หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 076
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 076
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ตั้งแต่หลวงพ่อไปจีน วันที่ 5 วันที่ 6 วันที่ 5 ได้แค่อาทิตย์เดียว พี่น้องของเราเขตเทศบาลตําบลสําราญของเราจากไป 5 ศพ เมื่อวานนี้ก็ เมื่อวานนี้ก็1 สี่ห้าวันนี้ 5 ศพ เดือนสองเดือนกว่า 17ศพ เผลอแป๊บเดียว นี่แหละความตายไม่ได้เลือกกาลเลือกเวลา ไม่ว่าเด็กไม่ว่าผู้ใหญ่ บางทีก็เกิดอุบัติเหตุบางทีก็แก่ พวกเราก็อย่าพากันประมาท ให้พยายามพากันรีบสร้างประโยชน์ สร้างคุณงามความดีสร้างอานิสงส์ให้มีให้เกิดขึ้นกับจิตใจของเรา ให้รู้จักสํารวมกายสํารวมวาจาสํารวมใจ ยิ่งคนอยู่วัดก็พยายามมาฝึกฝนตัวเรา การพูดการจาก็สิ่งอันไหนไม่ควรพูดสิ่งไหนควรพูด พูดจาให้เป็นประโยชน์พูดจาให้สุภาพ อย่าพูดคําหยาบแม้แต่คิด
เราก็ต้องพยายามมาแก้ไขตัวเราเอง ยิ่งมาอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่านก็พยายามมาแก้ไขมาปรับปรุง อะไรควรพูดควรคิด เพียงแค่คําพูดวาจาก็ให้รู้จักสํารวม สํารวมวาจาไม่ได้ก็ยากที่จะไปสํารวมใจแก้ไขใจของตัวเอง อยู่ในวัดเป็นเขตสถานที่เป็นสิริมงคล เราก็ต้องพยายามแก้ไขปรับปรุง ถ้าใครมีความหยาบความคายหรือว่าพูดจาไม่สุภาพ ถ้าหลวงพ่อเตือนแล้วบอกแล้ว บอกไม่เชื่อฟังก็อย่าว่าหลวงพ่อใจดำ
ทุกคนก็ต้องพยายามมาแก้ไขตัวเองปรับปรุงตัวเราเอง หลวงพ่อไม่ใช่คนพูดมาก ถ้าแก้ไขตัวเราไม่ได้ใครเขาจะแก้ไขให้เราได้ นอกจากตัวของเราเอง อยู่คนเดียวก็รีบแก้ไขเรา อยู่หลายคนก็รีบแก้ไขเรา จะไปให้คนอื่นเขาบังคับ มีแต่คนโง่เท่านั้นที่ชอบให้คนอื่นบังคับ คนฉลาดเขาจะแก้ไขตัวเราแก้ไขตัวเองปรับปรุงตัวเองหมั่นพร่ำสอนตัวเองตลอดเวลา เพียงแค่รู้จักวิธีรู้จักแนวทาง
ทุกคนก็ปรารถนาที่จะหาความสุข ทุกคนก็ปรารถนาที่จะหาทางดับทุกข์ ไม่ใช่ว่าไประรานคนโน้นไประรานคนนี้ อย่างนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี ถึงหลวงพ่อถึงให้อิสระให้รู้จักพร่ำสอนตัวเองแก้ไขตัวเอง สถานที่ก็ทำให้เรียบร้อย จากความไม่มีก็ทำให้มีให้สะดวกสบายทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้ามามีการทะเลาะเบาะแว้ง มีการอคติ มีการดุด่าว่ากล่าวที่คําหยาบๆ คายๆ ด้วยสิ่งที่ไม่ดี เราพยายามรีบแก้ไขตัวเอง ถ้าแก้ไขไม่ได้หลวงพ่อก็ต้องให้ออกจากวัด ไม่ให้เป็นความเป็นภาระเป็นหนักหมู่หนักคณะ อันนี้หลวงพ่อเพียงแค่เล่าให้ฟังเพียงแค่พูดให้ฟัง อย่าให้มีถ้ามีแล้วก็พยายามแก้ไข
ไม่ว่าโยมหรือพระหรือชีก็เหมือนกัน อยู่คนละทิศอยู่คนละที่ เรามีโอกาสเรามีบุญ เคยทำบุญร่วมกันจึงได้มามีโอกาสได้มาอยู่สถานที่เดียวกัน เป็นพี่น้องกันหมดนั่นแหละ เป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันหมด ให้เราพยายามรีบสร้างคุณงามความดีรีบสร้างประโยชน์ อย่าไปเกียจคร้านอย่าไปงอมืองอเท้า มีอะไรเราพอช่วยกันได้เราก็ช่วยก็ทำกันได้เราก็ทำ บุญระดับสมมติก็ทำ ระดับวิมุตติทางด้านจิตใจเราก็แก้ไข เพราะสมมติกับวิมุตติเขาก็เอื้ออาศัยกันอยู่ ถ้ามีตั้งแต่ความเห็นแก่ตัวมีความเกียจคร้านไปที่ไหนก็หนักตัวเอง ที่ไหนก็หนักสถานที่หนักคนอื่น จะไปฝึกหัดปฏิบัติได้อย่างไรถ้าเราไม่มีความขยัน ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่มีความเสียสละ
ในหลักธรรมท่านให้คลายออกให้หมดจนไม่เหลือ แม้แต่การเกิดของจิตของวิญญาณก็ยังไม่ให้เกิด ให้บริหารด้วยปัญญาล้วนๆ สติก็ไม่ได้สร้าง ความเกียจคร้านก็เข้าครอบงำ วาจาก็ไม่รู้จักควบคุมจะไปได้อะไร บุญก็อยู่ที่กายที่วาจาที่ใจของเรานั่นแหละไม่ได้อยู่ที่ไหน ยิ่งคนอยู่วัดก็ยิ่งพยายามแก้ไขสํารวม ขยันหมั่นเพียรให้เป็นอุปนิสัยของตัวเราเอง พูดมากก็ไม่ดี เกียจคร้านมากก็ไม่ดี เราต้องเป็นคนขยันหมั่นเพียร แม้แต่สมมติเราก็พยายามทำให้เกิดประโยชน์ เราก็พลอยได้รับอานิสงส์ในสิ่งที่พวกเราทำ คนอื่นก็พลอยได้รับอานิสงส์สิ่งที่พวกเราทำ อะไรที่ไม่ดีที่เป็นนําความทุกข์นําความไม่ดีมาให้เราก็พยายามรีบแก้ไขเสีย ทุกสิ่งทุกอย่างมันแก้ไขได้ แก้ไขไม่ได้ก็อุเบกขาทำใหม่ ต้องพยายามกันนะ
พระเราชีเราช่วยกันดี หลวงพ่อก็ขอขอบใจทุกคนนั่นแหละ ที่มีโอกาสได้มาร่วมกันได้มาช่วยกัน ช่วยกันหนักก็เป็นเบาจากเบาก็สบาย จะเอาตั้งแต่ปฏิบัติธรรมไม่เข้าใจในธรรม เราต้องการปฏิบัติก็คือหลักของการทำความเข้าใจให้ถูกต้อง เข้าใจสมมติเข้าใจวิมุตติ ปฏิบัติธรรมมีแต่ความเกียจคร้าน ไม่ทำอะไรทำอะไรไม่เป็น ดีไม่ดีหายใจไม่เป็นตาย แม้แต่เรื่องการหายใจก็ยังไม่รู้ เรื่องการก้าวการเดินก็ยังไม่รู้ การรับประทานข้าวปลาอาหารก็ยังไม่เข้าใจ จะเอาตั้งแต่ปฏิบัติตั้งแต่ธรรม อะไรคือธรรมก็ยังไม่รู้ สติก็ยังไม่รู้จัก จะไปรู้จักได้ยังไงยังไม่ได้สร้างซะด้วย ยังไม่ได้สร้างให้ต่อเนื่อง เพียงแค่สร้างกับการเอาไปใช้กับการละกิเลสก็ยังไม่มี ก็ปฏิบัติด้วยกิเลสปฏิบัติด้วยความหลงกันทั้งนั้นแหละถ้าไม่เข้าใจ
ถ้าเข้าใจแล้วตื่นขึ้นมาก็ดูใจรู้ใจแก้ไขใจ อะไรผิดพลาดเพียงแค่ระดับของสมมติก็ยังให้เกิดประโยชน์ ทำความเข้าใจกับสมมติเคารพสมมติไม่ยึดติดสมมติ ภายในก็ทำให้เต็มเปี่ยมจะล้นออกไปสู่ภายนอกไปสู่หมู่สู่คณะสู่สังคม ยังประโยชน์ของสมมติให้เกิดประโยชน์ ประโยชน์ตนก็ไม่เข้าใจประโยชน์ภายนอกก็ยังไม่รู้จักก็เลยไม่เต็มเปี่ยม ก็เลยได้ก็ดิ้นรนวิ่งหา หนักตัวเราเองหนักคนอื่นหนักสถานที่ ก็ต้องพยายาม ยิ่งมาอยู่ด้วยกันเยอะๆ ยิ่งคนหมู่มากก็ยิ่งพยายามเพิ่มความระมัดระวัง เพิ่มความเสียสละให้เต็มเปี่ยม แม้แต่ความสะอาดเล็กๆ น้อยๆ ก็อย่าปล่อยปละละเลย เราก็ต้องพยายามทำความเป็นระเบียบ ความเป็นระเบียบความสะอาดนั่นแหล่ะข้อวัตรปฏิบัติ ระเบียบทั้งภายนอกส่งผลถึงภายใน ก็พยายามกันนะ
ตั้งใจรับพรกัน
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติให้ต่อเนื่องกันสักพักหนึ่ง ขณะที่เรากําลังนั่งอยู่นี่แหละ หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ถึงเราหยุดไม่ได้ละไม่ได้เราก็พยายามสงบระงับตั้งมั่น ทำความเข้าใจกับเรื่องการหายใจเข้าออกของเรา ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ ให้เป็นธรรมชาติที่สุด เพียงแค่เรื่องการหายใจ เราพยายามหัดสร้างความรู้ตัวแล้วก็พยายามรู้ให้ต่อเนื่อง ความเคยชินเราไม่เคยสังเกตเราไม่เคยวิเคราะห์ ความเคยชิน ความคิดเก่าปัญญาเก่า เขาก็เลยเกิดเขาก็เลยวิ่งอยู่ตลอดเวลา บางทีเขาก็ปกติบางทีเขาก็สงบอยู่แต่ก็เป็นสิ่งที่คว่ำอยู่ยังไม่ได้หงาย ถ้าเรามาสร้างความรู้ตัวหรือว่าในภาษาธรรมะเขาเรียกว่า เจริญสติ ถ้าเราทำให้ต่อเนื่องความรู้ตัวพลั้งเผลอเราก็เริ่มขึ้นมาใหม่ พลั้งเผลอเราก็เริ่มขึ้นมาใหม่
ขณะที่มีความรู้ตัวที่ต่อเนื่อง เวลาใจเขาจะเกิดเขาจะปรุงจะแต่งเราก็จะรู้เท่าทันก็จะเห็นเป็น 2 ส่วน เขาปรุงแต่งเราก็รู้จักระงับยับยั้งเอาไว้ เราก็หมั่นพร่ำสอนใจของเรา อันนี้เป็นแค่สติรู้ตัวที่ต่อเนื่อง ถ้าเราไม่ทำให้ต่อเนื่องเราก็ไม่รู้เห็นใจ ถ้าเราทำให้ต่อเนื่องเราก็จะเห็นใจเราก็ควบคุมใจ ลึกลงไปอีกเห็นอาการของใจกับใจเขาเข้าไปร่วมกัน ถ้าสังเกตทันเขาก็จะแยกออกจากกันนี่แหละเขาถึงจะเรียกว่า ‘วิปัสสนา’ เขาถึงจะเรียกว่า ‘สัมมาทิฏฐิ’
ความรู้แจ้งเห็นจริงเปิดทางให้ แล้วก็ตามดูตามรู้ตามเห็นการเกิดการดับ เขาเรียกว่าเห็นสังขารในขันธ์ห้าของตัวเราเอง เป็นเรื่องอะไร เรื่อง เรื่องอดีตบ้างอนาคตบ้าง เป็นกุศลบ้างอกุศลบ้าง ตัววิญญาณนั่นแหละเขาเข้าไปรวมกันจนเป็นตัวเดียวกัน นั่นแหละเขาไปหลงไปหลงความคิดหลงอารมณ์จนเป็นสิ่งสิ่งเดียวกัน เรารู้เมื่อเขารวมกันไปแล้ว แม้แต่ตัววิญญาณเองแท้ๆ เขาก็ปิดปกปิดบังอําพรางตัวเองตลอดเวลา เพียงแค่การเกิดเขาก็ปิดบังอําพรางตัวของเขา
ถ้าเราคลายแยกรูปแยกนามได้ ดับความเกิดให้สั้นลงๆๆ จนเห็นการก่อตัว ขณะก่อตัวขณะเริ่มต้นของต้นเหตุ เราก็จะเข้าถึงตัววิญญาณจริงๆ วิญญาณกับอาการวิญญาณ อาการวิญญาณนั้นกับตัววิญญาณ เขาก็ยังปิดบังอําพรางตัวเอง เพียงแค่การเกิดนั้นก็หลง ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด หลงตรงนี้ยังไม่พอยังเป็นทาสของความของอารมณ์ของกิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียด กายเนื้อ สารพัดอย่าง
ถ้าบุคคลที่ไม่มีความขยันหมั่นเพียร ไม่มีการละกิเลสจริงๆ ให้ถึงที่สิ้นสุด ให้ถึงจุดหมายจริงๆ ก็ยากที่จะเข้าถึงตัววิญญาณ ก็ต้องพยายามถึงยากถึงขนาดไหนก็ต้องพยายาม มันไม่หลุดพ้นมันไม่ถึงจุดหมายปลายทางในวันนี้พรุ่งนี้ เดือนนี้เดือนหน้าปีหน้า ถ้าไม่หลุดพ้นจริงๆ สิ่งที่พวกเราทำก็จะเป็นเข้าพกเข้าห่อเป็นบุญเป็นอานิสงส์สืบต่อไปในวันข้างหน้า จนกว่าจะถึงความสะอาดความบริสุทธิ์ เราก็ต้องพยายามกัน อย่าไปปล่อยวันเวลาทิ้ง ได้บ้างไม่ได้บ้าง
น้อมใจของเราเข้ามาอยู่ในกองบุญกองกุศล มีอะไรที่จะเป็นประโยชน์มีอะไรที่จะเป็นบุญก็รีบทำ ไม่ใช่ว่าจะเอาตั้งแต่การเจริญสติการเจริญภาวนา แต่การละกิเลสไม่มีมันก็ไม่ถึงจุดหมายปลายทาง เพราะทุกสิ่งทุกอย่างก็เอื้ออํานวยกันหมด เราก็ต้องพยายามนะ ลองสร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจน เพียงแค่เรื่องการหายใจก็ยังรู้ไม่ชํานาญ เราพยายามศึกษา ระลึกได้เมื่อไหร่ ยืนเดินนั่งนอนให้เป็นแค่เพียงอิริยาบถ เน้นสติลงที่กายของเรา รู้ลมหายใจอันนี้ก็เป็นเพียงแค่รู้กาย
หลวงพ่อก็ได้เพียงแค่เล่าแค่ชี้แนะอุบายวิธีเท่านั้นแหละ ถ้าพวกท่านไม่ไปทำพวกท่านก็จะไม่รู้ความเป็นจริง ก็ต้องพยายามกันนะ ลองรู้ให้ชัดเจนเถอะกันสักพักสักระยะหนึ่งเสียก่อนนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อนะ
เราก็ต้องพยายามมาแก้ไขตัวเราเอง ยิ่งมาอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่านก็พยายามมาแก้ไขมาปรับปรุง อะไรควรพูดควรคิด เพียงแค่คําพูดวาจาก็ให้รู้จักสํารวม สํารวมวาจาไม่ได้ก็ยากที่จะไปสํารวมใจแก้ไขใจของตัวเอง อยู่ในวัดเป็นเขตสถานที่เป็นสิริมงคล เราก็ต้องพยายามแก้ไขปรับปรุง ถ้าใครมีความหยาบความคายหรือว่าพูดจาไม่สุภาพ ถ้าหลวงพ่อเตือนแล้วบอกแล้ว บอกไม่เชื่อฟังก็อย่าว่าหลวงพ่อใจดำ
ทุกคนก็ต้องพยายามมาแก้ไขตัวเองปรับปรุงตัวเราเอง หลวงพ่อไม่ใช่คนพูดมาก ถ้าแก้ไขตัวเราไม่ได้ใครเขาจะแก้ไขให้เราได้ นอกจากตัวของเราเอง อยู่คนเดียวก็รีบแก้ไขเรา อยู่หลายคนก็รีบแก้ไขเรา จะไปให้คนอื่นเขาบังคับ มีแต่คนโง่เท่านั้นที่ชอบให้คนอื่นบังคับ คนฉลาดเขาจะแก้ไขตัวเราแก้ไขตัวเองปรับปรุงตัวเองหมั่นพร่ำสอนตัวเองตลอดเวลา เพียงแค่รู้จักวิธีรู้จักแนวทาง
ทุกคนก็ปรารถนาที่จะหาความสุข ทุกคนก็ปรารถนาที่จะหาทางดับทุกข์ ไม่ใช่ว่าไประรานคนโน้นไประรานคนนี้ อย่างนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี ถึงหลวงพ่อถึงให้อิสระให้รู้จักพร่ำสอนตัวเองแก้ไขตัวเอง สถานที่ก็ทำให้เรียบร้อย จากความไม่มีก็ทำให้มีให้สะดวกสบายทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้ามามีการทะเลาะเบาะแว้ง มีการอคติ มีการดุด่าว่ากล่าวที่คําหยาบๆ คายๆ ด้วยสิ่งที่ไม่ดี เราพยายามรีบแก้ไขตัวเอง ถ้าแก้ไขไม่ได้หลวงพ่อก็ต้องให้ออกจากวัด ไม่ให้เป็นความเป็นภาระเป็นหนักหมู่หนักคณะ อันนี้หลวงพ่อเพียงแค่เล่าให้ฟังเพียงแค่พูดให้ฟัง อย่าให้มีถ้ามีแล้วก็พยายามแก้ไข
ไม่ว่าโยมหรือพระหรือชีก็เหมือนกัน อยู่คนละทิศอยู่คนละที่ เรามีโอกาสเรามีบุญ เคยทำบุญร่วมกันจึงได้มามีโอกาสได้มาอยู่สถานที่เดียวกัน เป็นพี่น้องกันหมดนั่นแหละ เป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันหมด ให้เราพยายามรีบสร้างคุณงามความดีรีบสร้างประโยชน์ อย่าไปเกียจคร้านอย่าไปงอมืองอเท้า มีอะไรเราพอช่วยกันได้เราก็ช่วยก็ทำกันได้เราก็ทำ บุญระดับสมมติก็ทำ ระดับวิมุตติทางด้านจิตใจเราก็แก้ไข เพราะสมมติกับวิมุตติเขาก็เอื้ออาศัยกันอยู่ ถ้ามีตั้งแต่ความเห็นแก่ตัวมีความเกียจคร้านไปที่ไหนก็หนักตัวเอง ที่ไหนก็หนักสถานที่หนักคนอื่น จะไปฝึกหัดปฏิบัติได้อย่างไรถ้าเราไม่มีความขยัน ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่มีความเสียสละ
ในหลักธรรมท่านให้คลายออกให้หมดจนไม่เหลือ แม้แต่การเกิดของจิตของวิญญาณก็ยังไม่ให้เกิด ให้บริหารด้วยปัญญาล้วนๆ สติก็ไม่ได้สร้าง ความเกียจคร้านก็เข้าครอบงำ วาจาก็ไม่รู้จักควบคุมจะไปได้อะไร บุญก็อยู่ที่กายที่วาจาที่ใจของเรานั่นแหละไม่ได้อยู่ที่ไหน ยิ่งคนอยู่วัดก็ยิ่งพยายามแก้ไขสํารวม ขยันหมั่นเพียรให้เป็นอุปนิสัยของตัวเราเอง พูดมากก็ไม่ดี เกียจคร้านมากก็ไม่ดี เราต้องเป็นคนขยันหมั่นเพียร แม้แต่สมมติเราก็พยายามทำให้เกิดประโยชน์ เราก็พลอยได้รับอานิสงส์ในสิ่งที่พวกเราทำ คนอื่นก็พลอยได้รับอานิสงส์สิ่งที่พวกเราทำ อะไรที่ไม่ดีที่เป็นนําความทุกข์นําความไม่ดีมาให้เราก็พยายามรีบแก้ไขเสีย ทุกสิ่งทุกอย่างมันแก้ไขได้ แก้ไขไม่ได้ก็อุเบกขาทำใหม่ ต้องพยายามกันนะ
พระเราชีเราช่วยกันดี หลวงพ่อก็ขอขอบใจทุกคนนั่นแหละ ที่มีโอกาสได้มาร่วมกันได้มาช่วยกัน ช่วยกันหนักก็เป็นเบาจากเบาก็สบาย จะเอาตั้งแต่ปฏิบัติธรรมไม่เข้าใจในธรรม เราต้องการปฏิบัติก็คือหลักของการทำความเข้าใจให้ถูกต้อง เข้าใจสมมติเข้าใจวิมุตติ ปฏิบัติธรรมมีแต่ความเกียจคร้าน ไม่ทำอะไรทำอะไรไม่เป็น ดีไม่ดีหายใจไม่เป็นตาย แม้แต่เรื่องการหายใจก็ยังไม่รู้ เรื่องการก้าวการเดินก็ยังไม่รู้ การรับประทานข้าวปลาอาหารก็ยังไม่เข้าใจ จะเอาตั้งแต่ปฏิบัติตั้งแต่ธรรม อะไรคือธรรมก็ยังไม่รู้ สติก็ยังไม่รู้จัก จะไปรู้จักได้ยังไงยังไม่ได้สร้างซะด้วย ยังไม่ได้สร้างให้ต่อเนื่อง เพียงแค่สร้างกับการเอาไปใช้กับการละกิเลสก็ยังไม่มี ก็ปฏิบัติด้วยกิเลสปฏิบัติด้วยความหลงกันทั้งนั้นแหละถ้าไม่เข้าใจ
ถ้าเข้าใจแล้วตื่นขึ้นมาก็ดูใจรู้ใจแก้ไขใจ อะไรผิดพลาดเพียงแค่ระดับของสมมติก็ยังให้เกิดประโยชน์ ทำความเข้าใจกับสมมติเคารพสมมติไม่ยึดติดสมมติ ภายในก็ทำให้เต็มเปี่ยมจะล้นออกไปสู่ภายนอกไปสู่หมู่สู่คณะสู่สังคม ยังประโยชน์ของสมมติให้เกิดประโยชน์ ประโยชน์ตนก็ไม่เข้าใจประโยชน์ภายนอกก็ยังไม่รู้จักก็เลยไม่เต็มเปี่ยม ก็เลยได้ก็ดิ้นรนวิ่งหา หนักตัวเราเองหนักคนอื่นหนักสถานที่ ก็ต้องพยายาม ยิ่งมาอยู่ด้วยกันเยอะๆ ยิ่งคนหมู่มากก็ยิ่งพยายามเพิ่มความระมัดระวัง เพิ่มความเสียสละให้เต็มเปี่ยม แม้แต่ความสะอาดเล็กๆ น้อยๆ ก็อย่าปล่อยปละละเลย เราก็ต้องพยายามทำความเป็นระเบียบ ความเป็นระเบียบความสะอาดนั่นแหล่ะข้อวัตรปฏิบัติ ระเบียบทั้งภายนอกส่งผลถึงภายใน ก็พยายามกันนะ
ตั้งใจรับพรกัน
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติให้ต่อเนื่องกันสักพักหนึ่ง ขณะที่เรากําลังนั่งอยู่นี่แหละ หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ถึงเราหยุดไม่ได้ละไม่ได้เราก็พยายามสงบระงับตั้งมั่น ทำความเข้าใจกับเรื่องการหายใจเข้าออกของเรา ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ ให้เป็นธรรมชาติที่สุด เพียงแค่เรื่องการหายใจ เราพยายามหัดสร้างความรู้ตัวแล้วก็พยายามรู้ให้ต่อเนื่อง ความเคยชินเราไม่เคยสังเกตเราไม่เคยวิเคราะห์ ความเคยชิน ความคิดเก่าปัญญาเก่า เขาก็เลยเกิดเขาก็เลยวิ่งอยู่ตลอดเวลา บางทีเขาก็ปกติบางทีเขาก็สงบอยู่แต่ก็เป็นสิ่งที่คว่ำอยู่ยังไม่ได้หงาย ถ้าเรามาสร้างความรู้ตัวหรือว่าในภาษาธรรมะเขาเรียกว่า เจริญสติ ถ้าเราทำให้ต่อเนื่องความรู้ตัวพลั้งเผลอเราก็เริ่มขึ้นมาใหม่ พลั้งเผลอเราก็เริ่มขึ้นมาใหม่
ขณะที่มีความรู้ตัวที่ต่อเนื่อง เวลาใจเขาจะเกิดเขาจะปรุงจะแต่งเราก็จะรู้เท่าทันก็จะเห็นเป็น 2 ส่วน เขาปรุงแต่งเราก็รู้จักระงับยับยั้งเอาไว้ เราก็หมั่นพร่ำสอนใจของเรา อันนี้เป็นแค่สติรู้ตัวที่ต่อเนื่อง ถ้าเราไม่ทำให้ต่อเนื่องเราก็ไม่รู้เห็นใจ ถ้าเราทำให้ต่อเนื่องเราก็จะเห็นใจเราก็ควบคุมใจ ลึกลงไปอีกเห็นอาการของใจกับใจเขาเข้าไปร่วมกัน ถ้าสังเกตทันเขาก็จะแยกออกจากกันนี่แหละเขาถึงจะเรียกว่า ‘วิปัสสนา’ เขาถึงจะเรียกว่า ‘สัมมาทิฏฐิ’
ความรู้แจ้งเห็นจริงเปิดทางให้ แล้วก็ตามดูตามรู้ตามเห็นการเกิดการดับ เขาเรียกว่าเห็นสังขารในขันธ์ห้าของตัวเราเอง เป็นเรื่องอะไร เรื่อง เรื่องอดีตบ้างอนาคตบ้าง เป็นกุศลบ้างอกุศลบ้าง ตัววิญญาณนั่นแหละเขาเข้าไปรวมกันจนเป็นตัวเดียวกัน นั่นแหละเขาไปหลงไปหลงความคิดหลงอารมณ์จนเป็นสิ่งสิ่งเดียวกัน เรารู้เมื่อเขารวมกันไปแล้ว แม้แต่ตัววิญญาณเองแท้ๆ เขาก็ปิดปกปิดบังอําพรางตัวเองตลอดเวลา เพียงแค่การเกิดเขาก็ปิดบังอําพรางตัวของเขา
ถ้าเราคลายแยกรูปแยกนามได้ ดับความเกิดให้สั้นลงๆๆ จนเห็นการก่อตัว ขณะก่อตัวขณะเริ่มต้นของต้นเหตุ เราก็จะเข้าถึงตัววิญญาณจริงๆ วิญญาณกับอาการวิญญาณ อาการวิญญาณนั้นกับตัววิญญาณ เขาก็ยังปิดบังอําพรางตัวเอง เพียงแค่การเกิดนั้นก็หลง ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด หลงตรงนี้ยังไม่พอยังเป็นทาสของความของอารมณ์ของกิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียด กายเนื้อ สารพัดอย่าง
ถ้าบุคคลที่ไม่มีความขยันหมั่นเพียร ไม่มีการละกิเลสจริงๆ ให้ถึงที่สิ้นสุด ให้ถึงจุดหมายจริงๆ ก็ยากที่จะเข้าถึงตัววิญญาณ ก็ต้องพยายามถึงยากถึงขนาดไหนก็ต้องพยายาม มันไม่หลุดพ้นมันไม่ถึงจุดหมายปลายทางในวันนี้พรุ่งนี้ เดือนนี้เดือนหน้าปีหน้า ถ้าไม่หลุดพ้นจริงๆ สิ่งที่พวกเราทำก็จะเป็นเข้าพกเข้าห่อเป็นบุญเป็นอานิสงส์สืบต่อไปในวันข้างหน้า จนกว่าจะถึงความสะอาดความบริสุทธิ์ เราก็ต้องพยายามกัน อย่าไปปล่อยวันเวลาทิ้ง ได้บ้างไม่ได้บ้าง
น้อมใจของเราเข้ามาอยู่ในกองบุญกองกุศล มีอะไรที่จะเป็นประโยชน์มีอะไรที่จะเป็นบุญก็รีบทำ ไม่ใช่ว่าจะเอาตั้งแต่การเจริญสติการเจริญภาวนา แต่การละกิเลสไม่มีมันก็ไม่ถึงจุดหมายปลายทาง เพราะทุกสิ่งทุกอย่างก็เอื้ออํานวยกันหมด เราก็ต้องพยายามนะ ลองสร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจน เพียงแค่เรื่องการหายใจก็ยังรู้ไม่ชํานาญ เราพยายามศึกษา ระลึกได้เมื่อไหร่ ยืนเดินนั่งนอนให้เป็นแค่เพียงอิริยาบถ เน้นสติลงที่กายของเรา รู้ลมหายใจอันนี้ก็เป็นเพียงแค่รู้กาย
หลวงพ่อก็ได้เพียงแค่เล่าแค่ชี้แนะอุบายวิธีเท่านั้นแหละ ถ้าพวกท่านไม่ไปทำพวกท่านก็จะไม่รู้ความเป็นจริง ก็ต้องพยายามกันนะ ลองรู้ให้ชัดเจนเถอะกันสักพักสักระยะหนึ่งเสียก่อนนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อนะ