วยเห็นอาการ เห็นการแยกเห็นการคลาย การตามดูการรู้การเห็นจึงจะตื่นขึ้นมาทุกเรื่อง หมดความสงสัยหมดความลังเล กิเลสหยาบเป็นอย่างไร กิเลสละเอียดเป็นอย่างไร ความหมายของภาษาธรรมความหมายของภาษาโลกเป็นลักษณะอย่างไร
คำว่า ‘อัตตา’ เป็นลักษณะอย่างไร ‘อนัตตา’ เป็นลักษณะอย่างไร เขาอยู่รวมกันได้อย่างไร ทุกเรื่องในชีวิตเราต้องสำรวจตรวจตรารู้ให้กระจ่างหมดก่อนที่จะหมดลมหายใจ ดูเรื่องของเราให้จบแก้ไขเรื่องของเราให้ดี แล้วก็ทำความเข้าใจกับโลกธรรมทำความเข้าใจกับสมมติ ในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยวในสิ่งที่เราเข้าไปร่วม ปัญหาภายในของเราให้จบ ปัญหาภายนอกเราก็แก้
เรามีโอกาสได้มาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว ก็นับว่าเป็นบุคคลที่มีบุญมีบุญมีวาสนา มาศึกษามาค้นคว้า มาทำความเข้าใจต่อให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน อย่าไปผัดวันประกันพรุ่งอย่าไปเลือกกาลเลือกเวลา ใจของเราเกิดเมื่อไรเราก็พยายามดับพยายามหยุด หนุนกำลังสติปัญญาไปเกิดแทน อะไรคือใจ อะไรคือธรรม การปฏิบัติธรรมก็คือการปฏิบัติกายใจของเราให้ถูกต้อง ไม่ให้ใจของเราไปหลง เป็นทาสของอารมณ์เป็นทาสของกิเลส ทำใจของเราให้สะอาด คลายจากความหลงแยกรูปแยกนาม ตามดูตามรู้ตามเห็น เพราะเป็นเรื่องของทุกคนที่จะต้องศึกษาไม่ใช่เรื่องของคนอื่น เป็นเรื่องของตัวเราแท้ๆ เราก็ต้องพยายามกันไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี
ถ้าเราไม่สอนตัวเราแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเราแล้ว จะให้คนอื่นเขาสอนให้ไม่ได้หรอก คนอื่นครูบาอาจารย์ก็เป็นแค่เพียงตำราเป็นแค่เพียงแผนที่ชี้ทางเดินเท่านั้นเอง การเจริญสติเป็นอย่างนี้นะ กายวิเวกเป็นอย่างนี้นะ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้นะ การเกิดของใจ หลักของอริยสัจ สมุทัยเป็นอย่างนี้ ทุกข์เป็นอย่างนี้ ความไม่เที่ยงเป็นอย่างนี้ ใจที่ปราศจากกิเลส ใจที่คลายจากความยึดมั่นถือมั่น ใจที่ไม่มีกิเลส ใจที่ไม่มีไม่เกิดเขาก็สงบอยู่อย่างนี้
เวลาตากระทบรูป หูกระทบเสียง สัมผัสต่างๆ ใจของเราเกิดความยินดียินร้ายหรือไม่ ไม่ต้องไปถกเถียงกันหรอก ธรรมะมีไว้ให้ฝึกหัดมีไว้ให้ปฏิบัติขัดเกลาตัวเรา ไม่ใช่ว่าไปถกไปเถียงไปคุยกัน ฉันถึงบอกว่าให้พูดน้อยนอนน้อยกินน้อย ฝึกหัดปฏิบัติขัดเกลาตัวเราให้มากๆ ให้ถึงสภาพเดิมแท้ของใจ ใจที่ไม่มีกิเลส ใจที่ไม่เกิด ใจที่ไม่หลงเขาก็สะอาดบริสุทธิ์ แต่ความหลงมาปิดกั้นเอาไว้ทำให้เขาหลงผิด หลงวนเวียนว่ายตายเกิดไม่จบไม่สิ้น ทำให้เกิดทิฏฐิเกิดมานะ เกิดเป็นทาสของกิเลส
เพียงแค่การเกิดของตัววิญญาณของใจนั้นก็เป็นความหลงหลงเกิด ขนาดยังไม่คลายนะยังไม่แยก ยังไม่ได้แยกรูปแยกนามตามดูขันธ์ห้าให้ละเอียด เพียงแค่แยกได้นั้นก็ยังหลงอยู่ในระดับเพียงแค่คลายความหลงอยู่ในอัตตาตัวตนเท่านั้น เพียงแค่แยกได้ก็เพียงแค่คลายความหลง แต่การเกิดอีกก็ยังปิดกั้นตัวของเขาไว้อีก ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด
นั่นแหละคลายความหลงแล้วก็ละกิเลส กิเลสความโลภความโกรธความทะเยอทะยานอยาก ตัวใหญ่ๆ เราอาจจะเห็น แต่ตัวละเอียดความอยากความยินดียินร้าย ความเกียจคร้านเล็กๆ น้อยๆ ความเกิดเล็กๆ น้อยๆ ก็ปิดกั้นเอาไว้ ถ้ากำลังสติปัญญาไม่แหลมคมจริงๆ ก็ยากที่จะรู้ก็ยากที่จะเห็น ก็ต้องพยายามไม่เหลือวิสัย พยายามสร้างอานิสงส์สร้างตบะสร้างบารมีให้มีให้เกิดขึ้นในกายในใจของเรา
ความขยันหมั่นเพียรของเรามีเพียงพอหรือไม่ ความรับผิดชอบของเรามีเต็มเปี่ยมหรือไม่ ความเสียสละ พรหมวิหารความเมตตา การกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อม ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่จิต ไม่เห็นแก่นอน ไม่เอารัดเอาเปรียบคนอื่น ให้ชนะตัวเราแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเราอยู่ตลอดเวลา เราอยู่กับหมู่อยู่กับคณะอยู่กับสังคม เราก็ต้องพยายามอนุเคราะห์ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน อย่าไปงอมืองอเท้า ยิ่งอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่านก็พยายามสำรวมกายอินทรีย์ของตัวเราตลอดเวลา
ก่อนที่จะพูดก่อนที่จะคิดก่อนที่จะทำ อะไรเป็นประโยชน์อะไรไม่เป็นประโยชน์ ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์อยู่ปัจจุบัน ประโยชน์ส่วนตัวประโยชน์ส่วนรวม ก็ต้องหัดวิเคราะห์ ในเมื่อเรามาอยู่ร่วมกัน ความสมัครสมานสามัคคีความเสียสละก็ต้องเป็นเอก มีอะไรก็คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่ใช่ว่าเอาตั้งแต่ความเกียจคร้านไม่ใช่หน้าที่ เป็นหน้าที่ของทุกคน
กว่าจะได้อยู่ดีมีความสุขได้ก็ใช้ความเพียรอย่างยิ่งยวด เพียงแค่สถานที่ที่พักที่อาศัยที่หลับที่นอน ที่อยู่ที่กิน ที่จะทำให้สภาพสมมติของเราอยู่ดีมีความสุข อันนี้ก็ลำบากมามากต่อมาก ในเมื่อสมมติของเรามีความเพียบพร้อมไม่ได้ลำบากอะไร เราก็ยิ่งมาช่วยกันยังสมมติให้เกิดประโยชน์ เราก็พอได้รับประโยชน์นั้นด้วย คนอื่นมาก็พลอยได้รับประโยชน์นั้นด้วย ไม่ใช่ว่าปล่อยปละละเลยมีความรับผิดชอบต่อสมมติให้เต็มเปี่ยม ก็ต้องพยายามกันนะ มีอะไรก็ให้ช่วยกันจากหนักให้เป็นเบา จากเบาก็แทบจะไม่มี
ความเป็นอยู่ที่พักที่อาศัยที่หลับที่นอน ห้องส้วมห้องน้ำ เราควรต้องทำความเข้าใจ ไม่ใช่ว่าขอให้ฉันได้อยู่ดีมีความสุขใครจะเป็นอย่างไรก็ช่าง บางคนก็ขยันหมั่นเพียรมีความรับผิดชอบ บางคนก็สร้างสะสมความเกียจคร้านใส่ตัวเองไม่รู้จักรับผิดชอบ อันนี้ก็ใช้การไม่ได้ เราจงมาละความเกียจคร้าน มาสร้างความขยันหมั่นเพียรให้มีให้เกิดขึ้น ไม่เห็นแก่ตัว
กว่าจะได้อยู่ดีมีความสุขได้ ก็อาศัยกาลอาศัยเวลา อาศัยความเพียร อาศัยความเสียสละของทุกคนหล่อหลอมช่วยกัน ก็จะได้อยู่ดีมีความสุข ถึงพวกเราจากไปคนรุ่นหลังรุ่นใหม่ก็มาสร้างมาสานต่อ ก็จะได้เป็นอานิสงส์สืบทอดต่อไปในวันข้างหน้า ก็ต้องพยายามกัน
เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันนะ
ลักษณะของการเจริญสติ การสร้างความรู้ตัว ไม่ใช่ว่าจะให้คนอื่นเขาบังคับทำ เราต้องพยายามหมั่นสำรวจหมั่นวิเคราะห์หมั่นพิจารณา หมั่นฝักใฝ่หมั่นตรวจตรากายเรา ใจเรา ให้เป็นอัตโนมัติ อะไรควรละอะไรควรเจริญ อะไรที่จะเป็นประโยชน์อะไรที่จะไม่เป็นประโยชน์ เราพยายามหัดวิเคราะห์ อะไรคือส่วนรูปธรรมอะไรคือส่วนนามธรรม ไม่ใช่ว่าเราจะไปฝึกปฏิบัติที่นู่นที่นี่ บุคคลที่มีบุญมีอานิสงส์ก็จะหมั่นแก้ไขตัวเองอยู่ตลอดเวลา
การละกิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียด การได้ยินได้ฟังการได้อ่านทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม กายของเราทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกหูตาจมูกลิ้นกายแล้วก็ใจเขาทำหน้าที่อย่างไร ลักษณะของการเจริญสติหรือว่าการสร้างความรู้สึกรับรู้ที่ต่อเนื่อง เราทำเราสร้างขึ้นมาแล้วหรือยัง ความรู้ตัวไม่มีเราก็ต้องพยายามสร้างขึ้นมาให้มี ไม่ต่อเนื่องเราก็พยายามทำให้ต่อเนื่อง
ลักษณะของใจที่ปราศจากกิเลส ลักษณะของใจที่คลายออกจากความคิดหรือว่าแยกรูปแยกนาม รู้ด้วยเห็นด้วยเห็นอาการ เห็นการแยกเห็นการคลาย การตามดูการรู้การเห็นจึงจะตื่นขึ้นมาทุกเรื่อง หมดความสงสัยหมดความลังเล กิเลสหยาบเป็นอย่างไร กิเลสละเอียดเป็นอย่างไร ความหมายของภาษาธรรมความหมายของภาษาโลกเป็นลักษณะอย่างไร
คำว่า ‘อัตตา’ เป็นลักษณะอย่างไร ‘อนัตตา’ เป็นลักษณะอย่างไร เขาอยู่รวมกันได้อย่างไร ทุกเรื่องในชีวิตเราต้องสำรวจตรวจตรารู้ให้กระจ่างหมดก่อนที่จะหมดลมหายใจ ดูเรื่องของเราให้จบแก้ไขเรื่องของเราให้ดี แล้วก็ทำความเข้าใจกับโลกธรรมทำความเข้าใจกับสมมติ ในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยวในสิ่งที่เราเข้าไปร่วม ปัญหาภายในของเราให้จบ ปัญหาภายนอกเราก็แก้
เรามีโอกาสได้มาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว ก็นับว่าเป็นบุคคลที่มีบุญมีบุญมีวาสนา มาศึกษามาค้นคว้า มาทำความเข้าใจต่อให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน อย่าไปผัดวันประกันพรุ่งอย่าไปเลือกกาลเลือกเวลา ใจของเราเกิดเมื่อไรเราก็พยายามดับพยายามหยุด หนุนกำลังสติปัญญาไปเกิดแทน อะไรคือใจ อะไรคือธรรม การปฏิบัติธรรมก็คือการปฏิบัติกายใจของเราให้ถูกต้อง ไม่ให้ใจของเราไปหลง เป็นทาสของอารมณ์เป็นทาสของกิเลส ทำใจของเราให้สะอาด คลายจากความหลงแยกรูปแยกนาม ตามดูตามรู้ตามเห็น เพราะเป็นเรื่องของทุกคนที่จะต้องศึกษาไม่ใช่เรื่องของคนอื่น เป็นเรื่องของตัวเราแท้ๆ เราก็ต้องพยายามกันไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี
ถ้าเราไม่สอนตัวเราแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเราแล้ว จะให้คนอื่นเขาสอนให้ไม่ได้หรอก คนอื่นครูบาอาจารย์ก็เป็นแค่เพียงตำราเป็นแค่เพียงแผนที่ชี้ทางเดินเท่านั้นเอง การเจริญสติเป็นอย่างนี้นะ กายวิเวกเป็นอย่างนี้นะ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้นะ การเกิดของใจ หลักของอริยสัจ สมุทัยเป็นอย่างนี้ ทุกข์เป็นอย่างนี้ ความไม่เที่ยงเป็นอย่างนี้ ใจที่ปราศจากกิเลส ใจที่คลายจากความยึดมั่นถือมั่น ใจที่ไม่มีกิเลส ใจที่ไม่มีไม่เกิดเขาก็สงบอยู่อย่างนี้
เวลาตากระทบรูป หูกระทบเสียง สัมผัสต่างๆ ใจของเราเกิดความยินดียินร้ายหรือไม่ ไม่ต้องไปถกเถียงกันหรอก ธรรมะมีไว้ให้ฝึกหัดมีไว้ให้ปฏิบัติขัดเกลาตัวเรา ไม่ใช่ว่าไปถกไปเถียงไปคุยกัน ฉันถึงบอกว่าให้พูดน้อยนอนน้อยกินน้อย ฝึกหัดปฏิบัติขัดเกลาตัวเราให้มากๆ ให้ถึงสภาพเดิมแท้ของใจ ใจที่ไม่มีกิเลส ใจที่ไม่เกิด ใจที่ไม่หลงเขาก็สะอาดบริสุทธิ์ แต่ความหลงมาปิดกั้นเอาไว้ทำให้เขาหลงผิด หลงวนเวียนว่ายตายเกิดไม่จบไม่สิ้น ทำให้เกิดทิฏฐิเกิดมานะ เกิดเป็นทาสของกิเลส
เพียงแค่การเกิดของตัววิญญาณของใจนั้นก็เป็นความหลงหลงเกิด ขนาดยังไม่คลายนะยังไม่แยก ยังไม่ได้แยกรูปแยกนามตามดูขันธ์ห้าให้ละเอียด เพียงแค่แยกได้นั้นก็ยังหลงอยู่ในระดับเพียงแค่คลายความหลงอยู่ในอัตตาตัวตนเท่านั้น เพียงแค่แยกได้ก็เพียงแค่คลายความหลง แต่การเกิดอีกก็ยังปิดกั้นตัวของเขาไว้อีก ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด
นั่นแหละคลายความหลงแล้วก็ละกิเลส กิเลสความโลภความโกรธความทะเยอทะยานอยาก ตัวใหญ่ๆ เราอาจจะเห็น แต่ตัวละเอียดความอยากความยินดียินร้าย ความเกียจคร้านเล็กๆ น้อยๆ ความเกิดเล็กๆ น้อยๆ ก็ปิดกั้นเอาไว้ ถ้ากำลังสติปัญญาไม่แหลมคมจริงๆ ก็ยากที่จะรู้ก็ยากที่จะเห็น ก็ต้องพยายามไม่เหลือวิสัย พยายามสร้างอานิสงส์สร้างตบะสร้างบารมีให้มีให้เกิดขึ้นในกายในใจของเรา
ความขยันหมั่นเพียรของเรามีเพียงพอหรือไม่ ความรับผิดชอบของเรามีเต็มเปี่ยมหรือไม่ ความเสียสละ พรหมวิหารความเมตตา การกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อม ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่จิต ไม่เห็นแก่นอน ไม่เอารัดเอาเปรียบคนอื่น ให้ชนะตัวเราแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเราอยู่ตลอดเวลา เราอยู่กับหมู่อยู่กับคณะอยู่กับสังคม เราก็ต้องพยายามอนุเคราะห์ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน อย่าไปงอมืองอเท้า ยิ่งอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่านก็พยายามสำรวมกายอินทรีย์ของตัวเราตลอดเวลา
ก่อนที่จะพูดก่อนที่จะคิดก่อนที่จะทำ อะไรเป็นประโยชน์อะไรไม่เป็นประโยชน์ ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์อยู่ปัจจุบัน ประโยชน์ส่วนตัวประโยชน์ส่วนรวม ก็ต้องหัดวิเคราะห์ ในเมื่อเรามาอยู่ร่วมกัน ความสมัครสมานสามัคคีความเสียสละก็ต้องเป็นเอก มีอะไรก็คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่ใช่ว่าเอาตั้งแต่ความเกียจคร้านไม่ใช่หน้าที่ เป็นหน้าที่ของทุกคน
กว่าจะได้อยู่ดีมีความสุขได้ก็ใช้ความเพียรอย่างยิ่งยวด เพียงแค่สถานที่ที่พักที่อาศัยที่หลับที่นอน ที่อยู่ที่กิน ที่จะทำให้สภาพสมมติของเราอยู่ดีมีความสุข อันนี้ก็ลำบากมามากต่อมาก ในเมื่อสมมติของเรามีความเพียบพร้อมไม่ได้ลำบากอะไร เราก็ยิ่งมาช่วยกันยังสมมติให้เกิดประโยชน์ เราก็พอได้รับประโยชน์นั้นด้วย คนอื่นมาก็พลอยได้รับประโยชน์นั้นด้วย ไม่ใช่ว่าปล่อยปละละเลยมีความรับผิดชอบต่อสมมติให้เต็มเปี่ยม ก็ต้องพยายามกันนะ มีอะไรก็ให้ช่วยกันจากหนักให้เป็นเบา จากเบาก็แทบจะไม่มี
ความเป็นอยู่ที่พักที่อาศัยที่หลับที่นอน ห้องส้วมห้องน้ำ เราควรต้องทำความเข้าใจ ไม่ใช่ว่าขอให้ฉันได้อยู่ดีมีความสุขใครจะเป็นอย่างไรก็ช่าง บางคนก็ขยันหมั่นเพียรมีความรับผิดชอบ บางคนก็สร้างสะสมความเกียจคร้านใส่ตัวเองไม่รู้จักรับผิดชอบ อันนี้ก็ใช้การไม่ได้ เราจงมาละความเกียจคร้าน มาสร้างความขยันหมั่นเพียรให้มีให้เกิดขึ้น ไม่เห็นแก่ตัว
กว่าจะได้อยู่ดีมีความสุขได้ ก็อาศัยกาลอาศัยเวลา อาศัยความเพียร อาศัยความเสียสละของทุกคนหล่อหลอมช่วยกัน ก็จะได้อยู่ดีมีความสุข ถึงพวกเราจากไปคนรุ่นหลังรุ่นใหม่ก็มาสร้างมาสานต่อ ก็จะได้เป็นอานิสงส์สืบทอดต่อไปในวันข้างหน้า ก็ต้องพยายามกัน
เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันนะ