หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2549 ลำดับที่ 012
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2549 ลำดับที่ 012
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2549
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ดูดีๆ นะก่อนที่จะขบจะฉัน รู้จักกะประมาณในการขบฉันของตัวเราเอง เพียงแค่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เราก็อย่าปล่อยผ่านให้เลยไป เราพยายามดูจะมีมากมีน้อยก็อย่าให้จิตของเราเกิดความอยากเกิดความยินดี เพียงแค่วิเคราะห์พิจารณาเอามาให้ร่างกายของเราอยู่ตลอดเวลา
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมากายหิวจิตจะปรุงแต่งความอยากได้เร็วได้ไว ยิ่งฝึกหัดใหม่ๆ จิตก็ยิ่งจะเกิดความอยากมาก เพราะว่าเรามาฝึกกาย กายของเราก็ต้องการอาหาร ถ้าเราไม่รู้จักดับความอยากเล็กๆ น้อยๆ มันก็ดับความคิดดับอารมณ์ลำบากเหมือนกัน เราก็ต้องพยายามหมั่นวิเคราะห์หมั่นคิดพิจารณาตั้งแต่ตื่นขึ้นมา
อากาศวันนี้ก็รู้สึกว่าจะหนาวเย็นลงไปสักหน่อย ความหนาวก็คงจะเริ่มมาเยือน ไม่ได้หนาวตั้งนาน อากาศเริ่มเย็นพอดี วันนี้ก็เป็นวันแปดค่ำ เดือนอ้ายหรือเดือนยี่ จะหนาวได้สักกี่วันก็ไม่รู้ หนาวสัก 3-4 เดือนก็คงจะดี ก็ต้องพยายามกัน
หมั่นสร้างคุณงามความดี หมั่นวิเคราะห์หมั่นพิจารณาอยู่ตลอดเวลา จะหนาวจะร้อน เราก็พยายามวิเคราะห์เราแก้ไขเราปรับปรุงตัวเรา ละความเกียจคร้าน สร้างความขยันหมั่นเพียร บอกตัวเองใช้ตัวเองให้เป็นอยู่ตลอดเวลา
เป็นคนขยันหมั่นเพียร ถ้าเกียจคร้านเราก็พยายามละความเกียจคร้าน ไม่มีความเห็นแก่ตัวสร้างความขยัน รักสะอาด เป็นคนมีระเบียบ ไม่ใช่ว่ารักสกปรก ต้องมาฝึกฝนตนเองไม่ว่าจะลุกจะก้าวจะเดิน เราก็ต้องพยายามดูตัวเราแก้ไขตัวเราอยู่ตลอดเวลา
โอกาสก็เป็นของเรา สถานที่ก็เป็นของเรา ทุกสิ่งทุกอย่างมีพร้อมหมด เรามาอยู่ร่วมกันไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี หลายคนหลายท่านมาอยู่ร่วมกันคนละทิศละทางละที่ เราเคยสร้างอานิสงส์มาร่วมกันถึงได้มาอยู่ร่วมกันอยู่ร่วมกันก็ให้มีความรักความสมัครสมานสามัคคีซึ่งกันและกัน มีความช่วยเหลือกัน
ไม่ใช่ว่าอยู่ร่วมกันแล้วก็คอยอคติคอยเพ่งโทษ เราต้องพยายามเพ่งโทษตัวเราเองแก้ไขตัวเราเอง เจริญพรหมวิหารให้มากๆ ถึงจะถูกต้อง รู้จักสำรวจสำรวมกายอินทรีย์ของตัวเรา ก่อนที่จะพูดก่อนที่จะคิด ก่อนที่จะคิด เราคิดดีหรือว่าเป็นกุศล หรือว่าเป็นอกุศลเราก็รู้จักดับ ก่อนที่เราจะพูดเราก็มองดูรู้เสียก่อนว่าสิ่งที่เราจะพูดออกไปเป็นประโยชน์หรือไม่ ทำให้คนอื่นเดือดร้อนไหม เราเดือดร้อนหรือไม่ เวลาไหนควรพูดหรือไม่ควรพูด เราต้องหัดวิเคราะห์ทุกอย่าง เรื่องการเกิดของจิตก็เหมือนกันจิตเกิดส่งออกไปทางกายทางวาจาด้วยหรือไม่ กายกรรมวจีกรรมมโนกรรมเราก็ต้องพยายามวิเคราะห์
ถ้าเราไม่แก้ไขตัวเราไม่มีใครจะแก้ไขตัวเราได้หรอก ถึงจะไปอยู่ที่ไหนถ้าเราไม่รู้จักขัดเกลาตัวเราเองมันก็ไม่มีประโยชน์ เราต้องพยายามสร้างตัวเราให้มีประโยชน์ ประโยชน์ให้มาก ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์ในโลกนี้ประโยชน์สมมติให้ดีที่สุด ส่วนประโยชน์ในโลกหน้านั้นเราทำอยู่ปัจจุบันอนาคตก็จะออกมาดีเอง เรามีโอกาสได้สร้างคุณงามความดีอยู่ตลอดเวลา
โตกันทุกคนไม่จำเป็นต้องไปให้คนอื่นเขาบังคับเคี่ยวเข็ญ รู้จักแก้ไขตัวเราเอง อยู่กับหมู่อยู่กับคณะก็มีความอนุเคราะห์เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน มีความรักความเมตตาไม่ใช่ว่าจะไปจับกลุ่มจับก้อนนินทาคนโน้นนินทาคนนี้ อันนั้นเป็นนิสัยของคนที่ไม่ดี นิสัยของผู้ดีมีตั้งแต่จะประเทืองสติปัญญาของตัวเองให้สูงให้หลุดพ้น ไม่เอาเรื่องคนอื่นมาใส่ใจตัวเราเองมองโลกในทางที่ดีคิดดีอยู่ตลอดเวลา การกระทำก็ต้องถึงพร้อมถึงจะเป็นประโยชน์
แต่ละวันๆ เราได้สำรวจตรวจตราดูตัวเรา เรามีความแข็งกระด้างหรือไม่ เรามี ความกตัญญูกตเวทีเรามีความอ่อนน้อมถ่อมตน ต่อสถานที่ต่อพ่อต่อแม่ต่อครูบาอาจารย์ เราก็ต้องพยายามเคารพ เคารพกันในธรรม รู้จักหน้าที่ของตัวเราเองอยู่ตลอดเวลา
อะไรควรที่จะเจริญ อะไรคือสิ่งที่จะเป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์ เราก็อย่าพากันปล่อยทิ้ง ไม่ใช่ว่ามากันสนุกสนานกันอย่างนั้นไม่ใช่ เรามาศึกษามาขัดเกลา มาสร้างคุณงามความดีให้มีที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ว่าเอาเวลามาเล่นสนุกสนาน มาสร้างความเกียจคร้านให้ตัวเราเอง
ญาติโยมว่างๆ ทั้งญาติโยมทั้งชีที่ว่างๆ ก็ช่วยกันปลูกต้นไม้ให้หน่อย ต้นหมากที่เรากล้าเอาไว้ก็ต้นโตพอที่จะลงถุงได้ช่วยกันปลูกให้หลวงพ่อหน่อย จะเพาะใส่ถุงเอาไว้เสียก่อน หน้าฝนก็จะได้เอาลง เราเพาะหมากเพาะเอาไว้เยอะหลายพันต้น ก็ว่าจะไปแซมไว้ในป่า เวลาหน้าฝนก็ให้มันเขียวชอุ่ม ให้เป็นป่าหมากแซมอยู่ข้างล่าง ให้ได้รับความสงบความร่มรื่นร่มเย็น ปลูกไว้ทุกปี ที่ไหนเราปลูกอะไรได้เราก็ปลูกเอาไว้ให้รุ่นลูกรุ่นหลานเขาได้มีสถานที่ ใครเข้ามาก็มีความร่มรื่นน่าอยู่สงบร่มเย็น ถ้าเราไม่ทำเอาไว้รุ่นหลังก็ลำบาก เราทำเอาไว้เท่าที่กำลังของเรามี ทำไว้ให้ทุกคนนั่นแหละ ไม่ใช่เป็นสมบัติของใครสักคน เป็นสมบัติของแผ่นดิน
เรามาอาศัยสถานที่อยู่ เราก็พยายามทำสถานที่ให้น่าอยู่น่าอาศัยน่ารื่นรมย์ อย่ามาสร้างความสกปรกรกรุงรัง เราต้องมาช่วยกัน ช่วยกันทำถึงเราไปคนอื่นก็มารับมาสร้างมาสานต่อ เรามาอาศัยสถานที่อยู่เราก็สร้างคุณประโยชน์ให้กับสถานที่ ประโยชน์ตัวเรา เราก็พลอยได้รับความสงบความสุขได้รับความร่มรื่นร่มเย็น
ถ้าเราไม่ทำ เราก็ไปที่ไหนก็ลำบาก ถ้ามีคนคิดว่าไม่ใช่ของตัวเอง ไปที่ไหนก็ไม่ทำไม่มีความเสียสละ ก็ไปเจอตั้งแต่ความลำบาก ถ้าเราทำเอาไว้ ไปที่ไหนก็มีคนอื่นเขาทำไว้ให้เรา ไปที่ไหนก็ไม่ลำบาก มีหมู่มีคณะมีบริวาร นี่แหละการสร้างบุญสร้างอานิสงส์ เราต้องพยายามทำให้ได้หมดทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่ความเสียสละความอดทนอดกลั้น อดทนต่อเหตุการณ์ภายนอกอดทนจากกิเลสภายใน เราก็รู้จักละรู้จักดับไม่ใช่ว่าจะปล่อยปละละเลย
เราก็ต้องพยายามเอา บุคคลมีสติมีปัญญาก็จะสร้างตั้งแต่คุณงามความดี สิ่งไหนที่จะเป็นประโยชน์ สิ่งไหนที่จะเป็นคุณ สิ่งไหนที่จะนำความสงบความสุขมาให้ เราก็พยายามรีบทำ ไม่ใช่ว่ามีตั้งแต่ความเกียจคร้าน ความเกียจคร้านนั้นเป็นบ่อเกิดแห่งหนทางเสื่อม เราก็ต้องพยายามเอา
พูดน้อยนอนน้อยฝึกหัดปฏิบัติขัดเกลาตัวเองให้มากๆ ไม่จำเป็นไม่ต้องจำเป็นต้องไปพูดมาก พูดน้อยๆ ปฏิบัติให้มากๆ ทำให้มากๆ รู้เราแก้ไขเราปรับปรุงตัวเรา ภาระหน้าที่การงานของเราให้ดี ไม่ใช่ว่าจะปล่อยปละละเลย พากันสมาทานศีลกันเสียก่อน
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความระลึกรู้ให้มีให้เกิดขึ้นในกายของเราด้วยการเจริญอานาปานสติ ระลึกรู้การหายใจเข้าออกของเรา สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา
ตามความเป็นจริง ตั้งแต่เช้าตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ เราพยายามสร้างความรู้สึกรับรู้ นั่นแหละเขาเรียกว่า ‘สร้างสติรู้กาย’ รู้ความปกติของกาย รู้การหายใจเข้าออก ลึกลงไปก็รู้จิต รู้ลักษณะของจิต รู้ความปกติ เวลาจิตเกิดส่งออกไปภายนอก เราก็รู้จักดับรู้จักควบคุม เวลาความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งจิตเราก็หัดสังเกตหัดวิเคราะห์
ถ้าเราไม่ได้เจริญสติ ไม่ได้สร้างความรู้กายรู้ตัว เราก็รู้ไม่เท่าทันจิตเพราะว่าความเคยชิน จิตของคนเราชอบคิดชอบเที่ยวชอบส่งออกไปภายนอก แล้วก็เรื่องโน้นบ้างเรื่องนี้บ้างสารพัดเรื่อง บางทีก็ความคิด ภาษาธรรมะท่านเรียกว่า ‘ขันธ์ห้า’ เขาผุดขึ้นมาปรุงแต่งจิต เขาก่อตัว แล้วจิตของเราเคลื่อนเข้าไปรวม เมื่อเขาเข้าไปรวมกันแล้ว ส่งออกไปภายนอกนั่นแหละเราถึงรู้ว่าเราคิด คิดสารพัดเรื่อง มันหลงอยู่ในความคิดนั้น เราต้องพยายามมาเจริญผู้รู้หรือว่าสร้างผู้รู้ มาสร้างสติ แล้วพยายามสร้างแล้วรู้จักรักษา รู้จักเอาสติของเราไปใช้
เพียงแค่การสร้างกับการรักษา พวกเราก็ยังไม่ทำให้ต่อเนื่องกัน ยังทำกระปิดกระปอย หรือว่าบางทีระลึกได้ครั้งหนึ่งก็เป็นชั่วโมง 2 ชั่วโมง กว่าจะระลึกได้ บางทีระลึกไม่ได้เลยสักทีก็มี มีตั้งแต่จะเอาความนึกคิดปรุงแต่งปัญญาเก่าๆ ไปนึกเอาไปคิดเอา แล้วก็ทำตามความคิดว่าเป็นสติ ว่าเป็นปัญญา อันนั้นเป็นสติปัญญาระดับโลกิยะระดับของสมมติ อาจจะถูกต้องอยู่ในระดับของสมมติเท่านั้นเอง
ตามความเป็นจริง เราต้องสร้างผู้รู้ แล้วก็รู้จักรักษา ทุกคนก็มีศรัทธากันเต็มเปี่ยมถึงได้น้อมกายเข้ามาวัด เข้ามาศึกษาเข้ามาหาทางดับทุกข์ มาหาทางหลุดพ้น ทุกคนก็ปรารถนาหาความสุขกัน ก็ต้องพยายามหมั่นขัดเกลาหมั่นแสวงหาหมั่นดำเนิน
นักบวชพระเราก็เหมือนกันชีเราก็เหมือนกัน ความหมายของการบวชก็เพื่อที่จะมาขัดเกลาตัวเอง มาแสวงหาหนทาง เราวางภาระหน้าที่สมมติ เราวางบ้านวางช่อง วางพ่อวางแม่วางพี่วางน้อง เข้ามาศึกษาเข้ามาบวชก็เพื่อที่จะมาทำจิตของเราให้สะอาดให้บริสุทธิ์ จุดหมายก็คือความหลุดพ้น ก็ต้องพยายามกัน
อย่าพากันเกียจคร้านให้รู้จักหน้าที่รู้จักรับผิดชอบ ถ้าเราไม่รู้จักหน้าที่ของตัวเรา ไม่รู้จักความเสียสละ ไม่มีความเสียสละ ไม่มีความอดทนทั้งภายนอกภายใน ไปอยู่ที่ไหนก็ลำบากอยู่ เราต้องพยายามหมั่นขัดเกลาหมั่นแก้ไข หัดเป็นคนมีระเบียบวินัยระเบียบวินัยอยู่ในตัวของเราเอง เราต้องแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเรา หมั่นพร่ำสอนตัวเราอยู่ตลอดเวลา
อะไรคือกุศล อะไรคืออกุศล อะไรที่ควรเจริญ อะไรที่ควรละ ถ้าเราไม่แก้ไขแล้ว ไปอยู่ที่ไหนก็เหมือนเดิม จะไปอยู่ที่มีกฎมีระเบียบมากมายมันก็เหมือนเดิม ถ้าจิตของเราไม่มีการพัฒนา ถ้าคนเรามีการพัฒนา ถึงจะไปอยู่ที่ไหน ก็พัฒนาตัวเอง อยู่ตามป่าตามเขาตามไร่ตามนา ก็มีการพัฒนา หมั่นแก้ไขตัวเราเอง นั่นแหละเขาเรียกว่า ‘เป็นคนมีข้อวัตร’ มีข้อวัตรมีการปฏิบัติไม่ใช่ว่าเราจะไปอยู่ที่โน้นถึงจะปฏิบัติคร่ำเคร่ง ไปอยู่ที่นี่ถึงจะปฏิบัติคร่ำเคร่ง มันไม่ใช่ อันนั้นเป็นแค่ข้อวัตรภายนอก
เราต้องพยายามหมั่นชำระสะสางกิเลสภายในของเราอยู่ตลอดเวลา ทำความเข้าใจกับสมมติทำความเข้าใจกับวิมุตติ ทำความเข้าใจกับธรรมชาติ ธรรมชาติภายในก็คือจิตที่สะอาดบริสุทธิ์ปราศจากกิเลส ธรรมชาติภายนอก โลกเขาก็เป็นอยู่อย่างนั้น โลกธรรมแปดเขาก็เป็นอยู่อย่างนี้ เราก็ต้องพยายามทำความเข้าใจกับเขาเสีย
มาแก้ไขตัวเองปรับปรุงตัวเอง เอาเรื่องของเราให้ดี ทำหน้าที่ของเราให้ดีขณะที่เรายังมีกำลังอยู่ เราน้อมกายของเราเข้ามา การเจริญสติเป็นอย่างนี้การรักษาสติที่ต่อเนื่องกัน การดับการควบคุมจิตควบคุมอารมณ์ สูงขึ้นไปก็การแยกจิตแยกความคิดแยกรูปแยกนาม ตามทำความเข้าใจเข้าใจในเรื่องสภาวธรรม
เข้าใจในเรื่องอนิจจังทุกขังอนัตตา เข้าใจในเรื่องความว่างเปล่า อัตตาอนัตตา คำว่า ‘อัตตา’ เป็นอย่างไร คำว่า ‘อนัตตา’ เป็นอย่างไร เราต้องหมั่นพร่ำสอนตัวเราเองอยู่ตลอดเวลา ก็ต้องพยายาม อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้งเสียดายเวลา
เราเกิดมาในโลกมนุษย์ก็นับว่าเป็นอานิสงส์ที่สูง ทุกคนเข้าใจประพฤติปฏิบัติกันมาตั้งแต่ภพก่อนๆ ไม่ใช่ว่าไม่ได้ปฏิบัติกันมา ถ้าไม่ได้ปฏิบัติไม่ได้ฝึกฝนตนเองมาไม่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์หรอก การที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์นี่ก็สร้างบุญมาดี บุญเก่าเราก็มี บุญใหม่เราก็พยายามมาสร้าง
ก่อนที่จะได้เติบโตเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ก็ผ่านกาลผ่านเวลาผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านทุกข์ผ่านสุขมามากต่อมาก เราก็รู้ทุกข์ก็รู้สุขก็รู้ เราก็ต้องพยายามมาทำความเข้าใจ แล้วก็รู้จักคลายความยึดมั่นถือมั่น ทำจิตของเราให้สงบทำจิตของเราให้สะอาด ถึงจิตของเราไม่หลุดพ้นก็พยายามให้อยู่ในกองบุญกองกุศลเอาไว้ ก็ยังดีกว่าจะตกไปสู่กองอกุศล ก็ต้องพยายามกัน
หลวงพ่อก็ดีใจภูมิใจที่ได้พากันมาฝึกหัดปฏิบัติมาขัดเกลา ไม่ว่าพระว่าชีก็รู้จักหน้าที่ทำหน้าที่ขณะที่หลวงพ่อไม่อยู่ก็พยายามพากัน มีตั้งแต่ความรักสมัครสมานสามัคคีกันช่วยกัน มีอะไรก็ให้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อย่าไปอคติอย่าไปเพ่งโทษ แม้ตั้งแต่ความคิดแม้ตั้งแต่วาจาก็ไม่ให้กระทบกระทั่งกัน
ถ้าบอกไม่เชื่อฟังหลวงพ่อก็เตือนได้แค่ครั้งเดียว ไม่มีคำว่าครั้งที่สอง หลวงพ่อก็เตือนเอาไว้ ทุกๆ คนอยู่ด้วยกันก็ให้มีแต่ความรักความสมัครสมานสามัคคี อยู่ด้วยแล้วก็อะไร ก็ให้ทำหน้าที่ช่วยกันให้เป็นอย่างดี ก็รู้สึกว่าภูมิใจในทุกๆ คนที่ได้ช่วยกัน
ระยะนี้หลวงพ่อก็อาจจะไม่ค่อยจะได้อยู่วัด เพราะว่ามีหน้าที่ที่จะต้องทำ คือการไปหล่อพระพุทธรูปใหญ่อยู่ที่เขื่อนป่าสัก กำลังหล่อกำลังลงรากลงฐานอยู่ที่นั่น ถ้าญาติโยมมีโอกาสก็จะได้ไปเยี่ยมไปเยือน รู้สึกว่าอยู่ที่โน้นก็เป็นอานิสงส์ที่กว้างใหญ่ไพศาลมากทีเดียว ผู้หลักผู้ใหญ่ทางบ้านเมืองท่านก็อนุเคราะห์ให้ อนุเคราะห์ลงมาช่วยเหลือทุกฝ่าย ตั้งแต่อธิบดีกรมชลฯ ลงมา ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ รองผู้ว่าฯ แล้วก็ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อบต. ต่างๆ ก็ลงไปช่วยกัน เพราะว่าเป็นสถานที่ของพระเจ้าอยู่หัวท่านพระราชดำริให้กับประชาชนของท่าน เกี่ยวเนื่องกับการที่จะถวาย น้อมถวายให้พระเจ้าอยู่หัวของเราด้วย
ผู้หลักผู้ใหญ่ก็ได้ลงไปช่วยกันหมด ไม่ว่าผู้หลักผู้ใหญ่ทางบ้านเมือง ก็นับว่าเป็นสิ่งที่ดีสิ่งที่งาม พวกเรามีโอกาสก็จะได้ไปเยี่ยมไปชม หรือว่ามีโอกาสก็จะได้ไปช่วยกัน บางคนบางท่านก็ทั้งกำลังกายกำลังใจกำลังทรัพย์ไปช่วยกัน ไปสร้างอานิสงส์ตรงนั้น เป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่แล้วก็คงจะเป็นพระพุทธรูปที่ประดิษฐานให้เป็นสง่างามมากทีเดียว สถานที่บริเวณก็สวยงามมาก อยู่หัวเขื่อนฝั่งสระบุรีฝั่งบางม่วง
หลวงพ่อก็คงจะไปๆ มาๆ วันที่ 20 ก็คงจะได้ลงไปที่เขื่อน วันที่ 22 ก็คงจะได้ไปหล่อพระอีกองค์หนึ่งอยู่ที่ประจวบคีรีขันธ์ วันที่ 24 25 ก็คงจะได้กลับขึ้นมาอยู่ที่เขื่อน แล้วก็สิ้นเดือนถึงจะได้กลับมาที่ขอนแก่น หลังจากวันที่ 10 ก็คงจะได้ไปอยู่ที่นั่นยาว อยู่ที่เขื่อนยาว ช่วยกันสร้างอานิสงส์สร้างบารมี ช่วยกัน เป็นสิ่งที่ดี
เรามีโอกาสได้ทำ โอกาสเปิดให้สถานที่เปิดให้ เป็นองค์หลวงปู่ที่หล่อหลอมดวงจิตของทุกฝ่ายมาร่วมกัน ทั้งเหล่าข้าราชการ นักธุรกิจ เหล่าดาราพ่อค้า ประชาชน เป็นองค์สุดท้ายที่หลวงพ่อจะทำ แล้วก็ให้หล่อหลอมทุกดวงเข้าไปอยู่ร่วมกัน
อยู่ที่นั่นก็เหมือนกับไปตั้งโรงทานใหญ่ ใหญ่มากทีเดียวคนเป็นร้อยเป็นพันก็ไม่มีคำว่าอด ไม่มีคำว่าอยาก ไม่มีคำว่าลำบาก เหมือนกับตั้งโรงทานใหญ่เลยทีเดียว เพราะทุกคนก็ไปช่วย คนนั้นก็เอานี้ไปช่วย คนนี้คนนั้นก็เอานั้นไปช่วย อุดมสมบูรณ์มาก ไม่มีคำว่าลำบากไม่มีคำว่าอดไม่มีคำว่าอยาก ถ้าพวกเราไปก็จะรู้จะเห็น
นี่แหละการสร้างบุญสร้างกุศล อานิสงส์ผลบุญไปอยู่ที่ไหนก็ไม่ลำบากหลวงพ่อก็มองเห็นอานิสงส์ในการให้ทาน ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่ลำบาก ถึงจะไปอยู่ที่ถิ่นทุรกันดารก็ไม่เคยอดไม่เคยอยากไม่เคยลำบาก จะว่าความอุดมสมบูรณ์นั้นอยู่ที่นั่นจะอุดมสมบูรณ์กว่าที่วัดของเราเสียอีก เพราะทุกสิ่งทุกอย่างญาติโยมก็มาช่วยกันมาช่วยกันทั้งการกระทำทั้งแรงกายแรงใจ ทั้งข้าวของเงินทองต่างๆ ก็มาช่วยกัน
นี่แหละเรามีโอกาสได้ไปสร้างอานิสงส์ หลวงพ่อก็ขอเชิญญาติโยมทุกคนทุกท่านมีโอกาสเข้าไปแวะไปเยี่ยมไปเยือน มีโอกาสก็ไปสร้างบุญร่วมกัน ไม่ว่าสถานที่ไหนก็ช่าง อยู่ทำบุญที่วัดที่บ้าน ทำบุญให้กับตัวเรา ทำบุญให้กับพ่อกับแม่กับพี่กับน้อง เป็นอานิสงส์ที่ดีหมด
เรามีโอกาสได้เกิดมาเป็นมนุษย์มีโอกาสในการสร้างอานิสงส์ได้เต็มที่ก็ต้องพยายามกัน ลึกลงไปก็หมั่นชำระสะสางจิตของเรา ขัดเกลาจิตของเราตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นขึ้นมา อานิสงส์ก็จะติดตามตัวของเราไปทุกภพทุกชาติข้ามภพข้ามชาติจนกว่าจิตของเราจะสะอาดบริสุทธิ์หลุดพ้นไม่ต้องกลับมาเกิดกัน
เอาล่ะ วันนี้หลวงพ่อก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กันพากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอานะ
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมากายหิวจิตจะปรุงแต่งความอยากได้เร็วได้ไว ยิ่งฝึกหัดใหม่ๆ จิตก็ยิ่งจะเกิดความอยากมาก เพราะว่าเรามาฝึกกาย กายของเราก็ต้องการอาหาร ถ้าเราไม่รู้จักดับความอยากเล็กๆ น้อยๆ มันก็ดับความคิดดับอารมณ์ลำบากเหมือนกัน เราก็ต้องพยายามหมั่นวิเคราะห์หมั่นคิดพิจารณาตั้งแต่ตื่นขึ้นมา
อากาศวันนี้ก็รู้สึกว่าจะหนาวเย็นลงไปสักหน่อย ความหนาวก็คงจะเริ่มมาเยือน ไม่ได้หนาวตั้งนาน อากาศเริ่มเย็นพอดี วันนี้ก็เป็นวันแปดค่ำ เดือนอ้ายหรือเดือนยี่ จะหนาวได้สักกี่วันก็ไม่รู้ หนาวสัก 3-4 เดือนก็คงจะดี ก็ต้องพยายามกัน
หมั่นสร้างคุณงามความดี หมั่นวิเคราะห์หมั่นพิจารณาอยู่ตลอดเวลา จะหนาวจะร้อน เราก็พยายามวิเคราะห์เราแก้ไขเราปรับปรุงตัวเรา ละความเกียจคร้าน สร้างความขยันหมั่นเพียร บอกตัวเองใช้ตัวเองให้เป็นอยู่ตลอดเวลา
เป็นคนขยันหมั่นเพียร ถ้าเกียจคร้านเราก็พยายามละความเกียจคร้าน ไม่มีความเห็นแก่ตัวสร้างความขยัน รักสะอาด เป็นคนมีระเบียบ ไม่ใช่ว่ารักสกปรก ต้องมาฝึกฝนตนเองไม่ว่าจะลุกจะก้าวจะเดิน เราก็ต้องพยายามดูตัวเราแก้ไขตัวเราอยู่ตลอดเวลา
โอกาสก็เป็นของเรา สถานที่ก็เป็นของเรา ทุกสิ่งทุกอย่างมีพร้อมหมด เรามาอยู่ร่วมกันไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี หลายคนหลายท่านมาอยู่ร่วมกันคนละทิศละทางละที่ เราเคยสร้างอานิสงส์มาร่วมกันถึงได้มาอยู่ร่วมกันอยู่ร่วมกันก็ให้มีความรักความสมัครสมานสามัคคีซึ่งกันและกัน มีความช่วยเหลือกัน
ไม่ใช่ว่าอยู่ร่วมกันแล้วก็คอยอคติคอยเพ่งโทษ เราต้องพยายามเพ่งโทษตัวเราเองแก้ไขตัวเราเอง เจริญพรหมวิหารให้มากๆ ถึงจะถูกต้อง รู้จักสำรวจสำรวมกายอินทรีย์ของตัวเรา ก่อนที่จะพูดก่อนที่จะคิด ก่อนที่จะคิด เราคิดดีหรือว่าเป็นกุศล หรือว่าเป็นอกุศลเราก็รู้จักดับ ก่อนที่เราจะพูดเราก็มองดูรู้เสียก่อนว่าสิ่งที่เราจะพูดออกไปเป็นประโยชน์หรือไม่ ทำให้คนอื่นเดือดร้อนไหม เราเดือดร้อนหรือไม่ เวลาไหนควรพูดหรือไม่ควรพูด เราต้องหัดวิเคราะห์ทุกอย่าง เรื่องการเกิดของจิตก็เหมือนกันจิตเกิดส่งออกไปทางกายทางวาจาด้วยหรือไม่ กายกรรมวจีกรรมมโนกรรมเราก็ต้องพยายามวิเคราะห์
ถ้าเราไม่แก้ไขตัวเราไม่มีใครจะแก้ไขตัวเราได้หรอก ถึงจะไปอยู่ที่ไหนถ้าเราไม่รู้จักขัดเกลาตัวเราเองมันก็ไม่มีประโยชน์ เราต้องพยายามสร้างตัวเราให้มีประโยชน์ ประโยชน์ให้มาก ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์ในโลกนี้ประโยชน์สมมติให้ดีที่สุด ส่วนประโยชน์ในโลกหน้านั้นเราทำอยู่ปัจจุบันอนาคตก็จะออกมาดีเอง เรามีโอกาสได้สร้างคุณงามความดีอยู่ตลอดเวลา
โตกันทุกคนไม่จำเป็นต้องไปให้คนอื่นเขาบังคับเคี่ยวเข็ญ รู้จักแก้ไขตัวเราเอง อยู่กับหมู่อยู่กับคณะก็มีความอนุเคราะห์เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน มีความรักความเมตตาไม่ใช่ว่าจะไปจับกลุ่มจับก้อนนินทาคนโน้นนินทาคนนี้ อันนั้นเป็นนิสัยของคนที่ไม่ดี นิสัยของผู้ดีมีตั้งแต่จะประเทืองสติปัญญาของตัวเองให้สูงให้หลุดพ้น ไม่เอาเรื่องคนอื่นมาใส่ใจตัวเราเองมองโลกในทางที่ดีคิดดีอยู่ตลอดเวลา การกระทำก็ต้องถึงพร้อมถึงจะเป็นประโยชน์
แต่ละวันๆ เราได้สำรวจตรวจตราดูตัวเรา เรามีความแข็งกระด้างหรือไม่ เรามี ความกตัญญูกตเวทีเรามีความอ่อนน้อมถ่อมตน ต่อสถานที่ต่อพ่อต่อแม่ต่อครูบาอาจารย์ เราก็ต้องพยายามเคารพ เคารพกันในธรรม รู้จักหน้าที่ของตัวเราเองอยู่ตลอดเวลา
อะไรควรที่จะเจริญ อะไรคือสิ่งที่จะเป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์ เราก็อย่าพากันปล่อยทิ้ง ไม่ใช่ว่ามากันสนุกสนานกันอย่างนั้นไม่ใช่ เรามาศึกษามาขัดเกลา มาสร้างคุณงามความดีให้มีที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ว่าเอาเวลามาเล่นสนุกสนาน มาสร้างความเกียจคร้านให้ตัวเราเอง
ญาติโยมว่างๆ ทั้งญาติโยมทั้งชีที่ว่างๆ ก็ช่วยกันปลูกต้นไม้ให้หน่อย ต้นหมากที่เรากล้าเอาไว้ก็ต้นโตพอที่จะลงถุงได้ช่วยกันปลูกให้หลวงพ่อหน่อย จะเพาะใส่ถุงเอาไว้เสียก่อน หน้าฝนก็จะได้เอาลง เราเพาะหมากเพาะเอาไว้เยอะหลายพันต้น ก็ว่าจะไปแซมไว้ในป่า เวลาหน้าฝนก็ให้มันเขียวชอุ่ม ให้เป็นป่าหมากแซมอยู่ข้างล่าง ให้ได้รับความสงบความร่มรื่นร่มเย็น ปลูกไว้ทุกปี ที่ไหนเราปลูกอะไรได้เราก็ปลูกเอาไว้ให้รุ่นลูกรุ่นหลานเขาได้มีสถานที่ ใครเข้ามาก็มีความร่มรื่นน่าอยู่สงบร่มเย็น ถ้าเราไม่ทำเอาไว้รุ่นหลังก็ลำบาก เราทำเอาไว้เท่าที่กำลังของเรามี ทำไว้ให้ทุกคนนั่นแหละ ไม่ใช่เป็นสมบัติของใครสักคน เป็นสมบัติของแผ่นดิน
เรามาอาศัยสถานที่อยู่ เราก็พยายามทำสถานที่ให้น่าอยู่น่าอาศัยน่ารื่นรมย์ อย่ามาสร้างความสกปรกรกรุงรัง เราต้องมาช่วยกัน ช่วยกันทำถึงเราไปคนอื่นก็มารับมาสร้างมาสานต่อ เรามาอาศัยสถานที่อยู่เราก็สร้างคุณประโยชน์ให้กับสถานที่ ประโยชน์ตัวเรา เราก็พลอยได้รับความสงบความสุขได้รับความร่มรื่นร่มเย็น
ถ้าเราไม่ทำ เราก็ไปที่ไหนก็ลำบาก ถ้ามีคนคิดว่าไม่ใช่ของตัวเอง ไปที่ไหนก็ไม่ทำไม่มีความเสียสละ ก็ไปเจอตั้งแต่ความลำบาก ถ้าเราทำเอาไว้ ไปที่ไหนก็มีคนอื่นเขาทำไว้ให้เรา ไปที่ไหนก็ไม่ลำบาก มีหมู่มีคณะมีบริวาร นี่แหละการสร้างบุญสร้างอานิสงส์ เราต้องพยายามทำให้ได้หมดทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่ความเสียสละความอดทนอดกลั้น อดทนต่อเหตุการณ์ภายนอกอดทนจากกิเลสภายใน เราก็รู้จักละรู้จักดับไม่ใช่ว่าจะปล่อยปละละเลย
เราก็ต้องพยายามเอา บุคคลมีสติมีปัญญาก็จะสร้างตั้งแต่คุณงามความดี สิ่งไหนที่จะเป็นประโยชน์ สิ่งไหนที่จะเป็นคุณ สิ่งไหนที่จะนำความสงบความสุขมาให้ เราก็พยายามรีบทำ ไม่ใช่ว่ามีตั้งแต่ความเกียจคร้าน ความเกียจคร้านนั้นเป็นบ่อเกิดแห่งหนทางเสื่อม เราก็ต้องพยายามเอา
พูดน้อยนอนน้อยฝึกหัดปฏิบัติขัดเกลาตัวเองให้มากๆ ไม่จำเป็นไม่ต้องจำเป็นต้องไปพูดมาก พูดน้อยๆ ปฏิบัติให้มากๆ ทำให้มากๆ รู้เราแก้ไขเราปรับปรุงตัวเรา ภาระหน้าที่การงานของเราให้ดี ไม่ใช่ว่าจะปล่อยปละละเลย พากันสมาทานศีลกันเสียก่อน
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความระลึกรู้ให้มีให้เกิดขึ้นในกายของเราด้วยการเจริญอานาปานสติ ระลึกรู้การหายใจเข้าออกของเรา สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา
ตามความเป็นจริง ตั้งแต่เช้าตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ เราพยายามสร้างความรู้สึกรับรู้ นั่นแหละเขาเรียกว่า ‘สร้างสติรู้กาย’ รู้ความปกติของกาย รู้การหายใจเข้าออก ลึกลงไปก็รู้จิต รู้ลักษณะของจิต รู้ความปกติ เวลาจิตเกิดส่งออกไปภายนอก เราก็รู้จักดับรู้จักควบคุม เวลาความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งจิตเราก็หัดสังเกตหัดวิเคราะห์
ถ้าเราไม่ได้เจริญสติ ไม่ได้สร้างความรู้กายรู้ตัว เราก็รู้ไม่เท่าทันจิตเพราะว่าความเคยชิน จิตของคนเราชอบคิดชอบเที่ยวชอบส่งออกไปภายนอก แล้วก็เรื่องโน้นบ้างเรื่องนี้บ้างสารพัดเรื่อง บางทีก็ความคิด ภาษาธรรมะท่านเรียกว่า ‘ขันธ์ห้า’ เขาผุดขึ้นมาปรุงแต่งจิต เขาก่อตัว แล้วจิตของเราเคลื่อนเข้าไปรวม เมื่อเขาเข้าไปรวมกันแล้ว ส่งออกไปภายนอกนั่นแหละเราถึงรู้ว่าเราคิด คิดสารพัดเรื่อง มันหลงอยู่ในความคิดนั้น เราต้องพยายามมาเจริญผู้รู้หรือว่าสร้างผู้รู้ มาสร้างสติ แล้วพยายามสร้างแล้วรู้จักรักษา รู้จักเอาสติของเราไปใช้
เพียงแค่การสร้างกับการรักษา พวกเราก็ยังไม่ทำให้ต่อเนื่องกัน ยังทำกระปิดกระปอย หรือว่าบางทีระลึกได้ครั้งหนึ่งก็เป็นชั่วโมง 2 ชั่วโมง กว่าจะระลึกได้ บางทีระลึกไม่ได้เลยสักทีก็มี มีตั้งแต่จะเอาความนึกคิดปรุงแต่งปัญญาเก่าๆ ไปนึกเอาไปคิดเอา แล้วก็ทำตามความคิดว่าเป็นสติ ว่าเป็นปัญญา อันนั้นเป็นสติปัญญาระดับโลกิยะระดับของสมมติ อาจจะถูกต้องอยู่ในระดับของสมมติเท่านั้นเอง
ตามความเป็นจริง เราต้องสร้างผู้รู้ แล้วก็รู้จักรักษา ทุกคนก็มีศรัทธากันเต็มเปี่ยมถึงได้น้อมกายเข้ามาวัด เข้ามาศึกษาเข้ามาหาทางดับทุกข์ มาหาทางหลุดพ้น ทุกคนก็ปรารถนาหาความสุขกัน ก็ต้องพยายามหมั่นขัดเกลาหมั่นแสวงหาหมั่นดำเนิน
นักบวชพระเราก็เหมือนกันชีเราก็เหมือนกัน ความหมายของการบวชก็เพื่อที่จะมาขัดเกลาตัวเอง มาแสวงหาหนทาง เราวางภาระหน้าที่สมมติ เราวางบ้านวางช่อง วางพ่อวางแม่วางพี่วางน้อง เข้ามาศึกษาเข้ามาบวชก็เพื่อที่จะมาทำจิตของเราให้สะอาดให้บริสุทธิ์ จุดหมายก็คือความหลุดพ้น ก็ต้องพยายามกัน
อย่าพากันเกียจคร้านให้รู้จักหน้าที่รู้จักรับผิดชอบ ถ้าเราไม่รู้จักหน้าที่ของตัวเรา ไม่รู้จักความเสียสละ ไม่มีความเสียสละ ไม่มีความอดทนทั้งภายนอกภายใน ไปอยู่ที่ไหนก็ลำบากอยู่ เราต้องพยายามหมั่นขัดเกลาหมั่นแก้ไข หัดเป็นคนมีระเบียบวินัยระเบียบวินัยอยู่ในตัวของเราเอง เราต้องแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเรา หมั่นพร่ำสอนตัวเราอยู่ตลอดเวลา
อะไรคือกุศล อะไรคืออกุศล อะไรที่ควรเจริญ อะไรที่ควรละ ถ้าเราไม่แก้ไขแล้ว ไปอยู่ที่ไหนก็เหมือนเดิม จะไปอยู่ที่มีกฎมีระเบียบมากมายมันก็เหมือนเดิม ถ้าจิตของเราไม่มีการพัฒนา ถ้าคนเรามีการพัฒนา ถึงจะไปอยู่ที่ไหน ก็พัฒนาตัวเอง อยู่ตามป่าตามเขาตามไร่ตามนา ก็มีการพัฒนา หมั่นแก้ไขตัวเราเอง นั่นแหละเขาเรียกว่า ‘เป็นคนมีข้อวัตร’ มีข้อวัตรมีการปฏิบัติไม่ใช่ว่าเราจะไปอยู่ที่โน้นถึงจะปฏิบัติคร่ำเคร่ง ไปอยู่ที่นี่ถึงจะปฏิบัติคร่ำเคร่ง มันไม่ใช่ อันนั้นเป็นแค่ข้อวัตรภายนอก
เราต้องพยายามหมั่นชำระสะสางกิเลสภายในของเราอยู่ตลอดเวลา ทำความเข้าใจกับสมมติทำความเข้าใจกับวิมุตติ ทำความเข้าใจกับธรรมชาติ ธรรมชาติภายในก็คือจิตที่สะอาดบริสุทธิ์ปราศจากกิเลส ธรรมชาติภายนอก โลกเขาก็เป็นอยู่อย่างนั้น โลกธรรมแปดเขาก็เป็นอยู่อย่างนี้ เราก็ต้องพยายามทำความเข้าใจกับเขาเสีย
มาแก้ไขตัวเองปรับปรุงตัวเอง เอาเรื่องของเราให้ดี ทำหน้าที่ของเราให้ดีขณะที่เรายังมีกำลังอยู่ เราน้อมกายของเราเข้ามา การเจริญสติเป็นอย่างนี้การรักษาสติที่ต่อเนื่องกัน การดับการควบคุมจิตควบคุมอารมณ์ สูงขึ้นไปก็การแยกจิตแยกความคิดแยกรูปแยกนาม ตามทำความเข้าใจเข้าใจในเรื่องสภาวธรรม
เข้าใจในเรื่องอนิจจังทุกขังอนัตตา เข้าใจในเรื่องความว่างเปล่า อัตตาอนัตตา คำว่า ‘อัตตา’ เป็นอย่างไร คำว่า ‘อนัตตา’ เป็นอย่างไร เราต้องหมั่นพร่ำสอนตัวเราเองอยู่ตลอดเวลา ก็ต้องพยายาม อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้งเสียดายเวลา
เราเกิดมาในโลกมนุษย์ก็นับว่าเป็นอานิสงส์ที่สูง ทุกคนเข้าใจประพฤติปฏิบัติกันมาตั้งแต่ภพก่อนๆ ไม่ใช่ว่าไม่ได้ปฏิบัติกันมา ถ้าไม่ได้ปฏิบัติไม่ได้ฝึกฝนตนเองมาไม่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์หรอก การที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์นี่ก็สร้างบุญมาดี บุญเก่าเราก็มี บุญใหม่เราก็พยายามมาสร้าง
ก่อนที่จะได้เติบโตเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ก็ผ่านกาลผ่านเวลาผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านทุกข์ผ่านสุขมามากต่อมาก เราก็รู้ทุกข์ก็รู้สุขก็รู้ เราก็ต้องพยายามมาทำความเข้าใจ แล้วก็รู้จักคลายความยึดมั่นถือมั่น ทำจิตของเราให้สงบทำจิตของเราให้สะอาด ถึงจิตของเราไม่หลุดพ้นก็พยายามให้อยู่ในกองบุญกองกุศลเอาไว้ ก็ยังดีกว่าจะตกไปสู่กองอกุศล ก็ต้องพยายามกัน
หลวงพ่อก็ดีใจภูมิใจที่ได้พากันมาฝึกหัดปฏิบัติมาขัดเกลา ไม่ว่าพระว่าชีก็รู้จักหน้าที่ทำหน้าที่ขณะที่หลวงพ่อไม่อยู่ก็พยายามพากัน มีตั้งแต่ความรักสมัครสมานสามัคคีกันช่วยกัน มีอะไรก็ให้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อย่าไปอคติอย่าไปเพ่งโทษ แม้ตั้งแต่ความคิดแม้ตั้งแต่วาจาก็ไม่ให้กระทบกระทั่งกัน
ถ้าบอกไม่เชื่อฟังหลวงพ่อก็เตือนได้แค่ครั้งเดียว ไม่มีคำว่าครั้งที่สอง หลวงพ่อก็เตือนเอาไว้ ทุกๆ คนอยู่ด้วยกันก็ให้มีแต่ความรักความสมัครสมานสามัคคี อยู่ด้วยแล้วก็อะไร ก็ให้ทำหน้าที่ช่วยกันให้เป็นอย่างดี ก็รู้สึกว่าภูมิใจในทุกๆ คนที่ได้ช่วยกัน
ระยะนี้หลวงพ่อก็อาจจะไม่ค่อยจะได้อยู่วัด เพราะว่ามีหน้าที่ที่จะต้องทำ คือการไปหล่อพระพุทธรูปใหญ่อยู่ที่เขื่อนป่าสัก กำลังหล่อกำลังลงรากลงฐานอยู่ที่นั่น ถ้าญาติโยมมีโอกาสก็จะได้ไปเยี่ยมไปเยือน รู้สึกว่าอยู่ที่โน้นก็เป็นอานิสงส์ที่กว้างใหญ่ไพศาลมากทีเดียว ผู้หลักผู้ใหญ่ทางบ้านเมืองท่านก็อนุเคราะห์ให้ อนุเคราะห์ลงมาช่วยเหลือทุกฝ่าย ตั้งแต่อธิบดีกรมชลฯ ลงมา ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ รองผู้ว่าฯ แล้วก็ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อบต. ต่างๆ ก็ลงไปช่วยกัน เพราะว่าเป็นสถานที่ของพระเจ้าอยู่หัวท่านพระราชดำริให้กับประชาชนของท่าน เกี่ยวเนื่องกับการที่จะถวาย น้อมถวายให้พระเจ้าอยู่หัวของเราด้วย
ผู้หลักผู้ใหญ่ก็ได้ลงไปช่วยกันหมด ไม่ว่าผู้หลักผู้ใหญ่ทางบ้านเมือง ก็นับว่าเป็นสิ่งที่ดีสิ่งที่งาม พวกเรามีโอกาสก็จะได้ไปเยี่ยมไปชม หรือว่ามีโอกาสก็จะได้ไปช่วยกัน บางคนบางท่านก็ทั้งกำลังกายกำลังใจกำลังทรัพย์ไปช่วยกัน ไปสร้างอานิสงส์ตรงนั้น เป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่แล้วก็คงจะเป็นพระพุทธรูปที่ประดิษฐานให้เป็นสง่างามมากทีเดียว สถานที่บริเวณก็สวยงามมาก อยู่หัวเขื่อนฝั่งสระบุรีฝั่งบางม่วง
หลวงพ่อก็คงจะไปๆ มาๆ วันที่ 20 ก็คงจะได้ลงไปที่เขื่อน วันที่ 22 ก็คงจะได้ไปหล่อพระอีกองค์หนึ่งอยู่ที่ประจวบคีรีขันธ์ วันที่ 24 25 ก็คงจะได้กลับขึ้นมาอยู่ที่เขื่อน แล้วก็สิ้นเดือนถึงจะได้กลับมาที่ขอนแก่น หลังจากวันที่ 10 ก็คงจะได้ไปอยู่ที่นั่นยาว อยู่ที่เขื่อนยาว ช่วยกันสร้างอานิสงส์สร้างบารมี ช่วยกัน เป็นสิ่งที่ดี
เรามีโอกาสได้ทำ โอกาสเปิดให้สถานที่เปิดให้ เป็นองค์หลวงปู่ที่หล่อหลอมดวงจิตของทุกฝ่ายมาร่วมกัน ทั้งเหล่าข้าราชการ นักธุรกิจ เหล่าดาราพ่อค้า ประชาชน เป็นองค์สุดท้ายที่หลวงพ่อจะทำ แล้วก็ให้หล่อหลอมทุกดวงเข้าไปอยู่ร่วมกัน
อยู่ที่นั่นก็เหมือนกับไปตั้งโรงทานใหญ่ ใหญ่มากทีเดียวคนเป็นร้อยเป็นพันก็ไม่มีคำว่าอด ไม่มีคำว่าอยาก ไม่มีคำว่าลำบาก เหมือนกับตั้งโรงทานใหญ่เลยทีเดียว เพราะทุกคนก็ไปช่วย คนนั้นก็เอานี้ไปช่วย คนนี้คนนั้นก็เอานั้นไปช่วย อุดมสมบูรณ์มาก ไม่มีคำว่าลำบากไม่มีคำว่าอดไม่มีคำว่าอยาก ถ้าพวกเราไปก็จะรู้จะเห็น
นี่แหละการสร้างบุญสร้างกุศล อานิสงส์ผลบุญไปอยู่ที่ไหนก็ไม่ลำบากหลวงพ่อก็มองเห็นอานิสงส์ในการให้ทาน ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่ลำบาก ถึงจะไปอยู่ที่ถิ่นทุรกันดารก็ไม่เคยอดไม่เคยอยากไม่เคยลำบาก จะว่าความอุดมสมบูรณ์นั้นอยู่ที่นั่นจะอุดมสมบูรณ์กว่าที่วัดของเราเสียอีก เพราะทุกสิ่งทุกอย่างญาติโยมก็มาช่วยกันมาช่วยกันทั้งการกระทำทั้งแรงกายแรงใจ ทั้งข้าวของเงินทองต่างๆ ก็มาช่วยกัน
นี่แหละเรามีโอกาสได้ไปสร้างอานิสงส์ หลวงพ่อก็ขอเชิญญาติโยมทุกคนทุกท่านมีโอกาสเข้าไปแวะไปเยี่ยมไปเยือน มีโอกาสก็ไปสร้างบุญร่วมกัน ไม่ว่าสถานที่ไหนก็ช่าง อยู่ทำบุญที่วัดที่บ้าน ทำบุญให้กับตัวเรา ทำบุญให้กับพ่อกับแม่กับพี่กับน้อง เป็นอานิสงส์ที่ดีหมด
เรามีโอกาสได้เกิดมาเป็นมนุษย์มีโอกาสในการสร้างอานิสงส์ได้เต็มที่ก็ต้องพยายามกัน ลึกลงไปก็หมั่นชำระสะสางจิตของเรา ขัดเกลาจิตของเราตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นขึ้นมา อานิสงส์ก็จะติดตามตัวของเราไปทุกภพทุกชาติข้ามภพข้ามชาติจนกว่าจิตของเราจะสะอาดบริสุทธิ์หลุดพ้นไม่ต้องกลับมาเกิดกัน
เอาล่ะ วันนี้หลวงพ่อก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กันพากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอานะ