หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 089
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 089
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติหรือว่าสร้างความรู้สึกรับรู้ สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องกัน ตั้งตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของเรา การสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา นั่งตามสบายวางกายให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ทั้งหมด
ฟังไปด้วยแล้วก็น้อมสำเหนียก ลองสูดลมหายใจให้เป็นธรรมชาติที่สุด สูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้ากระทบปลายจมูกของเรามีความรู้สึกรับรู้อยู่ เวลาลมหายใจออกก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ เป็นผู้รู้อยู่นี่รับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา เหมือนกับนายประตูทวารคอยสังเกตดูว่ารถคันไหนจะวิ่งเข้าแล้วก็รถคันไหนจะวิ่งออก
รู้ทุกขณะเวลาลมวิ่งเข้าวิ่งออกเขาเรียกว่า ‘สติรู้กาย’ ถ้ารู้ได้ต่อเนื่องเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ พอเรามีความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกสติความรู้ตัวก็ตั้งมั่นขึ้น นิวรณ์ความเกียจคร้านก็คลายไปหายไป ตัววิญญาณในขันธ์ห้าของเราจะเกิดหรือว่าใจของเราจะปรุงแต่ง เขาก็จะรู้เท่าทันเขาก็จะเห็น เห็นแล้วก็รู้จักดับรู้จักหยุดรู้จักควบคุม ก็จะเห็นเป็น 2 ส่วน ความรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมานี้ส่วนหนึ่ง ส่วนใจนั้นเขาเกิดเขาปรุงเขาแต่งอยู่แล้วมาแต่เดิม เวลาเขาเกิดก็จะรู้ทันแล้วก็รู้จักควบคุม ก็เห็นเป็น 2 ส่วน มีความรู้สึกรับรู้ว่ามีอยู่สอง มีสติความรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมา ใจอยู่กลางใจ เห็นเป็นสอง แล้วก็มีความคิดที่จะผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจอีกเขาเรียกว่า ‘อาการของใจ’ มีกันทุกคนจะมีมากมีน้อยก็มีกันทุกคน
เวลาเขาก่อตัว บางทีอยู่เฉยๆ เขาก็ผุดคิดขึ้นมาเรื่องนู้นเรื่องนี้ ถ้าความรู้ตัวรู้สติเรารู้เท่าทันตรงนั้น เวลาใจของเราจะเคลื่อนเข้าไปรวม สติรู้เท่าทันเขาก็เห็น เห็นการเคลื่อนตัวของใจ พอรู้ตรงนั้นปุ๊บ ใจมันก็จะดีดออกจากความคิดที่ผุดขึ้นมาปรุงแต่ง ก็จะมองเห็นเป็นสาม มองเห็นเป็นสาม ใจก็ดีดออกจากอาการของความคิดเขาเรียกว่าแยก เราไม่จำเป็นต้องไปจับเขาแยก ยาก เขาจะแยกออกจากกัน เหมือนกับขโมยจะคอยเข้าบ้านถ้าเจ้าของบ้านรู้ทันมันจะรีบเพ่นทันที
อันนี้ก็เหมือนกัน ถ้าเราสังเกตดูดีๆ รู้เท่าทันตั้งแต่การก่อตัวการเกิด ตัวใจก็จะเคลื่อนเข้าไปรวมโดยปริยายโดยเคลื่อนเข้าไปรวมโดยอัตโนมัติ ถ้าเราเห็นขณะเขาเคลื่อนเข้าไปรวมปุ๊บเขาจะดีดออก เหมือนกับเราดึงเชือกให้ตึงๆ แล้วก็เอากรรไกรตัด พอเราเอากรรไกรตัดปุ๊บมันจะดีดออกจากกัน ขณะที่มันดีดนั้นเขาจะเรียกว่าพลิกเขาเรียกว่าหงาย หงายของที่คว่ำเหมือนกับเราคว่ำคว่ำขันอยู่ พอดีดออกมันก็หงายขึ้นมา พอหงายขึ้นมาตัวใจก็เลยว่างก็เลยโล่ง
ความคิดที่จะผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจนั้นเขาก็เกิดๆดับๆ เขาเรียกว่า ‘อนิจจังทุกขังอนัตตา’ เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป เวลาเขาดับไปแล้วความว่างเปล่าเข้ามาปรากฏ นั่นแหละเขาเรียกว่าเขาเรียกว่ากองสังขารเขาเรียกว่าขันธ์ห้า จะเป็นเรื่องอะไรก็มีสติคอยดูรู้อยู่ บางทีก็เป็นกุศลบางทีก็เป็นอกุศล บางทีก็เป็นกลางๆ ตัวใจของเราเข้าไปรวมเข้าไปร่วมเขาเรียกเข้าไปเสวย แนบแน่นจะเป็นตัวเดียวกัน เราก็รู้อยู่เพียงแค่ว่าเราคิด แล้วก็ทำตามความคิดทำตามอารมณ์ นั่นแหละคือความหลงอย่างลุ่มลึกหลงอยู่ที่ตรงนี้ ถ้าเราหมั่นสังเกตบ่อยๆ ทำความเข้าใจบ่อยๆ เราก็จะเห็น
ถ้ายังแยกยังคลายไม่ได้เราก็เพียงแค่ได้ควบคุมใจ ใจของเราก็อยู่ในความสงบ ก็เปรียบเสมือนกับขันที่คว่ำอยู่แต่ก็ยังละกิเลสได้อยู่ แต่ก็ยังไม่ถึงกับคลายความยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ห้าที่แท้จริง เราต้องรู้ด้วยเห็นด้วยทำความเข้าใจได้ด้วย แม้แต่การเจริญสติกำลังสติของเราก็ไม่พยายามสร้างให้ต่อเนื่องแล้วก็ไม่สนใจกันเลย การทำบุญการให้ทาน อยากจะได้บุญอยากจะรู้ธรรมอยากจะเห็นธรรม การฝักใฝ่การสนใจตรงนี้มีอยู่ แต่มีบ้างนิดๆ หน่อยๆ แต่ไม่ค่อยต่อเนื่อง เราต้องพยายามทำให้ต่อเนื่องให้ได้ทุกอิริยาบถยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย เราต้องทำความเข้าใจให้เข้าถึงความหมายนั้นๆ
คำว่าความรู้ตัวอยู่ปัจจุบันที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างไร การดับการละ การเจริญพรหมวิหาร การละกิเลส การเอาออกการให้การคลาย ให้อภัยทานอโหสิกรรม มองโลกในทางที่ดี กายทวารทั้งหกของเราทำหน้าที่อย่างไร วิญญาณในกายเนื้อของเรานี้ทำหน้าที่อย่างไร เราต้องศึกษาให้ละเอียดก่อนที่เราจะหมดลมหายใจ ใจของเราน้อมเข้ามาในกองบุญกองกุศลหรือไม่ ใจของเราฝักใฝ่สนใจ อะไรคือใจ อะไรคือสติ อะไรคืออาการของใจ เราต้องสำรวจหมดทุกเรื่อง
ไม่ใช่ว่าเราจะไปนึกไปคิดไปอ่านไปฟังอันนั้นเป็นแค่เพียงแผนที่เป็นแค่เพียงแนวทางเท่านั้น ถ้าเราไม่ไปทำไม่ไปศึกษาบอกตัวเองไม่ได้ใช้ตัวเองไม่เป็น อย่าไปให้คนอื่นเขาสอนเลย เราต้องสอนตัวเราเองแก้ไขตัวเราเองปรับปรุงตัวเราเองอยู่ตลอดเวลา การทำบุญให้ทานความเสียสละในระดับของสมมติ เรามีโอกาสเราได้ทำร่วมกัน ได้ทำร่วมกันได้ทำช่วยกัน ได้สร้างอานิสงส์ช่วยกัน ตรงนั้นมีอยู่ แต่การละกิเลสนี่เราต้องจัดการกับตัวของเราเองอยู่ตลอดเวลา กิเลสหยาบกิเลสละเอียด
การทำความเข้าใจ ทำความเข้าใจกับภาษาธรรมภาษาโลก เข้าถึงรู้ลักษณะ เข้าถึงความหมายภาษาศัพท์สมมติ ศัพท์สมมติศัพท์บัญญัติสมมติบัญญัติ อะไรคือวิมุตติอะไรคือสมมติ ลักษณะของคำว่าลักษณะอัตตา ความหมายของอัตตาความหมายของอนัตตา ต้องรู้ต้องเห็นต้องตามทำความเข้าใจ การเกิดของวิญญาณ การส่งออกไปของวิญญาณ การรวมการหลง จะเข้าหลักของอริยสัจสี่ ใจที่ส่งออกไปภายนอกเป็นอย่างไร ใจที่ไปรวมกับขันธ์ห้าเป็นอย่างไร ใจที่คลายจากขันธ์ห้าเป็นอย่างไร
ไม่ใช่ว่าเราอยากจะปล่อยอยากจะวาง ถ้าเราไม่รู้ไม่เห็นไม่ตามทำความเข้าใจให้ใจยอมรับจริงๆ แล้วยากที่จะวางได้ เพราะว่าสติปัญญาของเราต้องหาเหตุหาผล ตามดูรู้เหตุรู้ผล คลายใจออกให้มองเห็นความเป็นจริงแล้วตามดูทุกเรื่อง จนเขารู้ความเป็นจริงแล้วเขาถึงจะยอมปล่อยยอมวาง ถ้าเขารู้ความเป็นจริงทุกอย่างแล้วเขาไม่เอาหรอก
การเกิดเป็นทุกข์ การเป็นทาสของกิเลสก็เป็นทุกข์เขาก็ไม่เอา เขาทำความเข้าใจแล้วก็จะปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่น แม้แต่การเกิดของวิญญาณการเกิดของจิตเราก็ต้องดับต้องละ พูดง่ายแต่การลงมือมันยาก ถ้าเราไม่ขยันหมั่นเพียรจริงๆ มีแนวทางเดียวเท่านั้นคือแนวทางที่พระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบ แล้วก็เอามาเปิดเผยให้สัตว์โลกได้เดินตาม พวกเราพยายามเดิน เดินได้มากเดินได้น้อยเราก็ต้องพยายามเดิน
อย่าไปทิ้ง อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง อย่าไปเลือกการเลือกเวลา ยืนเดินนั่งนอนให้เป็นแค่เพียงอิริยาบถ ธรรมะมีอยู่ประจำโลก กายของเรานี่แหละคือองค์ธรรม วิญญาณของเราใจของเรานี่แหละคือองค์ธรรม แต่เวลานี้เขายังเกิดอยู่ เขายังเกิดอยู่เขายังหลงอยู่ แม้แต่เพียงการเกิดเขาก็ปิดบังอำพรางตัวของเขาเอง เขายังไปหลงไปรวมอยู่ ถ้าเราแยกไม่ได้เราก็ไม่ว่าเราหลง ถ้าเราไม่ได้เจริญสติให้ต่อเนื่องหรือว่าสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องเราก็ว่าเรามีสติมีปัญญาอยู่ อันนี้สติปัญญาของโลกิยะของสมมติเท่านั้นเอง
สติปัญญาที่จะเข้าไปศึกษาเข้าไปค้นคว้าเราต้องสร้างขึ้นมา สติไม่มีความรู้ตัวไม่มีเราต้องสร้างขึ้นมา ไม่ต่อเนื่องเราพยายามสร้างให้ต่อเนื่อง ไม่เห็นแก่ตัวไม่เห็นแก่กินไม่เห็นแก่นอน พยายามขยันหมั่นเพียรหมั่นทำหมั่นสร้างเอา ทำอยู่บ่อยๆ ไม่เข้าใจเท่าไรเรายิ่งเพิ่มความเพียรให้เป็นทวีคูณ ยิ่งศึกษามากเท่าไรเจริญสติมากเท่าไรเรายิ่งรู้ยิ่งเห็นเยอะ ยิ่งเห็นเยอะเท่าไรก็ยิ่งทำความเข้าใจ รู้ความเป็นจริงเราก็ค่อยละ ต้องพยายามนะอย่าพากันปล่อยโอกาสทิ้ง
อีกอย่างหนึ่งนั้นก็ให้พยายามระวังดูแลทรัพย์สินต่างๆ ที่มีค่า เพราะว่าขโมยขโจรนี้มาลักมางัดมาแงะแทบทุกวันเลยไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ตามวัดต่างๆ ภายในเขตเทศบาลขอนแก่นของเราตำบลสำราญของเรา ได้ยินข่าวขโมยขึ้นไปวัดโน้นบ้างวัดนี้บ้าง ไปบางทีก็เอามีดเอากรรไกรไปตัดไปงัดสารพัดอย่างขโมยขโจรก็เยอะ อันนั้นเป็นวิบากกรรมของเขา เป็นอานิสงส์เป็นวิบากกรรมให้กรรมลงโทษเอา
เมื่อวานนี้ก็ได้ยินข่าวไปงัดตัดเอาที่กุฏิของเจ้าอาวาสวัดบ้านทองหลางก็เสียหายไปเยอะ ทั้งทางในป่าก็ไปงัดไปตัด เขาไล่กันอุตลุด วัดเราก็โดนกันเยอะวันสองวันก็มาขโมยเครื่องกระจายไป กระจายเสียงไป เราก็ต้องระวังไอ้คนขโมยเขาก็คอยที่จะเอาที่เราเปิด อะไรได้มันก็เอาไปก็ยกให้เป็นวิบากกรรมของเขา ให้เราถือเชื่อว่าเราได้ทำบุญในสิ่งที่เขามาบังคับให้เราได้ทำ เราก็ดูใจของเรามีอคติหรือเปล่ามีเพ่งโทษหรือเปล่า เราก็ได้ทำบุญโดยที่ขโมยมันมาบังคับให้ทำก็ดีเหมือนกัน ถ้าคนรู้จักเอาบุญ ถ้าไม่รู้จักเอาบุญนี่ก็เป็นทุกข์
เราก็ต้องพยายามก็ให้ช่วยกันทุกอย่าง จัดการดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อย มีมากมีน้อยเราก็ช่วยกัน อยู่ที่ไหนอยู่น้อยคนก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข ในส่วนลึกๆ เราก็พยายามสังเกตจิตใจของเราไปด้วย สร้างความรู้ตัวไปด้วย เอาการงานเป็นการปฏิบัติ ทำหน้าที่ไปด้วยทำให้ถูกต้อง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เราอยู่ร่วมกันเคยสร้างบุญสร้างอานิสงส์มาร่วมกันถึงได้มาอยู่ร่วมกัน ถ้าถึงกาลถึงเวลาเราก็ต้องได้พลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็นก็ต้องได้พลัดพรากจากการตอนตาย อันนี้เป็นกฎของไตรลักษณ์ กฎของความเป็นจริง เพราะว่าทุกคนเกิดมา เกิดมามากมาน้อยก็ต้องตายไม่ตายช้าก็ต้องตายเร็ว เราต้องมาศึกษาทำความเข้าใจเสียก่อน ถ้าไม่ถึงวาระถึงเวลาเราก็ไม่ได้ไป ถ้าถึงเวลาแล้วจะเอามาอะไรมาฉุดมารั้งเอาไว้ก็ไม่อยู่
ขณะที่เรายังมีกำลังอยู่ เราพยายามสร้างบุญสร้างอานิสงส์สร้างตบะบารมีให้เต็ม ถึงไม่เต็มเราก็พยายามสร้างพยามเดิน คิดดีทำดี มองโลกในทางที่ดี แล้วการกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อม มันถึงจะเกิดประโยชน์ให้เข้าถึงธรรมในสิ่งที่เราแสวงหานั้นด้วย
เอาล่ะวันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันนะ
ฟังไปด้วยแล้วก็น้อมสำเหนียก ลองสูดลมหายใจให้เป็นธรรมชาติที่สุด สูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้ากระทบปลายจมูกของเรามีความรู้สึกรับรู้อยู่ เวลาลมหายใจออกก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ เป็นผู้รู้อยู่นี่รับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา เหมือนกับนายประตูทวารคอยสังเกตดูว่ารถคันไหนจะวิ่งเข้าแล้วก็รถคันไหนจะวิ่งออก
รู้ทุกขณะเวลาลมวิ่งเข้าวิ่งออกเขาเรียกว่า ‘สติรู้กาย’ ถ้ารู้ได้ต่อเนื่องเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ พอเรามีความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกสติความรู้ตัวก็ตั้งมั่นขึ้น นิวรณ์ความเกียจคร้านก็คลายไปหายไป ตัววิญญาณในขันธ์ห้าของเราจะเกิดหรือว่าใจของเราจะปรุงแต่ง เขาก็จะรู้เท่าทันเขาก็จะเห็น เห็นแล้วก็รู้จักดับรู้จักหยุดรู้จักควบคุม ก็จะเห็นเป็น 2 ส่วน ความรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมานี้ส่วนหนึ่ง ส่วนใจนั้นเขาเกิดเขาปรุงเขาแต่งอยู่แล้วมาแต่เดิม เวลาเขาเกิดก็จะรู้ทันแล้วก็รู้จักควบคุม ก็เห็นเป็น 2 ส่วน มีความรู้สึกรับรู้ว่ามีอยู่สอง มีสติความรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมา ใจอยู่กลางใจ เห็นเป็นสอง แล้วก็มีความคิดที่จะผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจอีกเขาเรียกว่า ‘อาการของใจ’ มีกันทุกคนจะมีมากมีน้อยก็มีกันทุกคน
เวลาเขาก่อตัว บางทีอยู่เฉยๆ เขาก็ผุดคิดขึ้นมาเรื่องนู้นเรื่องนี้ ถ้าความรู้ตัวรู้สติเรารู้เท่าทันตรงนั้น เวลาใจของเราจะเคลื่อนเข้าไปรวม สติรู้เท่าทันเขาก็เห็น เห็นการเคลื่อนตัวของใจ พอรู้ตรงนั้นปุ๊บ ใจมันก็จะดีดออกจากความคิดที่ผุดขึ้นมาปรุงแต่ง ก็จะมองเห็นเป็นสาม มองเห็นเป็นสาม ใจก็ดีดออกจากอาการของความคิดเขาเรียกว่าแยก เราไม่จำเป็นต้องไปจับเขาแยก ยาก เขาจะแยกออกจากกัน เหมือนกับขโมยจะคอยเข้าบ้านถ้าเจ้าของบ้านรู้ทันมันจะรีบเพ่นทันที
อันนี้ก็เหมือนกัน ถ้าเราสังเกตดูดีๆ รู้เท่าทันตั้งแต่การก่อตัวการเกิด ตัวใจก็จะเคลื่อนเข้าไปรวมโดยปริยายโดยเคลื่อนเข้าไปรวมโดยอัตโนมัติ ถ้าเราเห็นขณะเขาเคลื่อนเข้าไปรวมปุ๊บเขาจะดีดออก เหมือนกับเราดึงเชือกให้ตึงๆ แล้วก็เอากรรไกรตัด พอเราเอากรรไกรตัดปุ๊บมันจะดีดออกจากกัน ขณะที่มันดีดนั้นเขาจะเรียกว่าพลิกเขาเรียกว่าหงาย หงายของที่คว่ำเหมือนกับเราคว่ำคว่ำขันอยู่ พอดีดออกมันก็หงายขึ้นมา พอหงายขึ้นมาตัวใจก็เลยว่างก็เลยโล่ง
ความคิดที่จะผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจนั้นเขาก็เกิดๆดับๆ เขาเรียกว่า ‘อนิจจังทุกขังอนัตตา’ เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป เวลาเขาดับไปแล้วความว่างเปล่าเข้ามาปรากฏ นั่นแหละเขาเรียกว่าเขาเรียกว่ากองสังขารเขาเรียกว่าขันธ์ห้า จะเป็นเรื่องอะไรก็มีสติคอยดูรู้อยู่ บางทีก็เป็นกุศลบางทีก็เป็นอกุศล บางทีก็เป็นกลางๆ ตัวใจของเราเข้าไปรวมเข้าไปร่วมเขาเรียกเข้าไปเสวย แนบแน่นจะเป็นตัวเดียวกัน เราก็รู้อยู่เพียงแค่ว่าเราคิด แล้วก็ทำตามความคิดทำตามอารมณ์ นั่นแหละคือความหลงอย่างลุ่มลึกหลงอยู่ที่ตรงนี้ ถ้าเราหมั่นสังเกตบ่อยๆ ทำความเข้าใจบ่อยๆ เราก็จะเห็น
ถ้ายังแยกยังคลายไม่ได้เราก็เพียงแค่ได้ควบคุมใจ ใจของเราก็อยู่ในความสงบ ก็เปรียบเสมือนกับขันที่คว่ำอยู่แต่ก็ยังละกิเลสได้อยู่ แต่ก็ยังไม่ถึงกับคลายความยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ห้าที่แท้จริง เราต้องรู้ด้วยเห็นด้วยทำความเข้าใจได้ด้วย แม้แต่การเจริญสติกำลังสติของเราก็ไม่พยายามสร้างให้ต่อเนื่องแล้วก็ไม่สนใจกันเลย การทำบุญการให้ทาน อยากจะได้บุญอยากจะรู้ธรรมอยากจะเห็นธรรม การฝักใฝ่การสนใจตรงนี้มีอยู่ แต่มีบ้างนิดๆ หน่อยๆ แต่ไม่ค่อยต่อเนื่อง เราต้องพยายามทำให้ต่อเนื่องให้ได้ทุกอิริยาบถยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย เราต้องทำความเข้าใจให้เข้าถึงความหมายนั้นๆ
คำว่าความรู้ตัวอยู่ปัจจุบันที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างไร การดับการละ การเจริญพรหมวิหาร การละกิเลส การเอาออกการให้การคลาย ให้อภัยทานอโหสิกรรม มองโลกในทางที่ดี กายทวารทั้งหกของเราทำหน้าที่อย่างไร วิญญาณในกายเนื้อของเรานี้ทำหน้าที่อย่างไร เราต้องศึกษาให้ละเอียดก่อนที่เราจะหมดลมหายใจ ใจของเราน้อมเข้ามาในกองบุญกองกุศลหรือไม่ ใจของเราฝักใฝ่สนใจ อะไรคือใจ อะไรคือสติ อะไรคืออาการของใจ เราต้องสำรวจหมดทุกเรื่อง
ไม่ใช่ว่าเราจะไปนึกไปคิดไปอ่านไปฟังอันนั้นเป็นแค่เพียงแผนที่เป็นแค่เพียงแนวทางเท่านั้น ถ้าเราไม่ไปทำไม่ไปศึกษาบอกตัวเองไม่ได้ใช้ตัวเองไม่เป็น อย่าไปให้คนอื่นเขาสอนเลย เราต้องสอนตัวเราเองแก้ไขตัวเราเองปรับปรุงตัวเราเองอยู่ตลอดเวลา การทำบุญให้ทานความเสียสละในระดับของสมมติ เรามีโอกาสเราได้ทำร่วมกัน ได้ทำร่วมกันได้ทำช่วยกัน ได้สร้างอานิสงส์ช่วยกัน ตรงนั้นมีอยู่ แต่การละกิเลสนี่เราต้องจัดการกับตัวของเราเองอยู่ตลอดเวลา กิเลสหยาบกิเลสละเอียด
การทำความเข้าใจ ทำความเข้าใจกับภาษาธรรมภาษาโลก เข้าถึงรู้ลักษณะ เข้าถึงความหมายภาษาศัพท์สมมติ ศัพท์สมมติศัพท์บัญญัติสมมติบัญญัติ อะไรคือวิมุตติอะไรคือสมมติ ลักษณะของคำว่าลักษณะอัตตา ความหมายของอัตตาความหมายของอนัตตา ต้องรู้ต้องเห็นต้องตามทำความเข้าใจ การเกิดของวิญญาณ การส่งออกไปของวิญญาณ การรวมการหลง จะเข้าหลักของอริยสัจสี่ ใจที่ส่งออกไปภายนอกเป็นอย่างไร ใจที่ไปรวมกับขันธ์ห้าเป็นอย่างไร ใจที่คลายจากขันธ์ห้าเป็นอย่างไร
ไม่ใช่ว่าเราอยากจะปล่อยอยากจะวาง ถ้าเราไม่รู้ไม่เห็นไม่ตามทำความเข้าใจให้ใจยอมรับจริงๆ แล้วยากที่จะวางได้ เพราะว่าสติปัญญาของเราต้องหาเหตุหาผล ตามดูรู้เหตุรู้ผล คลายใจออกให้มองเห็นความเป็นจริงแล้วตามดูทุกเรื่อง จนเขารู้ความเป็นจริงแล้วเขาถึงจะยอมปล่อยยอมวาง ถ้าเขารู้ความเป็นจริงทุกอย่างแล้วเขาไม่เอาหรอก
การเกิดเป็นทุกข์ การเป็นทาสของกิเลสก็เป็นทุกข์เขาก็ไม่เอา เขาทำความเข้าใจแล้วก็จะปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่น แม้แต่การเกิดของวิญญาณการเกิดของจิตเราก็ต้องดับต้องละ พูดง่ายแต่การลงมือมันยาก ถ้าเราไม่ขยันหมั่นเพียรจริงๆ มีแนวทางเดียวเท่านั้นคือแนวทางที่พระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบ แล้วก็เอามาเปิดเผยให้สัตว์โลกได้เดินตาม พวกเราพยายามเดิน เดินได้มากเดินได้น้อยเราก็ต้องพยายามเดิน
อย่าไปทิ้ง อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง อย่าไปเลือกการเลือกเวลา ยืนเดินนั่งนอนให้เป็นแค่เพียงอิริยาบถ ธรรมะมีอยู่ประจำโลก กายของเรานี่แหละคือองค์ธรรม วิญญาณของเราใจของเรานี่แหละคือองค์ธรรม แต่เวลานี้เขายังเกิดอยู่ เขายังเกิดอยู่เขายังหลงอยู่ แม้แต่เพียงการเกิดเขาก็ปิดบังอำพรางตัวของเขาเอง เขายังไปหลงไปรวมอยู่ ถ้าเราแยกไม่ได้เราก็ไม่ว่าเราหลง ถ้าเราไม่ได้เจริญสติให้ต่อเนื่องหรือว่าสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องเราก็ว่าเรามีสติมีปัญญาอยู่ อันนี้สติปัญญาของโลกิยะของสมมติเท่านั้นเอง
สติปัญญาที่จะเข้าไปศึกษาเข้าไปค้นคว้าเราต้องสร้างขึ้นมา สติไม่มีความรู้ตัวไม่มีเราต้องสร้างขึ้นมา ไม่ต่อเนื่องเราพยายามสร้างให้ต่อเนื่อง ไม่เห็นแก่ตัวไม่เห็นแก่กินไม่เห็นแก่นอน พยายามขยันหมั่นเพียรหมั่นทำหมั่นสร้างเอา ทำอยู่บ่อยๆ ไม่เข้าใจเท่าไรเรายิ่งเพิ่มความเพียรให้เป็นทวีคูณ ยิ่งศึกษามากเท่าไรเจริญสติมากเท่าไรเรายิ่งรู้ยิ่งเห็นเยอะ ยิ่งเห็นเยอะเท่าไรก็ยิ่งทำความเข้าใจ รู้ความเป็นจริงเราก็ค่อยละ ต้องพยายามนะอย่าพากันปล่อยโอกาสทิ้ง
อีกอย่างหนึ่งนั้นก็ให้พยายามระวังดูแลทรัพย์สินต่างๆ ที่มีค่า เพราะว่าขโมยขโจรนี้มาลักมางัดมาแงะแทบทุกวันเลยไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ตามวัดต่างๆ ภายในเขตเทศบาลขอนแก่นของเราตำบลสำราญของเรา ได้ยินข่าวขโมยขึ้นไปวัดโน้นบ้างวัดนี้บ้าง ไปบางทีก็เอามีดเอากรรไกรไปตัดไปงัดสารพัดอย่างขโมยขโจรก็เยอะ อันนั้นเป็นวิบากกรรมของเขา เป็นอานิสงส์เป็นวิบากกรรมให้กรรมลงโทษเอา
เมื่อวานนี้ก็ได้ยินข่าวไปงัดตัดเอาที่กุฏิของเจ้าอาวาสวัดบ้านทองหลางก็เสียหายไปเยอะ ทั้งทางในป่าก็ไปงัดไปตัด เขาไล่กันอุตลุด วัดเราก็โดนกันเยอะวันสองวันก็มาขโมยเครื่องกระจายไป กระจายเสียงไป เราก็ต้องระวังไอ้คนขโมยเขาก็คอยที่จะเอาที่เราเปิด อะไรได้มันก็เอาไปก็ยกให้เป็นวิบากกรรมของเขา ให้เราถือเชื่อว่าเราได้ทำบุญในสิ่งที่เขามาบังคับให้เราได้ทำ เราก็ดูใจของเรามีอคติหรือเปล่ามีเพ่งโทษหรือเปล่า เราก็ได้ทำบุญโดยที่ขโมยมันมาบังคับให้ทำก็ดีเหมือนกัน ถ้าคนรู้จักเอาบุญ ถ้าไม่รู้จักเอาบุญนี่ก็เป็นทุกข์
เราก็ต้องพยายามก็ให้ช่วยกันทุกอย่าง จัดการดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อย มีมากมีน้อยเราก็ช่วยกัน อยู่ที่ไหนอยู่น้อยคนก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข ในส่วนลึกๆ เราก็พยายามสังเกตจิตใจของเราไปด้วย สร้างความรู้ตัวไปด้วย เอาการงานเป็นการปฏิบัติ ทำหน้าที่ไปด้วยทำให้ถูกต้อง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เราอยู่ร่วมกันเคยสร้างบุญสร้างอานิสงส์มาร่วมกันถึงได้มาอยู่ร่วมกัน ถ้าถึงกาลถึงเวลาเราก็ต้องได้พลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็นก็ต้องได้พลัดพรากจากการตอนตาย อันนี้เป็นกฎของไตรลักษณ์ กฎของความเป็นจริง เพราะว่าทุกคนเกิดมา เกิดมามากมาน้อยก็ต้องตายไม่ตายช้าก็ต้องตายเร็ว เราต้องมาศึกษาทำความเข้าใจเสียก่อน ถ้าไม่ถึงวาระถึงเวลาเราก็ไม่ได้ไป ถ้าถึงเวลาแล้วจะเอามาอะไรมาฉุดมารั้งเอาไว้ก็ไม่อยู่
ขณะที่เรายังมีกำลังอยู่ เราพยายามสร้างบุญสร้างอานิสงส์สร้างตบะบารมีให้เต็ม ถึงไม่เต็มเราก็พยายามสร้างพยามเดิน คิดดีทำดี มองโลกในทางที่ดี แล้วการกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อม มันถึงจะเกิดประโยชน์ให้เข้าถึงธรรมในสิ่งที่เราแสวงหานั้นด้วย
เอาล่ะวันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันนะ