หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 033
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 033
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง เพียงแค่สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องพวกเราก็ไม่ค่อยจะทำกัน อย่าไปนึกเอาไปคิดเอา ไปปล่อยเลยตามเลย ไปทำบุญก็ไปอยู่มีศรัทธาเต็มเปี่ยม แต่การสร้างความรู้ตัวตั้งแต่ยังไม่ตื่นขึ้นตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่โน่น ลักษณะของสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบัน รู้กายรู้การหายใจเข้าออกให้ต่อเนื่องเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ แล้วก็ทุกอิริยาบถ
ขณะเราตื่นขึ้นมายังไม่ลุกจากที่ก็รู้ลักษณะของใจ รู้ฐานของใจ มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่การหายใจเข้าออก จะลุกจะก้าวจะเดินใจก็ปกติ จะเข้าห้องส้วมห้องน้ำใจก็ปกติ ตัวสติความรู้ตัวนี้เป็นตัวบริหารกายพากายไป จะคิดจะลุกจะก้าวจะเดินจะทำโน่นทำนี่ใจก็จะนิ่ง ทำกับข้าวกับปลา เข้าห้องส้วมห้องน้ำ แต่เวลานี้ความรู้ตัวของเรามันมีน้อยมันมีไม่ต่อเนื่อง เพียงแค่เอาไปควบคุมใจเอาไปสังเกตใจก็ยังไม่มี จะเอาไปสังเกตเอาไปทำความเข้าใจไปเดินปัญญาได้อย่างไร ทั้งที่ตัวใจนั้นก็ยังเป็นบุญอยู่ยังปกติอยู่ ก็ต้องพยายาม จำแนกแจกแจงให้ชัดเจน
ความรู้ตัวหรือว่าสติตัวใหม่หรือตกลงสร้างขึ้นมา ถ้าไม่สร้างขึ้นมายากที่จะมี ถ้าสร้างไม่ต่อเนื่องก็อยากที่จะเอาไปใช้งาน ถ้าเราเอาไปใช้งาน รู้ไม่เท่าทันใจเราก็สร้างขึ้นมาใหม่ ถ้าพลั้งเผลอเราก็สร้างขึ้นมาใหม่จนกำลังสติของเรามีมาก ใจของเราก็อยู่ในการควบคุมของสติปัญญาของเรา จนกว่าใจของเราจะคลายออกจากความคิดซึ่งเรียกว่าคลายออกจากขันธ์ห้า ซึ่งเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’
ถ้าเราเห็นการเกิดการดับ เห็นการแยกการคลาย เห็นใจ เราก็จะเข้าใจในคำสอนของพระพุทธเจ้า ในเรื่องอัตตาในเรื่องอนัตตา ในเรื่องการเกิดการดับของขันธ์ห้า เขาเกิดอย่างไร เขาตั้งอยู่อย่างไร แล้วเขาดับไปอย่างไร เรื่องอะไรที่ท่านว่าเป็นกองเป็นขันธ์ ถ้าเป็นอดีตเขาเรียกว่ากองของสัญญา กองของสังขาร กองของรูป มีเห็นเป็นกองเป็นชิ้นเป็นส่วนแต่เขาก็อยู่ในกายของเรา
เราต้องเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์หาเหตุหาผล จนกำลังสติปัญญาของเราแหลมคม มองเห็นเหตุเห็นผลให้ใจของเรายอมรับความเป็นจริงว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นแค่เพียงอาการ เป็นแค่เพียงมายา ไม่มีตัวไม่มีตน ใจของเราถึงจะปล่อยถึงจะวางได้ ไม่ใช่ว่าไปปฏิบัติธรรมก็ไม่รู้จักว่าปฏิบัติอะไร เจริญสติก็ไม่รู้จักว่าสติเป็นลักษณะอย่างไร ไปก็ไปอย่างงั้นแหละไปด้วยใจที่เป็นบุญ มันก็หลงอยู่ในการปฏิบัติ หลงอยู่ในการทำบุญ
ศาสนา ศาสนาพุทธเป็นศาสนาของผู้รู้ ศาสนาของบุคคลที่มีปัญญามีเหตุมีผล เราต้องพยายามศึกษาค้นคว้าตามคำสอนของท่าน จนปรากฏขึ้นที่กายที่ใจของเรา มองเห็นตามความเป็นจริง บอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็น สอนตัวเราให้ได้สอนใจสอนกายของเราให้ได้ รู้จักควบคุมกายรู้จักควบคุมวาจา แล้วก็ลึกลงไปรู้จักควบคุมใจ จนวางใจให้เป็นธรรมชาติ วางกายให้เป็นธรรมชาติได้หมด จนไม่ได้ฝึกหัดอะไรนั่นแหละ มีแต่ดูกับรู้ จนไม่มีอะไรที่จะไปทำนั่นแหละ แต่มันก็ยากนะ
การพูดง่าย การฝึกหัดปฏิบัตินี้ การขัดเกลานี้ต้องมีความเพียร แต่ละวันตื่นขึ้นมาเราสำรวจกายของเราเป็นอย่างไรบ้าง ใจของเราเป็นอย่างไรบ้าง ใจของเรามีความกังวล มีความฟุ้งซ่าน หรือว่าใจของเรามีมลทิน อคติเพ่งโทษคอยเพ่งโทษคนโน้นคอยเพ่งโทษคนนี้ แทนที่จะเพ่งโทษตัวเราเอง แก้ไขตัวเราเองปรับปรุงตัวเราเอง ทำอย่างไรใจของเราถึงจะสะอาด ทำอย่างไรใจของเราถึงจะบริสุทธิ์ ทำอย่างไรเราถึงจะบริหารภาระหน้าที่การงานของเราด้วยใจที่มีความสุข
แต่ส่วนมากก็เอาแค่การทำบุญเอาแค่การให้ทาน การเจริญปัญญาที่ต่อเนื่องไม่ค่อยจะมีกันเท่าไร ต้องเป็นบุคคลที่มีความขยันหมั่นเพียรอย่างต่อเนื่องอย่างเข้มงวด แล้วก็ใช้ตบะอย่างแรงกล้าจริงๆ แต่ก็อย่าไปทิ้งในการทำบุญในการให้ทานซึ่งเป็นพื้นฐานในการเจริญ ในการที่จะขัดเกลากิเลสของเรา ให้สะอาดให้บริสุทธิ์ จะเอาตั้งแต่ธรรมแต่ไม่รู้จักมันก็ไปไม่ถึง เราก็ต้องพยายาม ตัวใจนั่นแหละคือตัวธรรม
แต่เวลานี้เขายังหลงอยู่ เพียงแค่การเกิดเขาก็หลงแล้ว การเกิดก็ไม่เที่ยง การเกิดก็เป็นทุกข์ แถมยังเป็นทาสของอารมณ์ทาสของกิเลสอีก มันก็หนักเข้าไปอีกหลายชั้น กายเนื้อก็มาปกปิดเอาไว้ ความคิดมาปกปิดเอาไว้ ความคิดกิเลสหยาบกิเลสละเอียดอีกหลายชั้น หลายขั้นหลายตอนจริงๆ แต่ก็ไม่เหลือวิสัย พอเป็นหนทางที่จะถึงจุดหมายปลายทางได้
การที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เราพยายามช่วยกันขัดเกลาตัวเราเอง แก้ไขตัวเราเองด้วยการเจริญสติ การเจริญสมาธิ การเจริญภาวนา เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล หลวงพ่อก็เพียงแค่เล่าให้ฟัง พระพุทธองค์ก็เพียงแค่ชี้แนะแนวทางให้ แต่การทำบุญให้ทานมีโอกาสได้ทำร่วมกัน ได้ทำช่วยกันในการสร้างตบะบารมีระดับของสมมติ อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้งนะทั้งพระทั้งโยมทั้งชี
โอกาสได้เปิดให้กาลเวลาเปิดให้สถานที่เปิดให้ ให้รีบเอาให้รีบทำกันจะได้ไม่ได้เสียทีเสียเที่ยวที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ การได้เกิดมาแล้วมันก็ยาก ยากที่จะเข้าใจในคำสอน ยากที่จะได้เกิดมาในสถานที่ประเทศที่มีศาสนาพุทธเป็นที่รองรับเอาไว้ ยากที่จะเข้าใจในธรรม ถ้าใจไม่ได้น้อมเข้ามาในสัมมาทิฏฐิ เชื่อมั่นในพระรัตนตรัย เราต้องพยายามกัน เป็นสิ่งที่ดีเป็นสิ่งที่ประเสริฐ
เมื่อคืนนี้ญาติโยมก็มาเยอะเห็นแล้วก็ภูมิใจ ต่อไปในวัดข้างหน้าก็จะเป็นแหล่งบุญใหญ่ของสถานที่ของทุกคน มาเถอะมาบ้านเรา
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจน ทำใจให้ว่างสมองให้โล่งทำใจให้สงบ จะทำใจให้ว่างมันยังไม่ว่างหรอก เพราะว่ายัง ใจยังไม่ได้คลายออกจากความคิด ก็เพียงแค่ความสงบ มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่การหายใจเข้าออกให้ชัดเจน
ไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อเอานะ
ขณะเราตื่นขึ้นมายังไม่ลุกจากที่ก็รู้ลักษณะของใจ รู้ฐานของใจ มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่การหายใจเข้าออก จะลุกจะก้าวจะเดินใจก็ปกติ จะเข้าห้องส้วมห้องน้ำใจก็ปกติ ตัวสติความรู้ตัวนี้เป็นตัวบริหารกายพากายไป จะคิดจะลุกจะก้าวจะเดินจะทำโน่นทำนี่ใจก็จะนิ่ง ทำกับข้าวกับปลา เข้าห้องส้วมห้องน้ำ แต่เวลานี้ความรู้ตัวของเรามันมีน้อยมันมีไม่ต่อเนื่อง เพียงแค่เอาไปควบคุมใจเอาไปสังเกตใจก็ยังไม่มี จะเอาไปสังเกตเอาไปทำความเข้าใจไปเดินปัญญาได้อย่างไร ทั้งที่ตัวใจนั้นก็ยังเป็นบุญอยู่ยังปกติอยู่ ก็ต้องพยายาม จำแนกแจกแจงให้ชัดเจน
ความรู้ตัวหรือว่าสติตัวใหม่หรือตกลงสร้างขึ้นมา ถ้าไม่สร้างขึ้นมายากที่จะมี ถ้าสร้างไม่ต่อเนื่องก็อยากที่จะเอาไปใช้งาน ถ้าเราเอาไปใช้งาน รู้ไม่เท่าทันใจเราก็สร้างขึ้นมาใหม่ ถ้าพลั้งเผลอเราก็สร้างขึ้นมาใหม่จนกำลังสติของเรามีมาก ใจของเราก็อยู่ในการควบคุมของสติปัญญาของเรา จนกว่าใจของเราจะคลายออกจากความคิดซึ่งเรียกว่าคลายออกจากขันธ์ห้า ซึ่งเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’
ถ้าเราเห็นการเกิดการดับ เห็นการแยกการคลาย เห็นใจ เราก็จะเข้าใจในคำสอนของพระพุทธเจ้า ในเรื่องอัตตาในเรื่องอนัตตา ในเรื่องการเกิดการดับของขันธ์ห้า เขาเกิดอย่างไร เขาตั้งอยู่อย่างไร แล้วเขาดับไปอย่างไร เรื่องอะไรที่ท่านว่าเป็นกองเป็นขันธ์ ถ้าเป็นอดีตเขาเรียกว่ากองของสัญญา กองของสังขาร กองของรูป มีเห็นเป็นกองเป็นชิ้นเป็นส่วนแต่เขาก็อยู่ในกายของเรา
เราต้องเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์หาเหตุหาผล จนกำลังสติปัญญาของเราแหลมคม มองเห็นเหตุเห็นผลให้ใจของเรายอมรับความเป็นจริงว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นแค่เพียงอาการ เป็นแค่เพียงมายา ไม่มีตัวไม่มีตน ใจของเราถึงจะปล่อยถึงจะวางได้ ไม่ใช่ว่าไปปฏิบัติธรรมก็ไม่รู้จักว่าปฏิบัติอะไร เจริญสติก็ไม่รู้จักว่าสติเป็นลักษณะอย่างไร ไปก็ไปอย่างงั้นแหละไปด้วยใจที่เป็นบุญ มันก็หลงอยู่ในการปฏิบัติ หลงอยู่ในการทำบุญ
ศาสนา ศาสนาพุทธเป็นศาสนาของผู้รู้ ศาสนาของบุคคลที่มีปัญญามีเหตุมีผล เราต้องพยายามศึกษาค้นคว้าตามคำสอนของท่าน จนปรากฏขึ้นที่กายที่ใจของเรา มองเห็นตามความเป็นจริง บอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็น สอนตัวเราให้ได้สอนใจสอนกายของเราให้ได้ รู้จักควบคุมกายรู้จักควบคุมวาจา แล้วก็ลึกลงไปรู้จักควบคุมใจ จนวางใจให้เป็นธรรมชาติ วางกายให้เป็นธรรมชาติได้หมด จนไม่ได้ฝึกหัดอะไรนั่นแหละ มีแต่ดูกับรู้ จนไม่มีอะไรที่จะไปทำนั่นแหละ แต่มันก็ยากนะ
การพูดง่าย การฝึกหัดปฏิบัตินี้ การขัดเกลานี้ต้องมีความเพียร แต่ละวันตื่นขึ้นมาเราสำรวจกายของเราเป็นอย่างไรบ้าง ใจของเราเป็นอย่างไรบ้าง ใจของเรามีความกังวล มีความฟุ้งซ่าน หรือว่าใจของเรามีมลทิน อคติเพ่งโทษคอยเพ่งโทษคนโน้นคอยเพ่งโทษคนนี้ แทนที่จะเพ่งโทษตัวเราเอง แก้ไขตัวเราเองปรับปรุงตัวเราเอง ทำอย่างไรใจของเราถึงจะสะอาด ทำอย่างไรใจของเราถึงจะบริสุทธิ์ ทำอย่างไรเราถึงจะบริหารภาระหน้าที่การงานของเราด้วยใจที่มีความสุข
แต่ส่วนมากก็เอาแค่การทำบุญเอาแค่การให้ทาน การเจริญปัญญาที่ต่อเนื่องไม่ค่อยจะมีกันเท่าไร ต้องเป็นบุคคลที่มีความขยันหมั่นเพียรอย่างต่อเนื่องอย่างเข้มงวด แล้วก็ใช้ตบะอย่างแรงกล้าจริงๆ แต่ก็อย่าไปทิ้งในการทำบุญในการให้ทานซึ่งเป็นพื้นฐานในการเจริญ ในการที่จะขัดเกลากิเลสของเรา ให้สะอาดให้บริสุทธิ์ จะเอาตั้งแต่ธรรมแต่ไม่รู้จักมันก็ไปไม่ถึง เราก็ต้องพยายาม ตัวใจนั่นแหละคือตัวธรรม
แต่เวลานี้เขายังหลงอยู่ เพียงแค่การเกิดเขาก็หลงแล้ว การเกิดก็ไม่เที่ยง การเกิดก็เป็นทุกข์ แถมยังเป็นทาสของอารมณ์ทาสของกิเลสอีก มันก็หนักเข้าไปอีกหลายชั้น กายเนื้อก็มาปกปิดเอาไว้ ความคิดมาปกปิดเอาไว้ ความคิดกิเลสหยาบกิเลสละเอียดอีกหลายชั้น หลายขั้นหลายตอนจริงๆ แต่ก็ไม่เหลือวิสัย พอเป็นหนทางที่จะถึงจุดหมายปลายทางได้
การที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เราพยายามช่วยกันขัดเกลาตัวเราเอง แก้ไขตัวเราเองด้วยการเจริญสติ การเจริญสมาธิ การเจริญภาวนา เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล หลวงพ่อก็เพียงแค่เล่าให้ฟัง พระพุทธองค์ก็เพียงแค่ชี้แนะแนวทางให้ แต่การทำบุญให้ทานมีโอกาสได้ทำร่วมกัน ได้ทำช่วยกันในการสร้างตบะบารมีระดับของสมมติ อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้งนะทั้งพระทั้งโยมทั้งชี
โอกาสได้เปิดให้กาลเวลาเปิดให้สถานที่เปิดให้ ให้รีบเอาให้รีบทำกันจะได้ไม่ได้เสียทีเสียเที่ยวที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ การได้เกิดมาแล้วมันก็ยาก ยากที่จะเข้าใจในคำสอน ยากที่จะได้เกิดมาในสถานที่ประเทศที่มีศาสนาพุทธเป็นที่รองรับเอาไว้ ยากที่จะเข้าใจในธรรม ถ้าใจไม่ได้น้อมเข้ามาในสัมมาทิฏฐิ เชื่อมั่นในพระรัตนตรัย เราต้องพยายามกัน เป็นสิ่งที่ดีเป็นสิ่งที่ประเสริฐ
เมื่อคืนนี้ญาติโยมก็มาเยอะเห็นแล้วก็ภูมิใจ ต่อไปในวัดข้างหน้าก็จะเป็นแหล่งบุญใหญ่ของสถานที่ของทุกคน มาเถอะมาบ้านเรา
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจน ทำใจให้ว่างสมองให้โล่งทำใจให้สงบ จะทำใจให้ว่างมันยังไม่ว่างหรอก เพราะว่ายัง ใจยังไม่ได้คลายออกจากความคิด ก็เพียงแค่ความสงบ มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่การหายใจเข้าออกให้ชัดเจน
ไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อเอานะ