หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 031
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 031
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของตัวเราเองให้ต่อเนื่องกันสักพักสักระยะหนึ่งเสียก่อนนะ อดทนนั่งไปอีกสักระยะหนึ่งๆ ถึงกายของเราจะเกิดทุกขเวทนา เราก็พยายามฝืนไปอีกสักพักหนึ่ง นั่งให้สบาย วางกายให้สบาย ฟังไปด้วย
ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ ลองดูสิ การสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้น จิตของเราก็สงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา นั่นแหละ ให้เราพยายามสร้างความรู้สึกตรงนี้ ให้ต่อเนื่องกันตั้งแต่ตื่นขึ้นมา
ทั้งที่จิตใจของพวกเราก็เป็นบุญอยู่ แต่เราขาดการสร้างความรู้ตัวที่ต่อเนื่อง เราก็เลยไม่รู้ลักษณะของจิต ฐานของจิต การเกิดการก่อตัวของจิต การเกิดการก่อตัวของความคิดที่ผุดขึ้นมาปรุงแต่งจิต
เพียงแค่เราสร้างความรู้สึกตัว แล้วก็พยายามสร้างให้ต่อเนื่องพวกเรายังทำกันไม่เกิดความเคยชิน เราพยายามหมั่นฝึกบ่อยๆ อยู่คนเดียวก็สังเกตสัมผัสของลมหายใจเข้าออกของเรา อยู่หลายคนเราก็พยายามสังเกตดู เราไม่เข้าใจเราก็เพิ่มความเพียรให้เป็นทวีคูณ ไม่เข้าใจเราก็พยายามสร้างความรู้สึกให้เป็นทวีคูณ ถ้าพลั้งเผลอเราก็เริ่มใหม่ๆ ตรงนี้แหละที่พวกเราไม่ค่อยจะได้ทำกัน
จิตของทุกดวงก็เป็นบุญอยู่แล้ว ฝักใฝ่ในบุญ อยากจะทำบุญ อิ่มในบุญ การทำทุกชนิดตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ความเสียสละ ความอดทนอดกลั้น นั่นก็คือการสร้างตบะบารมี อยากจะมาวัดก็เป็นแรงของกุศล อยากจะมาทำบุญ ถ้าเราเข้ามาถึงวัดแล้ว เราก็พยายามละความอยาก ดับความอยากนั้นเสีย สร้างสติเข้าไปดูเข้าไปรู้ จิตก็จะเกิดความสงบระงับลงไป
หรือบางทีเข้ามาถึงวัดจิตก็จะเกิดความสบาย กายก็พลอยสบาย ใจก็พลอยสบาย ไม่ต้องไปคร่ำเคร่งอะไร เพราะว่าความกังวลได้คลายลงไป ความฟุ้งซ่านได้คลายลงไป เข้ามาถึงวัดก็ได้สัปปายะ ร่มเงาของต้นไม้ก็เย็น หมู่คณะก็สัปปายะ สถานที่ก็สัปปายะ จิตใจก็เลยพลอยสบาย
นั่นแหละ ให้เราดูแล ดูรู้ความสบายตรงนั้น ไม่ว่าจะยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย ไม่ต้องไปคร่ำเคร่งอะไร ในเมื่อใจสบายแล้ว นั่นแหละก็คือบุญ เราก็จะอยู่กับบุญ พยายามรักษาบุญให้ได้ตลอดเวลา ไปที่ไหนเราก็จะอิ่มในบุญ สนุกสร้างบุญให้มีให้เกิดขึ้นในกายของเรา เข้ามาวัด มีโอกาสเราก็ได้ช่วยอันนั้นบ้างช่วยอันนี้บ้าง จิตใจก็มีแต่ตั้งแต่ความปีติ มีตั้งแต่ความสุข บางทีก็มาช่วยทางด้านวิหาร มาร่อนทราย มาฉาบปูน มาก่ออิฐถือปูน
ไม่ว่าลูกเด็กเล็กแดง ไม่ว่าผู้หลักผู้ใหญ่ วัดของเรา สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่มีบุญมากมายจริงๆ เหล่าวิญญาณของเทพเทวดาก็มากมาช่วยกัน เหล่ามนุษย์ได้ยินข่าวก็มาช่วยกัน แล้วก็โชคดี แม้ตั้งแต่ทางโรงครัวของเราก็มีญาติโยมมาช่วยกัน ไม่ว่าลูกเด็กเล็กแดงผู้หลักผู้ใหญ่ ยากนะที่จะได้มีโอกาส ผู้ใหญ่ก็มา หารู้ไม่ว่าในครัวของเรานั่นแหละมีตั้งแต่ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองเลยทีเดียว
มาๆ ช่วยกัน มาช่วยกัน พวกเราได้รับประทานอาหารกับข้าวกับปลาของผู้หลักผู้ใหญ่ น้อยที่จะได้มีโอกาส เป็นบุญของทุกคน มีโอกาสก็ช่วยกันได้เลยนะ มาถึงบ้านของเรา อยากจะทำอะไรเราก็ทำในสิ่งที่เป็นบุญ สิ่งใดไม่เป็นระเบียบเราก็ช่วยกัน ห้องส้วมห้องน้ำมันไม่สะอาดเราก็ช่วยกันทำ ที่ที่พักที่อาศัย กิ่งไม้วางระเกะระกะเราก็ช่วยกันเก็บ
เดินดูตั้งแต่ปากทางถึงก้นครัว เศษแก้วเศษขยะ ตรงไหนไม่ดีเราก็เก็บดูแลรักษา นั่นแหละคือการปฎิบัติ ความเป็นระเบียบภายนอกก็ส่งผลถึงภายใน อยู่ที่ไหนก็มีความสุข เรามีความรับผิดชอบต่อตัวเรา รับผิดชอบต่อส่วนรวม มีความเสียสละ
ลึกลงไปก็รู้จักละกิเลส หมั่นวิเคราะห์หมั่นพิจารณา จิตของเราเกิดความโลภ ความโกรธ ความทะเยอทะยานอยากหรือไม่ จิตของเราหลงอะไร จิตของเราเป็นกุศลหรือว่าอกุศล จิตของเราฟุ้งซ่าน หรือว่าจิตของเราไม่ได้รับความสงบ เราก็วิเคราะห์ตัวเรา แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเราตลอดเวลา เราก็จะได้เข้าวัด เราก็จะได้ฟังธรรมมะ ทุกคนมีธรรมอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นขึ้นมา แต่จะเป็นธรรมะอยู่ในระดับไหนเท่านั้นเอง
ตั้งแต่เด็ก เติบโตขึ้นมาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ผ่านกาลผ่านเวลา ผ่านร้อนผ่านหนาว รู้จักรับผิดชอบรู้จักหน้าที่ นั่นก็คือการปฏิบัติอยู่ในระดับของสมมติ ถ้าสูงขึ้นไปก็รู้จักสร้างตบะบารมี แต่ละวันจิตใจของเรามีความแข็งกระด้างหรือไม่ จิตใจของเรามีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความอ่อนโยน มีความเสียสละ ละความตระหนี่เหนียวแน่น ละความอิจฉาริษยาออกจากจิตออกจากใจของเรา มองโลกในทางที่ดีคิดดี มีเมตตาธรรมอยู่ตลอดเวลา สำรวมกายอินทรีย์ของเรา ตาหูจมูกลิ้นกายก็เป็นทางผ่านของรูปรสกลิ่นเสียง ส่งเข้าไปถึงดวงจิตของเรา ซึ่งอาศัยอยู่ในกาย
อะไรคือสมมติ อะไรคือวิมุตติ เราก็จะได้ดำเนินมองหาแนวทางเดิน ถึงเรายังเดินไม่ถึงจุดหมายปลายทาง ก็พยายาม ล้มแล้ว พลั้งเผลอแล้ว ก็ลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ พลั้งเผลอแล้วก็ลุกขึ้นมาใหม่แก้ไขใหม่ อย่าไปท้อ หมั่นสร้างอานิสงส์สร้างบารมี ระลึกนึกถึงคุณพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ ระลึกนึกถึงคุณของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ระลึกนึกถึงคุณของเทวดา
อะไรที่เป็นกุศลเราก็สร้าง ความเกียจคร้านของเรามี เราก็พยายามละความเกียจคร้าน เพิ่มความขยันหมั่นเพียร หลวงพ่อก็ขอขอบคุณทุกคนเลยทีเดียว ที่ได้มาสร้างอานิสงส์ร่วมกัน มาสร้างบารมีร่วมกัน ณ สถานที่แห่งนี้ ให้เป็นแหล่งบุญใหญ่ในวันข้างหน้า เป็นแหล่งบุญใหญ่ของสมมติจริงๆ
ทำไมถึงว่าอย่างนั้น เพราะว่าใครเข้ามาในสถานที่แห่งนี้แล้วจะมีตั้งแต่ความสงบความสุข มีตั้งแต่อยากจะมาสร้างกุศลร่วมกัน ทั้งพระพุทธรูปองค์ใหญ่ หยกใหญ่ ไม่คาดคิดว่าจะมีก็ได้มา นั่นแหละองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศเลยทีเดียว ไม่ใช่ในน้อยๆ องค์ ตั้ง 5-6 องค์มารวมกันอยู่ในวิหารเดียวกัน แล้วก็อัญเชิญพระบรมมาสารีริกธาตุส่วนที่ท่านเสด็จมา ตรงนี้แหละสำคัญมากทีเดียว ถ้าไม่มีอานิสงส์ไม่มีบุญพอก็คงจะยากที่จะได้ตรงนี้
ต่อไปข้างหน้าพวกท่านคงจะได้มาเห็น ไม่เกินปีหน้า ได้มากราบมาไหว้ อยู่ใกล้อยู่ไกลก็ได้มากราบมาไหว้ ขอความเป็นสิริมงคล หลวงพ่อก็เป็นเพียงแค่ทางผ่าน ได้สร้างบุญสร้างกุศลให้กับทุกคน มีโอกาสหลวงพ่อก็จะพาทำเท่าที่กำลังมี ก็ต้องพยายามกันนะ ต้องพยายามสร้างบุญสร้างกุศล เดินให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน
เราไม่ถึงวันนี้เราก็ต้องถึงวันพรุ่งนี้ เราไม่ถึงวันพรุ่งนี้ก็มะรืนนี้ เดือนหน้าปีหน้า ถ้าจิตของเราไม่หลุดพ้นจริงๆ เราก็ได้อานิสงส์ในสิ่งที่พวกเราทำนี่แหละไปต่อภพข้างหน้า ไม่ตกอับ อยู่ที่ไหนก็จะไม่ตกอับ
หลวงพ่อก็ขอขอบคุณ ก็ขอเจริญธรรมทุกคน ขอให้ทุกคนจงมีตั้งแต่ความสุขความเจริญกันนะ ไหว้พระพร้อมๆ กัน
ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ ลองดูสิ การสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้น จิตของเราก็สงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา นั่นแหละ ให้เราพยายามสร้างความรู้สึกตรงนี้ ให้ต่อเนื่องกันตั้งแต่ตื่นขึ้นมา
ทั้งที่จิตใจของพวกเราก็เป็นบุญอยู่ แต่เราขาดการสร้างความรู้ตัวที่ต่อเนื่อง เราก็เลยไม่รู้ลักษณะของจิต ฐานของจิต การเกิดการก่อตัวของจิต การเกิดการก่อตัวของความคิดที่ผุดขึ้นมาปรุงแต่งจิต
เพียงแค่เราสร้างความรู้สึกตัว แล้วก็พยายามสร้างให้ต่อเนื่องพวกเรายังทำกันไม่เกิดความเคยชิน เราพยายามหมั่นฝึกบ่อยๆ อยู่คนเดียวก็สังเกตสัมผัสของลมหายใจเข้าออกของเรา อยู่หลายคนเราก็พยายามสังเกตดู เราไม่เข้าใจเราก็เพิ่มความเพียรให้เป็นทวีคูณ ไม่เข้าใจเราก็พยายามสร้างความรู้สึกให้เป็นทวีคูณ ถ้าพลั้งเผลอเราก็เริ่มใหม่ๆ ตรงนี้แหละที่พวกเราไม่ค่อยจะได้ทำกัน
จิตของทุกดวงก็เป็นบุญอยู่แล้ว ฝักใฝ่ในบุญ อยากจะทำบุญ อิ่มในบุญ การทำทุกชนิดตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ความเสียสละ ความอดทนอดกลั้น นั่นก็คือการสร้างตบะบารมี อยากจะมาวัดก็เป็นแรงของกุศล อยากจะมาทำบุญ ถ้าเราเข้ามาถึงวัดแล้ว เราก็พยายามละความอยาก ดับความอยากนั้นเสีย สร้างสติเข้าไปดูเข้าไปรู้ จิตก็จะเกิดความสงบระงับลงไป
หรือบางทีเข้ามาถึงวัดจิตก็จะเกิดความสบาย กายก็พลอยสบาย ใจก็พลอยสบาย ไม่ต้องไปคร่ำเคร่งอะไร เพราะว่าความกังวลได้คลายลงไป ความฟุ้งซ่านได้คลายลงไป เข้ามาถึงวัดก็ได้สัปปายะ ร่มเงาของต้นไม้ก็เย็น หมู่คณะก็สัปปายะ สถานที่ก็สัปปายะ จิตใจก็เลยพลอยสบาย
นั่นแหละ ให้เราดูแล ดูรู้ความสบายตรงนั้น ไม่ว่าจะยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย ไม่ต้องไปคร่ำเคร่งอะไร ในเมื่อใจสบายแล้ว นั่นแหละก็คือบุญ เราก็จะอยู่กับบุญ พยายามรักษาบุญให้ได้ตลอดเวลา ไปที่ไหนเราก็จะอิ่มในบุญ สนุกสร้างบุญให้มีให้เกิดขึ้นในกายของเรา เข้ามาวัด มีโอกาสเราก็ได้ช่วยอันนั้นบ้างช่วยอันนี้บ้าง จิตใจก็มีแต่ตั้งแต่ความปีติ มีตั้งแต่ความสุข บางทีก็มาช่วยทางด้านวิหาร มาร่อนทราย มาฉาบปูน มาก่ออิฐถือปูน
ไม่ว่าลูกเด็กเล็กแดง ไม่ว่าผู้หลักผู้ใหญ่ วัดของเรา สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่มีบุญมากมายจริงๆ เหล่าวิญญาณของเทพเทวดาก็มากมาช่วยกัน เหล่ามนุษย์ได้ยินข่าวก็มาช่วยกัน แล้วก็โชคดี แม้ตั้งแต่ทางโรงครัวของเราก็มีญาติโยมมาช่วยกัน ไม่ว่าลูกเด็กเล็กแดงผู้หลักผู้ใหญ่ ยากนะที่จะได้มีโอกาส ผู้ใหญ่ก็มา หารู้ไม่ว่าในครัวของเรานั่นแหละมีตั้งแต่ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองเลยทีเดียว
มาๆ ช่วยกัน มาช่วยกัน พวกเราได้รับประทานอาหารกับข้าวกับปลาของผู้หลักผู้ใหญ่ น้อยที่จะได้มีโอกาส เป็นบุญของทุกคน มีโอกาสก็ช่วยกันได้เลยนะ มาถึงบ้านของเรา อยากจะทำอะไรเราก็ทำในสิ่งที่เป็นบุญ สิ่งใดไม่เป็นระเบียบเราก็ช่วยกัน ห้องส้วมห้องน้ำมันไม่สะอาดเราก็ช่วยกันทำ ที่ที่พักที่อาศัย กิ่งไม้วางระเกะระกะเราก็ช่วยกันเก็บ
เดินดูตั้งแต่ปากทางถึงก้นครัว เศษแก้วเศษขยะ ตรงไหนไม่ดีเราก็เก็บดูแลรักษา นั่นแหละคือการปฎิบัติ ความเป็นระเบียบภายนอกก็ส่งผลถึงภายใน อยู่ที่ไหนก็มีความสุข เรามีความรับผิดชอบต่อตัวเรา รับผิดชอบต่อส่วนรวม มีความเสียสละ
ลึกลงไปก็รู้จักละกิเลส หมั่นวิเคราะห์หมั่นพิจารณา จิตของเราเกิดความโลภ ความโกรธ ความทะเยอทะยานอยากหรือไม่ จิตของเราหลงอะไร จิตของเราเป็นกุศลหรือว่าอกุศล จิตของเราฟุ้งซ่าน หรือว่าจิตของเราไม่ได้รับความสงบ เราก็วิเคราะห์ตัวเรา แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเราตลอดเวลา เราก็จะได้เข้าวัด เราก็จะได้ฟังธรรมมะ ทุกคนมีธรรมอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นขึ้นมา แต่จะเป็นธรรมะอยู่ในระดับไหนเท่านั้นเอง
ตั้งแต่เด็ก เติบโตขึ้นมาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ผ่านกาลผ่านเวลา ผ่านร้อนผ่านหนาว รู้จักรับผิดชอบรู้จักหน้าที่ นั่นก็คือการปฏิบัติอยู่ในระดับของสมมติ ถ้าสูงขึ้นไปก็รู้จักสร้างตบะบารมี แต่ละวันจิตใจของเรามีความแข็งกระด้างหรือไม่ จิตใจของเรามีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความอ่อนโยน มีความเสียสละ ละความตระหนี่เหนียวแน่น ละความอิจฉาริษยาออกจากจิตออกจากใจของเรา มองโลกในทางที่ดีคิดดี มีเมตตาธรรมอยู่ตลอดเวลา สำรวมกายอินทรีย์ของเรา ตาหูจมูกลิ้นกายก็เป็นทางผ่านของรูปรสกลิ่นเสียง ส่งเข้าไปถึงดวงจิตของเรา ซึ่งอาศัยอยู่ในกาย
อะไรคือสมมติ อะไรคือวิมุตติ เราก็จะได้ดำเนินมองหาแนวทางเดิน ถึงเรายังเดินไม่ถึงจุดหมายปลายทาง ก็พยายาม ล้มแล้ว พลั้งเผลอแล้ว ก็ลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ พลั้งเผลอแล้วก็ลุกขึ้นมาใหม่แก้ไขใหม่ อย่าไปท้อ หมั่นสร้างอานิสงส์สร้างบารมี ระลึกนึกถึงคุณพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ ระลึกนึกถึงคุณของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ระลึกนึกถึงคุณของเทวดา
อะไรที่เป็นกุศลเราก็สร้าง ความเกียจคร้านของเรามี เราก็พยายามละความเกียจคร้าน เพิ่มความขยันหมั่นเพียร หลวงพ่อก็ขอขอบคุณทุกคนเลยทีเดียว ที่ได้มาสร้างอานิสงส์ร่วมกัน มาสร้างบารมีร่วมกัน ณ สถานที่แห่งนี้ ให้เป็นแหล่งบุญใหญ่ในวันข้างหน้า เป็นแหล่งบุญใหญ่ของสมมติจริงๆ
ทำไมถึงว่าอย่างนั้น เพราะว่าใครเข้ามาในสถานที่แห่งนี้แล้วจะมีตั้งแต่ความสงบความสุข มีตั้งแต่อยากจะมาสร้างกุศลร่วมกัน ทั้งพระพุทธรูปองค์ใหญ่ หยกใหญ่ ไม่คาดคิดว่าจะมีก็ได้มา นั่นแหละองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศเลยทีเดียว ไม่ใช่ในน้อยๆ องค์ ตั้ง 5-6 องค์มารวมกันอยู่ในวิหารเดียวกัน แล้วก็อัญเชิญพระบรมมาสารีริกธาตุส่วนที่ท่านเสด็จมา ตรงนี้แหละสำคัญมากทีเดียว ถ้าไม่มีอานิสงส์ไม่มีบุญพอก็คงจะยากที่จะได้ตรงนี้
ต่อไปข้างหน้าพวกท่านคงจะได้มาเห็น ไม่เกินปีหน้า ได้มากราบมาไหว้ อยู่ใกล้อยู่ไกลก็ได้มากราบมาไหว้ ขอความเป็นสิริมงคล หลวงพ่อก็เป็นเพียงแค่ทางผ่าน ได้สร้างบุญสร้างกุศลให้กับทุกคน มีโอกาสหลวงพ่อก็จะพาทำเท่าที่กำลังมี ก็ต้องพยายามกันนะ ต้องพยายามสร้างบุญสร้างกุศล เดินให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน
เราไม่ถึงวันนี้เราก็ต้องถึงวันพรุ่งนี้ เราไม่ถึงวันพรุ่งนี้ก็มะรืนนี้ เดือนหน้าปีหน้า ถ้าจิตของเราไม่หลุดพ้นจริงๆ เราก็ได้อานิสงส์ในสิ่งที่พวกเราทำนี่แหละไปต่อภพข้างหน้า ไม่ตกอับ อยู่ที่ไหนก็จะไม่ตกอับ
หลวงพ่อก็ขอขอบคุณ ก็ขอเจริญธรรมทุกคน ขอให้ทุกคนจงมีตั้งแต่ความสุขความเจริญกันนะ ไหว้พระพร้อมๆ กัน