หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 108
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 108
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
วันนี้อากาศเย็น อากาศเย็นตั้งแต่เช้า ตื่นเช้าขึ้นมา เด็กๆ พากันตื่นเช้าขึ้นมาพากันอาบน้ำไหม ตัวเล็กๆ อาบน้ำแล้วก็อุ่น หน้าหนาวอาบน้ำ ลองดูนะ ตื่นเช้าขึ้นมาอาบน้ำ หรือว่าออกกำลังกายจะแข็งแรง ชุดนี้เด็กอยู่ชั้น ป.ไหน ป.6 เหลืออีกกี่ชุด มาหมดยัง ชุดสุดท้ายหรือ ชุดสุดท้ายเอาให้เต็มที่เลยนะ เอาให้เต็มที่ฝึกให้เต็มที่
เดี๋ยวคืนนี้หลวงพี่ว่าจะให้ไปอยู่ที่หลุมศพ ศพหลุมละ 5 คนๆๆ ให้ไปนั่งพิจารณา มีกี่คนทั้งหมด นั่นแหละจะได้ให้ไปพิจารณา กลางวันก็ให้พาไปดูก่อน พิจารณาอนิจจังทุกขังอนัตตา ความไม่เที่ยงของร่างกาย เราก็เหมือนกัน เราจะได้ไม่ประมาท
อยู่ด้วยกันทะเลาะกันไหมนี่ มีการทะเลาะกันไหม อยู่หลายๆ คน ยิ่งอยู่โรงเรียนอนุบาล ยิ่งอยู่โรงเรียนเด็ก เหมือนกับจับปูใส่กระด้ง เห็นสามเณรมาบวชอยู่ด้วย 4-5 คนสมัยก่อน เดี๋ยวก็ร้องไห้อยู่มุมโน้นบ้าง เดี๋ยวก็ร้องไห้อยู่มุมนี้บ้าง รังแกกัน ขนาดมี 4-5 คน อันนี้เด็กเยอะๆ นี่ก็เอาการเหมือนกัน ธรรมชาติของเด็ก ก็ต้องอดทน คนที่เป็นครูนี่ต้องอดทนมาก ใช้ตบะอย่างมาก ถ้าไม่มีความรักก็อยู่กับเด็กไม่ได้นาน
พากันทำบุญให้ตัวเรา พากันทำบุญให้คุณครูหรือยัง พวกเธอมีบุญนะ พวกเธอมีบุญเยอะ ได้ผู้อำนวยการที่มีบุญ ใจเป็นบุญ ได้ให้พวกเธอได้มาพักผ่อน ได้มาอบรม ได้มาเปลี่ยนบรรยากาศ ถ้าผู้อำนวยการท่านไม่ใจเป็นบุญ ท่านไม่มีบุญ ท่านก็ไม่ให้พวกเธอได้มาอยู่อย่างนี้ ทีนี้พวกเธอจะตอบแทนบุญคุณของท่านได้อย่างไร
กลับไปโรงเรียนก็ต้องเป็นคนขยันหมั่นเพียร เป็นคนมีระเบียบเป็นคนเรียบร้อย ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง มีความสมัครสมานสามัคคีกัน เราได้ทำบุญให้ครู แล้วก็ทำบุญให้ตัวเรา
เดินเข้าประตูโรงเรียน เราเห็นเศษกระดาษเศษถุงพลาสติก เราก็ช่วยกันเก็บนะ เราก็ได้ทำบุญแล้ว ความเสียสละมี เข้าห้องส้วมเข้าห้องน้ำ ห้องไหนไม่สะอาด เราก็เปิดน้ำใส่ ทำความสะอาดเราก็ได้ทำบุญ คนอื่นก็พลอยได้รับอานิสงส์ของเรา ถ้าเราเกียจคร้าน เดินไปที่โน่นก็ทิ้งเสร็จกระดาษ เดินไปที่นี่ก็ทิ้งเศษกระดาษ คนโน้นก็ทิ้งคนนี้ก็ทิ้ง จากน้อยๆ มันก็สกปรกรกรุงรังมากขึ้นๆ ความเป็นระเบียบก็ไม่มี นั่นแหละเราได้ทำบาป ถ้าเราทำบุญถ้าเรารู้จักเอาบุญ เราก็เอาได้ตลอดเวลา
กลับไปบ้านก็ช่วยพ่อช่วยแม่ ทำการบ้านของตัวเองให้เรียบร้อย ช่วยพ่อช่วยแม่ดูแลห้องน้ำล้างถ้วยล้างชาม ซักเสื้อผ้าตัวเองให้เป็นระเบียบ หรือว่ายังให้แม่ซักให้อยู่ หรือว่าให้เครื่องซัก ขยันหมั่นเพียร ทำกับข้าวเป็นยัง ต้มไข่เป็นยัง ต้มมาม่าเป็นยัง เป็นแล้ว ต้มไข่ก็เป็น ต้มไข่สุกหรือเปล่า ต้มมาม่าก็เป็น
กำลังฝึกกำลังเรียนกำลังกิน มาที่วัด มา 2 วันได้อะไรบ้าง หลวงพี่ท่านสอนอะไรบ้าง พากันได้อะไร ได้รับความสงบไหม ไหว้พระเป็นยัง นั่นแหละขยันหมั่นเพียรตั้งใจเอานะ พากันตั้งใจเอาให้สมกับที่ครูบาอาจารย์ท่านให้ได้มา อย่าไปทะเลาะเบาะแว้งกัน อย่าเอะอะโวยวาย
ก่อนที่จะลุกก่อนที่จะก้าวก่อนที่จะเดิน ค่อยไปค่อยมา ไม่ใช่วิ่งร้องตะโกนไปทั่ว แล้วจะติดเป็นนิสัย เราค่อยไปค่อยมา ค่อยลุกค่อยก้าวค่อยเดิน เวลารับประทานอาหารก็ช่วยกันล้างถ้วยล้างชาม เก็บทำความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย นั่นแหละเรามาปรับปรุงตัวเรา มาแก้ไข้ตัวเรา ก็จะติด อานิสงส์ส่วนนี้ก็จะติดตามตัวเราไปในวันข้างหน้า เมื่อโตขึ้นเราก็จะได้สบาย
เรามีความเสียสละ เสียสละให้หมู่ให้คณะให้เพื่อนให้ฝูง ต่อไปในวันข้างหน้า หลวงพี่ว่าจะว่าหลวงพี่ท่านจะให้ไปปักกลดคนละอันๆ อยู่ใต้ร่มไทร ให้มีกลดคนละอัน หรือมีมุ้งคนละอัน ไปปักกลดอยู่ใต้ร่มไทรคนละอันๆ เจริญภาวนา
เจริญภาวนาเจริญสติเจริญสมาธิ ได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็ค่อยฝึก เอามั้ย กับไปกางกลดอยู่ตามล้อมหลุม คนละ 5 หลุมละ 5 คน กับไปปักกลดอยู่ใต้ร่มไทร จะเอาอันไหน เอาใต้ร่มไทรหรือ
มีโอกาสก็ชวนพ่อชวนแม่มาฝึกนะ ชวนพ่อชวนแม่มาฝึก วันนี้เราได้ความเสียสละจากบ้าน ห่างจากบ้านจากพ่อจากแม่มา ก็เก่ง เก่งอยู่ในระดับหนึ่ง หากายวิเวกเปลี่ยนสถานที่ เราอย่าประมาท ภพภูมิเทวดาท่านมองเราอยู่ เทวดาเยอะอยู่ในวัดนี้มีเทวดาเยอะ ท่านมองพวกเธออยู่อย่าพากันเกียจคร้าน ถ้าใครเกียจคร้านท่านก็มาเตือน
ขอให้ทุกคนจงเจริญสติ ทำความรู้สึกกับการหายใจเข้าออกของตัวเราเองให้ต่อเนื่องกัน นั่งตามอิริยาบถให้สบาย นั่งให้สบายนะเด็กๆ ของเรา ฟังหลวงพ่อพูดไปด้วย ลองน้อมสร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของเราดูซิ ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ ให้ทั่วท้อง
หยุดคิด หยุดพูดกัน หยุดทุกสิ่งทุกอย่าง ให้สร้างความรู้สึกรับรู้อยู่ที่การหายใจเข้าออกของเราอย่างเดียว สัก 2-3 เที่ยว การหายใจยาวๆ ลึกๆ ความคิดต่างๆ ก็จะหยุดทันที กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้นเยอะ
ความรู้สึกรับรู้ของการหายใจเข้าออกก็จะเด่นชัด นั่นแหละความรู้สึกตัว นั่นแหละ เราพยายามสร้างให้ต่อเนื่อง เขาเรียกว่า ‘ความรู้สึกตัวทั่วพร้อม’ มีสติมีสัมปชัญญะ หรือเราจะเอาคำบริกรรมเข้าไปกำกับ คำว่า พุธ-เข้า โธ-ออก ขณะสัมผัสลมหายใจกระทบปลายจมูกซึ่งเรียกว่า ‘วิตกวิจารณ์’ คำๆ ใดสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้ต่อเนื่อง จิตของเราก็จะสงบระงับลงไป
พยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน ถึงเราเดินปัญญาขั้นสูง แยกรูปแยกนามทำความเข้าใจกับการละกิเลสไม่ได้ เราก็พยายามสร้างความรู้ตัวให้เกิดความเคยชิน ระลึกได้เมื่อไหร่เราก็พยายามสร้างให้ต่อเนื่อง อย่าไปเกียจคร้าน เราก็หมั่นสำรวจตรวจตาดูตัวเรา อะไรเรายังขาดตกบกพร่อง เรามีความเกียจคร้านเราก็เพิ่มความขยันหมั่นเพียร เราไม่มีความเสียสละเราก็พยายามสร้างความเสียสละให้มีให้เกิดขึ้น เสียสละทั้งกำลังกายกำลังใจ เสียสละแม้ตั้งแต่กำลังความคิดสติปัญญา ก็จะเป็นอนุสัยติดตามตัวเราไป
ไม่ใช่ว่าจะเอาตั้งแต่ธรรม แต่การกระทำความเสียสละไม่มี พรหมวิหารความเมตตาไม่มี มีตั้งแต่ความทะเยอทะยานอยาก ความเหนียวแน่นด้วยอำนาจของกิเลส มันก็ไม่ได้ เราต้องเป็นคนที่มีความเสียสละ มีความตั้งมั่นด้วยสติด้วยปัญญา มีความเชื่อมั่น มีสัจจะมีความจริงใจ เป็นคนขยันหมั่นเพียรทั้งภายนอกทั้งภายใน
สักวันหนึ่งความเสียสละพวกนี้แหละ จะส่งผลให้จิตของเราถึงจุดหมายปลายทางได้ ในวันข้างหน้าถ้ากำลังสติ กำลังสมาธิ กำลังกายของเราพร้อม กำลังสมมติของเราเกื้อหนุนไม่ให้ได้ลำบาก ถ้าสมมติยังลำบากอยู่ ปากท้องยังลำบากอยู่ ครอบครัวยังลำบากอยู่ ภาระหน้าที่ก็ยังอีรุงตุงนังอยู่ จะไปฝึกอย่างไรมันก็ไม่ได้หรอก
เราต้องแก้ไขทั้งภายนอกแก้ไขทั้งภายใน ถ้ากาลเวลาอำนวยอนุเคราะห์ให้ ถึงจะอยู่ที่ไหนเราก็ต้องเข้าใจ เหมือนกับการปลูกผลหมากรากไม้ เราเริ่มปลูกวันนี้เราก็หมั่นดูแลให้น้ำให้ปุ๋ยเขา อาศัยความอดทนรอกาลรอเวลา ตรงนี้ล่ะสำคัญ ส่วนมากทำอะไรก็อยากจะได้ให้ได้ปุ๊บดั่งใจเหมือนไฟไหม้ฟาง มันก็เลยไม่ได้ ต้องอดทนอดกลั้น อาศัยกาลอาศัยเวลา อาศัยการทำความเข้าใจที่ถูกต้อง
แล้วก็หมั่นสังเกตหมั่นวิเคราะห์ ตามทำความเข้าใจ จากจุดน้อยๆ ไปหามากๆ อนิจจังทุกขังอนัตตาในขันธ์ห้าเป็นอย่างไร การเกิดการดับของกองสังขารเป็นอย่างไร การเกิดการดับของจิตเป็นอย่างไร ลักษณะของอริยสัจเป็นอย่างไร มลทินนิวรณธรรมเป็นเครื่องกางกั้นจิตของเราเป็นลักษณะอย่างไร
อันนี้เราต้องเป็นคนขยันหมั่นเพียร แล้วก็ทำความเข้าใจกับภาษาธรรมภาษาโลกให้ละเอียด จิตของเราเป็นธรรมเราก็มองเห็นโลกที่เป็นธรรม จิตของเราเป็นโลกเราก็มองเห็นโลกนี้เป็นโลก ทุกคนก็มีจิตที่มุ่งมั่นไปหาความบริสุทธิ์ความหลุดพ้น แต่ความไม่เข้าใจ กลับไปไขว่คว้าเอาตั้งแต่กิเลสมาปกปิดดวงจิตของตัวเองเอาไว้จนเป็นดินพอกหางหมู ยากที่จะขัดเกลาออก ก็ต้องพยายาม ในหลักธรรมท่านให้ละความทะเยอทะยาน ให้ละความอยากละความหวัง แม้แต่การเกิดของจิต ความอยากแม้แต่นิดเดียว ท่านก็ยังไม่ให้เกิดเลย
อันนี้สติของเราก็ยังไม่ได้สร้าง จิตของเราก็ยังเกิด วิ่งหลงอยู่อย่างนั้น ทั้งขันธ์ห้าก็มาปรุงแต่งจิตของตัวเองอยู่ตลอดเวลา เพียงแค่นาทีสองนาทีก็เอาไม่อยู่ ก็ยากที่จะเข้าใจ แต่การฝักใฝ่การทำบุญการสร้างบารมี ทุกคนก็ต้องพยายามกัน อย่าว่าไม่สร้างอย่าว่าไม่ทำ
เราทำมากก็เป็นของเรา ทำน้อยก็เป็นของเรา มีโอกาสทำให้รีบทำ เพียงแค่ตั้งแต่ความคิด ถ้าคิดไม่ดีแล้วก็ให้รีบดับ ให้คิดในทางที่ดี ในหลักธรรมะนั้นให้ท่านให้คิดด้วยสติคิดด้วยปัญญา
แม้แต่การคิดด้วยสติคิดด้วยปัญญา ถ้าเป็นอกุศลก็ให้ดับให้ละ ให้เจริญเฉพาะกุศล ขนาดสติปัญญาคิดเจริญเฉพาะกุศลก็ยังไม่พอ ท่านยังไม่ให้ยึดอีก ท่านให้ปล่อยให้วางให้หมด มีความรับผิดชอบด้วยสติด้วยปัญญา ด้วยเหตุด้วยผล เราต้องพยายามสร้างสะสมอานิสงส์ผลบุญของเราไปจากน้อยๆ อย่าไปมองข้ามบุญในสิ่งที่เล็กๆ น้อยๆ
คนมองข้ามในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ นี่แหละถึงไม่ได้ทรัพย์อันใหญ่ คือความบริสุทธิ์ความหลุดพ้น ไม่จำเป็นต้องว่ามีเงินทองข้าวของมากมายถึงจะประพฤติปฏิบัติธรรมได้ กายของเรานี่แหละ ใจของพวกเรานี่แหละ เอามาฝึกหัดมาปฏิบัติ จิตที่ฝึกดีแล้วก็จะนำตั้งแต่ความสุขมาให้ ฝึกตั้งแต่เด็ก การเป็นเด็กมีความขยันหมั่นเพียร ขณะนี้เราเป็นเด็กนักเรียนเราก็ตั้งใจเรียน ทำหน้าที่ของเราให้ดี เป็นคนที่มีความเสียสละ มีความเสียสละ ช่วยตัวเอง ให้มีความรับผิดชอบ แล้วก็ช่วยเหลือเพื่อนฝูง ช่วยหมู่ช่วยคณะ อันนี้ก็เป็นพื้นฐานของการประพฤติปฏิบัติที่จะส่งผลให้ถึงวันข้างหน้าได้ ก็ต้องพยายาม
เรานอนตื่นสายเราก็พยายามตื่นแต่เช้า เรายังขาดตกบกพร่องอะไร เราก็พยายามหมั่นวิเคราะห์เรา หมั่นแก้ไขเรา ทุกคนนั่นแหละ ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ก็พิจารณาเหมือนกันหมด ในทางธรรมะท่านเรียกว่า ‘ปฏิสังขาโย’ หมั่นพิจารณา กลับไปกลับมา กลับไปกลับมา ทั้งโลกธรรมแปด ทั้งภายนอกทั้งภายใน หรือว่าสมมติวิมุตติ อัตตาอนัตตา ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนอยู่ที่กายของเรา
กายของเรานี่เป็นสนามใหญ่ เจริญสติเข้าไปแก้ไข เข้าไปรบกับกิเลสดูซิ กิเลสนี้มีมาทีหลัง จิตของเรานี่หลงเป็นทาสของอารมณ์ เป็นทาสกิเลส ถ้าเราขัดเกลากิเลสเราออกจากจิตจากใจของเราได้ จิตใจของเราก็จะสะอาดบริสุทธิ์เหมือนเดิม ก็ต้องพยายามกันนะ
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อกันต่อทำความเข้าใจกันเอา อันนี้เพียงแค่เล่าให้ฟัง
เดี๋ยวคืนนี้หลวงพี่ว่าจะให้ไปอยู่ที่หลุมศพ ศพหลุมละ 5 คนๆๆ ให้ไปนั่งพิจารณา มีกี่คนทั้งหมด นั่นแหละจะได้ให้ไปพิจารณา กลางวันก็ให้พาไปดูก่อน พิจารณาอนิจจังทุกขังอนัตตา ความไม่เที่ยงของร่างกาย เราก็เหมือนกัน เราจะได้ไม่ประมาท
อยู่ด้วยกันทะเลาะกันไหมนี่ มีการทะเลาะกันไหม อยู่หลายๆ คน ยิ่งอยู่โรงเรียนอนุบาล ยิ่งอยู่โรงเรียนเด็ก เหมือนกับจับปูใส่กระด้ง เห็นสามเณรมาบวชอยู่ด้วย 4-5 คนสมัยก่อน เดี๋ยวก็ร้องไห้อยู่มุมโน้นบ้าง เดี๋ยวก็ร้องไห้อยู่มุมนี้บ้าง รังแกกัน ขนาดมี 4-5 คน อันนี้เด็กเยอะๆ นี่ก็เอาการเหมือนกัน ธรรมชาติของเด็ก ก็ต้องอดทน คนที่เป็นครูนี่ต้องอดทนมาก ใช้ตบะอย่างมาก ถ้าไม่มีความรักก็อยู่กับเด็กไม่ได้นาน
พากันทำบุญให้ตัวเรา พากันทำบุญให้คุณครูหรือยัง พวกเธอมีบุญนะ พวกเธอมีบุญเยอะ ได้ผู้อำนวยการที่มีบุญ ใจเป็นบุญ ได้ให้พวกเธอได้มาพักผ่อน ได้มาอบรม ได้มาเปลี่ยนบรรยากาศ ถ้าผู้อำนวยการท่านไม่ใจเป็นบุญ ท่านไม่มีบุญ ท่านก็ไม่ให้พวกเธอได้มาอยู่อย่างนี้ ทีนี้พวกเธอจะตอบแทนบุญคุณของท่านได้อย่างไร
กลับไปโรงเรียนก็ต้องเป็นคนขยันหมั่นเพียร เป็นคนมีระเบียบเป็นคนเรียบร้อย ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง มีความสมัครสมานสามัคคีกัน เราได้ทำบุญให้ครู แล้วก็ทำบุญให้ตัวเรา
เดินเข้าประตูโรงเรียน เราเห็นเศษกระดาษเศษถุงพลาสติก เราก็ช่วยกันเก็บนะ เราก็ได้ทำบุญแล้ว ความเสียสละมี เข้าห้องส้วมเข้าห้องน้ำ ห้องไหนไม่สะอาด เราก็เปิดน้ำใส่ ทำความสะอาดเราก็ได้ทำบุญ คนอื่นก็พลอยได้รับอานิสงส์ของเรา ถ้าเราเกียจคร้าน เดินไปที่โน่นก็ทิ้งเสร็จกระดาษ เดินไปที่นี่ก็ทิ้งเศษกระดาษ คนโน้นก็ทิ้งคนนี้ก็ทิ้ง จากน้อยๆ มันก็สกปรกรกรุงรังมากขึ้นๆ ความเป็นระเบียบก็ไม่มี นั่นแหละเราได้ทำบาป ถ้าเราทำบุญถ้าเรารู้จักเอาบุญ เราก็เอาได้ตลอดเวลา
กลับไปบ้านก็ช่วยพ่อช่วยแม่ ทำการบ้านของตัวเองให้เรียบร้อย ช่วยพ่อช่วยแม่ดูแลห้องน้ำล้างถ้วยล้างชาม ซักเสื้อผ้าตัวเองให้เป็นระเบียบ หรือว่ายังให้แม่ซักให้อยู่ หรือว่าให้เครื่องซัก ขยันหมั่นเพียร ทำกับข้าวเป็นยัง ต้มไข่เป็นยัง ต้มมาม่าเป็นยัง เป็นแล้ว ต้มไข่ก็เป็น ต้มไข่สุกหรือเปล่า ต้มมาม่าก็เป็น
กำลังฝึกกำลังเรียนกำลังกิน มาที่วัด มา 2 วันได้อะไรบ้าง หลวงพี่ท่านสอนอะไรบ้าง พากันได้อะไร ได้รับความสงบไหม ไหว้พระเป็นยัง นั่นแหละขยันหมั่นเพียรตั้งใจเอานะ พากันตั้งใจเอาให้สมกับที่ครูบาอาจารย์ท่านให้ได้มา อย่าไปทะเลาะเบาะแว้งกัน อย่าเอะอะโวยวาย
ก่อนที่จะลุกก่อนที่จะก้าวก่อนที่จะเดิน ค่อยไปค่อยมา ไม่ใช่วิ่งร้องตะโกนไปทั่ว แล้วจะติดเป็นนิสัย เราค่อยไปค่อยมา ค่อยลุกค่อยก้าวค่อยเดิน เวลารับประทานอาหารก็ช่วยกันล้างถ้วยล้างชาม เก็บทำความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย นั่นแหละเรามาปรับปรุงตัวเรา มาแก้ไข้ตัวเรา ก็จะติด อานิสงส์ส่วนนี้ก็จะติดตามตัวเราไปในวันข้างหน้า เมื่อโตขึ้นเราก็จะได้สบาย
เรามีความเสียสละ เสียสละให้หมู่ให้คณะให้เพื่อนให้ฝูง ต่อไปในวันข้างหน้า หลวงพี่ว่าจะว่าหลวงพี่ท่านจะให้ไปปักกลดคนละอันๆ อยู่ใต้ร่มไทร ให้มีกลดคนละอัน หรือมีมุ้งคนละอัน ไปปักกลดอยู่ใต้ร่มไทรคนละอันๆ เจริญภาวนา
เจริญภาวนาเจริญสติเจริญสมาธิ ได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็ค่อยฝึก เอามั้ย กับไปกางกลดอยู่ตามล้อมหลุม คนละ 5 หลุมละ 5 คน กับไปปักกลดอยู่ใต้ร่มไทร จะเอาอันไหน เอาใต้ร่มไทรหรือ
มีโอกาสก็ชวนพ่อชวนแม่มาฝึกนะ ชวนพ่อชวนแม่มาฝึก วันนี้เราได้ความเสียสละจากบ้าน ห่างจากบ้านจากพ่อจากแม่มา ก็เก่ง เก่งอยู่ในระดับหนึ่ง หากายวิเวกเปลี่ยนสถานที่ เราอย่าประมาท ภพภูมิเทวดาท่านมองเราอยู่ เทวดาเยอะอยู่ในวัดนี้มีเทวดาเยอะ ท่านมองพวกเธออยู่อย่าพากันเกียจคร้าน ถ้าใครเกียจคร้านท่านก็มาเตือน
ขอให้ทุกคนจงเจริญสติ ทำความรู้สึกกับการหายใจเข้าออกของตัวเราเองให้ต่อเนื่องกัน นั่งตามอิริยาบถให้สบาย นั่งให้สบายนะเด็กๆ ของเรา ฟังหลวงพ่อพูดไปด้วย ลองน้อมสร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของเราดูซิ ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ ให้ทั่วท้อง
หยุดคิด หยุดพูดกัน หยุดทุกสิ่งทุกอย่าง ให้สร้างความรู้สึกรับรู้อยู่ที่การหายใจเข้าออกของเราอย่างเดียว สัก 2-3 เที่ยว การหายใจยาวๆ ลึกๆ ความคิดต่างๆ ก็จะหยุดทันที กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้นเยอะ
ความรู้สึกรับรู้ของการหายใจเข้าออกก็จะเด่นชัด นั่นแหละความรู้สึกตัว นั่นแหละ เราพยายามสร้างให้ต่อเนื่อง เขาเรียกว่า ‘ความรู้สึกตัวทั่วพร้อม’ มีสติมีสัมปชัญญะ หรือเราจะเอาคำบริกรรมเข้าไปกำกับ คำว่า พุธ-เข้า โธ-ออก ขณะสัมผัสลมหายใจกระทบปลายจมูกซึ่งเรียกว่า ‘วิตกวิจารณ์’ คำๆ ใดสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้ต่อเนื่อง จิตของเราก็จะสงบระงับลงไป
พยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน ถึงเราเดินปัญญาขั้นสูง แยกรูปแยกนามทำความเข้าใจกับการละกิเลสไม่ได้ เราก็พยายามสร้างความรู้ตัวให้เกิดความเคยชิน ระลึกได้เมื่อไหร่เราก็พยายามสร้างให้ต่อเนื่อง อย่าไปเกียจคร้าน เราก็หมั่นสำรวจตรวจตาดูตัวเรา อะไรเรายังขาดตกบกพร่อง เรามีความเกียจคร้านเราก็เพิ่มความขยันหมั่นเพียร เราไม่มีความเสียสละเราก็พยายามสร้างความเสียสละให้มีให้เกิดขึ้น เสียสละทั้งกำลังกายกำลังใจ เสียสละแม้ตั้งแต่กำลังความคิดสติปัญญา ก็จะเป็นอนุสัยติดตามตัวเราไป
ไม่ใช่ว่าจะเอาตั้งแต่ธรรม แต่การกระทำความเสียสละไม่มี พรหมวิหารความเมตตาไม่มี มีตั้งแต่ความทะเยอทะยานอยาก ความเหนียวแน่นด้วยอำนาจของกิเลส มันก็ไม่ได้ เราต้องเป็นคนที่มีความเสียสละ มีความตั้งมั่นด้วยสติด้วยปัญญา มีความเชื่อมั่น มีสัจจะมีความจริงใจ เป็นคนขยันหมั่นเพียรทั้งภายนอกทั้งภายใน
สักวันหนึ่งความเสียสละพวกนี้แหละ จะส่งผลให้จิตของเราถึงจุดหมายปลายทางได้ ในวันข้างหน้าถ้ากำลังสติ กำลังสมาธิ กำลังกายของเราพร้อม กำลังสมมติของเราเกื้อหนุนไม่ให้ได้ลำบาก ถ้าสมมติยังลำบากอยู่ ปากท้องยังลำบากอยู่ ครอบครัวยังลำบากอยู่ ภาระหน้าที่ก็ยังอีรุงตุงนังอยู่ จะไปฝึกอย่างไรมันก็ไม่ได้หรอก
เราต้องแก้ไขทั้งภายนอกแก้ไขทั้งภายใน ถ้ากาลเวลาอำนวยอนุเคราะห์ให้ ถึงจะอยู่ที่ไหนเราก็ต้องเข้าใจ เหมือนกับการปลูกผลหมากรากไม้ เราเริ่มปลูกวันนี้เราก็หมั่นดูแลให้น้ำให้ปุ๋ยเขา อาศัยความอดทนรอกาลรอเวลา ตรงนี้ล่ะสำคัญ ส่วนมากทำอะไรก็อยากจะได้ให้ได้ปุ๊บดั่งใจเหมือนไฟไหม้ฟาง มันก็เลยไม่ได้ ต้องอดทนอดกลั้น อาศัยกาลอาศัยเวลา อาศัยการทำความเข้าใจที่ถูกต้อง
แล้วก็หมั่นสังเกตหมั่นวิเคราะห์ ตามทำความเข้าใจ จากจุดน้อยๆ ไปหามากๆ อนิจจังทุกขังอนัตตาในขันธ์ห้าเป็นอย่างไร การเกิดการดับของกองสังขารเป็นอย่างไร การเกิดการดับของจิตเป็นอย่างไร ลักษณะของอริยสัจเป็นอย่างไร มลทินนิวรณธรรมเป็นเครื่องกางกั้นจิตของเราเป็นลักษณะอย่างไร
อันนี้เราต้องเป็นคนขยันหมั่นเพียร แล้วก็ทำความเข้าใจกับภาษาธรรมภาษาโลกให้ละเอียด จิตของเราเป็นธรรมเราก็มองเห็นโลกที่เป็นธรรม จิตของเราเป็นโลกเราก็มองเห็นโลกนี้เป็นโลก ทุกคนก็มีจิตที่มุ่งมั่นไปหาความบริสุทธิ์ความหลุดพ้น แต่ความไม่เข้าใจ กลับไปไขว่คว้าเอาตั้งแต่กิเลสมาปกปิดดวงจิตของตัวเองเอาไว้จนเป็นดินพอกหางหมู ยากที่จะขัดเกลาออก ก็ต้องพยายาม ในหลักธรรมท่านให้ละความทะเยอทะยาน ให้ละความอยากละความหวัง แม้แต่การเกิดของจิต ความอยากแม้แต่นิดเดียว ท่านก็ยังไม่ให้เกิดเลย
อันนี้สติของเราก็ยังไม่ได้สร้าง จิตของเราก็ยังเกิด วิ่งหลงอยู่อย่างนั้น ทั้งขันธ์ห้าก็มาปรุงแต่งจิตของตัวเองอยู่ตลอดเวลา เพียงแค่นาทีสองนาทีก็เอาไม่อยู่ ก็ยากที่จะเข้าใจ แต่การฝักใฝ่การทำบุญการสร้างบารมี ทุกคนก็ต้องพยายามกัน อย่าว่าไม่สร้างอย่าว่าไม่ทำ
เราทำมากก็เป็นของเรา ทำน้อยก็เป็นของเรา มีโอกาสทำให้รีบทำ เพียงแค่ตั้งแต่ความคิด ถ้าคิดไม่ดีแล้วก็ให้รีบดับ ให้คิดในทางที่ดี ในหลักธรรมะนั้นให้ท่านให้คิดด้วยสติคิดด้วยปัญญา
แม้แต่การคิดด้วยสติคิดด้วยปัญญา ถ้าเป็นอกุศลก็ให้ดับให้ละ ให้เจริญเฉพาะกุศล ขนาดสติปัญญาคิดเจริญเฉพาะกุศลก็ยังไม่พอ ท่านยังไม่ให้ยึดอีก ท่านให้ปล่อยให้วางให้หมด มีความรับผิดชอบด้วยสติด้วยปัญญา ด้วยเหตุด้วยผล เราต้องพยายามสร้างสะสมอานิสงส์ผลบุญของเราไปจากน้อยๆ อย่าไปมองข้ามบุญในสิ่งที่เล็กๆ น้อยๆ
คนมองข้ามในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ นี่แหละถึงไม่ได้ทรัพย์อันใหญ่ คือความบริสุทธิ์ความหลุดพ้น ไม่จำเป็นต้องว่ามีเงินทองข้าวของมากมายถึงจะประพฤติปฏิบัติธรรมได้ กายของเรานี่แหละ ใจของพวกเรานี่แหละ เอามาฝึกหัดมาปฏิบัติ จิตที่ฝึกดีแล้วก็จะนำตั้งแต่ความสุขมาให้ ฝึกตั้งแต่เด็ก การเป็นเด็กมีความขยันหมั่นเพียร ขณะนี้เราเป็นเด็กนักเรียนเราก็ตั้งใจเรียน ทำหน้าที่ของเราให้ดี เป็นคนที่มีความเสียสละ มีความเสียสละ ช่วยตัวเอง ให้มีความรับผิดชอบ แล้วก็ช่วยเหลือเพื่อนฝูง ช่วยหมู่ช่วยคณะ อันนี้ก็เป็นพื้นฐานของการประพฤติปฏิบัติที่จะส่งผลให้ถึงวันข้างหน้าได้ ก็ต้องพยายาม
เรานอนตื่นสายเราก็พยายามตื่นแต่เช้า เรายังขาดตกบกพร่องอะไร เราก็พยายามหมั่นวิเคราะห์เรา หมั่นแก้ไขเรา ทุกคนนั่นแหละ ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ก็พิจารณาเหมือนกันหมด ในทางธรรมะท่านเรียกว่า ‘ปฏิสังขาโย’ หมั่นพิจารณา กลับไปกลับมา กลับไปกลับมา ทั้งโลกธรรมแปด ทั้งภายนอกทั้งภายใน หรือว่าสมมติวิมุตติ อัตตาอนัตตา ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนอยู่ที่กายของเรา
กายของเรานี่เป็นสนามใหญ่ เจริญสติเข้าไปแก้ไข เข้าไปรบกับกิเลสดูซิ กิเลสนี้มีมาทีหลัง จิตของเรานี่หลงเป็นทาสของอารมณ์ เป็นทาสกิเลส ถ้าเราขัดเกลากิเลสเราออกจากจิตจากใจของเราได้ จิตใจของเราก็จะสะอาดบริสุทธิ์เหมือนเดิม ก็ต้องพยายามกันนะ
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อกันต่อทำความเข้าใจกันเอา อันนี้เพียงแค่เล่าให้ฟัง