หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 107
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 107
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 107
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 2 กันยายน 2556
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้น้อมเข้าไปรู้กายของเราแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสีย นั่งตามสบาย ไม่ต้องพนมมือ วางกายวางใจให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ ที่เกิดจากใจของเรา แล้วก็ลองน้อมลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้นเยอะ
เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออก พวกเราก็ขาดการวิเคราะห์ ขาดการสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง จะเอาตั้งแต่ธรรม จะเอาตั้งแต่บุญ จะไปรู้เท่าทันได้อย่างไร ตัวใจนั่นแหละคือตัวบุญ แต่เวลานี้เขายังเกิดอยู่ ยังหลงอยู่ เราต้องพยายามฝึกอบรม หมั่นพร่ำสอนใจของเรา ขณะนี้ใจปกติ ใจไม่มีกิเลส ใจเกิดความกังวล ใจเกิดความฟุ้งซ่าน หรือว่าใจเกิดมลทิน เราก็ต้องวิเคราะห์ตัวเรา แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา กิเลสหยาบกิเลสละเอียดมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร กิเลสเกิดขึ้นที่กาย ใจของเราปรุงแต่งผสมโรงเข้าไปอีกด้วยหรือไม่ หรือว่าเกิดขึ้นที่ใจโดยตรง หรือว่าเกิดจากอาการของขันธ์ห้ามาปรุงแต่งใจ มีหลายสิ่งหลายอย่าง
เราพยายามฝึกตัวเรา แก้ไขตัวเรา ให้มองเห็นโลกนี้เป็นของธรรมดา ให้มองเห็นโลกนี้เป็นของว่าง ถ้าใจของเราว่าง โลกนี้ก็เป็นของว่าง ถ้าใจไม่ว่าง โลกนี้ก็ยังเป็นโลกอยู่เหมือนเดิม ให้มีด้วยเหตุด้วยผล รู้ด้วยเหตุด้วยผล ด้วยสติด้วยปัญญา ถ้าเราไม่แก้ไขกิเลสของเรา ไม่มีใครจะแก้ไขให้เราได้เลย เราต้องพยายามฝึกตัวเรา แก้ไขตัวเรา ยิ่งอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน เป็นหมู่เป็นคณะ กายของเราเข้าไปร่วมกับสังคมให้ใจรับรู้ ไม่ให้ใจเกิดอคติ เกิดมลทิน เราก็พยายามแก้ไขที่เรา ถ้ามีอยู่ที่ใครเราก็รีบแก้ไข ยิ่งฝึกยิ่งเห็นเยอะ ยิ่งเห็นเยอะเท่าไรก็ยิ่งทำความเข้าใจ
กำลังสติปัญญาของเราแหลมคมเร็วไวหรือไม่ แต่ละวันๆ เรามีความเสียสละเพียงพอหรือไม่ เรามีความเห็นแก่ตัวหรือว่ามีความเกียจคร้าน เราก็พยายามกำจัดออกไป เพียงแค่เรื่องสมมติ โลกธรรมเราก็ต้องทำความเข้าใจหมด ยิ่งคนเราอยู่รวมกันมากๆ ก็ยิ่งเห็นกิเลสละเอียดมันเยอะ เดี๋ยวก็อคติกันเดี๋ยวก็เพ่งโทษกัน ไม่ว่าทางกาย ทางวาจา ลึกลงไปวาจา ใจ มันก็อคติกันอยู่อย่างนั้น เพ่งโทษกันอยู่อย่างนั้น ว่ากันกูดีมึงดี ไม่มีใครดีสักคนหรอก เพราะว่าอัตตามันเกิด อัตตามันเกิด ปล่อยวางหมดก็มองเห็นเป็นธรรมดา พยายามเอานะ ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี
ยิ่งฝึกใหม่ๆ ยิ่งทำความเข้าใจ อคติกับใคร เพ่งโทษกับใคร น้อมกายเข้าไป น้อมกายเข้าไปหาเลยจะได้ละทิฏฐิ ละมานะ ละอัตตาตัวตน ยิ่งโกรธให้ใครเกลียดให้ใคร ยิ่งแทนที่จะเข้าไปอนุเคราะห์ตอบแทนให้มันเยอะๆ เพราะว่าจะละทิฏฐิ ละมานะ ละอัตตาตัวตนของเรา ต้องแก้กิเลสของเรา เราเอาเหตุเอาผล เอาสติเอาปัญญา เอาพรหมวิหารเข้ามาแก้ภายใน ไม่ใช่ว่ายิ่งห่างไกล ยิ่งผลักไสเท่าไรก็ยิ่ง มันก็ยิ่งทำให้กิเลสของเรามันฟู เราต้องพยายาม ไม่มีเรื่องอะไรมากเลยในชีวิตของมนุษย์เรา
วันที่ 4 นี้ก็จะถึงวันแรม14 ค่ำเดือนเก้าหรือวันดับ ก็ขอเชิญพี่น้องเรามีโอกาสได้มาร่วมบุญถวายอาหารสังฆทานกับพระภิกษุสงฆ์ผู้ใหญ่ที่จะมาร่วมลงสังฆกรรมกันที่วัดเรา ใครมีข้าวปลาอาหาร พริกเขือเกลือปลาร้าก็เอามารวมกัน จะได้ทำถวายเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ อานิสงส์แห่งบุญบังเกิดขึ้น ณ สถานที่ตรงนี้ พวกเรามีโอกาสได้มาร่วมกัน ได้มาช่วยกัน
ในหลักธรรมต่างๆ แล้ว ถ้ารู้จักพิจารณาตัวเอง แก้ไขตัวเอง ไม่จำเป็นต้องไปฟังไปพูดมากมาย สอนตัวเรา เจริญสติเข้าไปรู้เท่าทัน ตามทำความเข้าใจ หมั่นสอนตัวเรา นั่นแหละท่านถึงเรียกว่าตนเป็นที่พึ่งของตน สติเป็นที่พึ่งของใจ แต่เวลานี้ใจทั้งเกิด ทั้งหลง ทั้งวิ่ง ทั้งเป็นทาสของกิเลส ยังแยกแยะไม่ได้ ก็ขอให้อยู่ในกองกุศล หมั่นสร้างกุศลเอาไว้ สักเวลา สักวันหนึ่งก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน อย่าดีแต่พูด ต้องพูดด้วยเข้าถึงด้วย ทำความเข้าใจด้วย ขยันหมั่นเพียรด้วยทั้งกลางวันทั้งกลางคืน ชี้เหตุชี้ผล ให้ใจมองเห็นความเป็นจริงว่าขันธ์ห้าของเรานี่มีอะไรบ้าง ทำไมถึงว่าไม่มีตัวไม่มีตน
พระพุทธเจ้าท่านสอนเรื่องอัตตาอนัตตา สอนเรื่องทุกข์เรื่องดับทุกข์ ทำไมเราดับไม่ได้ ทำไมเราละไม่ได้ เพราะว่าเราดำเนินไม่ถึงจุดหมายปลายทางที่แท้จริง ยังเข้าไม่ถึงรากฐานของใจ จะไปวิ่งหาตั้งแต่ข้างนอก เพียงแค่ข้างนอกก็ยังสมมติก็ยังไม่บริบูรณ์ มันก็คลายข้างในยากเหมือนกัน ก็ต้องให้เพียบพร้อมหมดทั้งสองอย่าง ทั้งสมมติวิมุตติ ทำความเข้าใจความหมายภาษาโลกภาษาธรรม คำว่า ’ปกติ’ คำว่า ‘สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น สักแต่ว่าฟัง’ ‘ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นลักษณะอย่างไร’ เราต้องรู้ ต้องทำความเข้าใจด้วย ก็พยายามกันนะ
สร้างความรู้สึกรับรู้ลมหายใจให้ชัดเจนกัน ให้ต่อเนื่องกันสักพักหนึ่งก็ยังดี พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปทำความเข้าใจกันเอา
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 2 กันยายน 2556
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้น้อมเข้าไปรู้กายของเราแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสีย นั่งตามสบาย ไม่ต้องพนมมือ วางกายวางใจให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ ที่เกิดจากใจของเรา แล้วก็ลองน้อมลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้นเยอะ
เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออก พวกเราก็ขาดการวิเคราะห์ ขาดการสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง จะเอาตั้งแต่ธรรม จะเอาตั้งแต่บุญ จะไปรู้เท่าทันได้อย่างไร ตัวใจนั่นแหละคือตัวบุญ แต่เวลานี้เขายังเกิดอยู่ ยังหลงอยู่ เราต้องพยายามฝึกอบรม หมั่นพร่ำสอนใจของเรา ขณะนี้ใจปกติ ใจไม่มีกิเลส ใจเกิดความกังวล ใจเกิดความฟุ้งซ่าน หรือว่าใจเกิดมลทิน เราก็ต้องวิเคราะห์ตัวเรา แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา กิเลสหยาบกิเลสละเอียดมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร กิเลสเกิดขึ้นที่กาย ใจของเราปรุงแต่งผสมโรงเข้าไปอีกด้วยหรือไม่ หรือว่าเกิดขึ้นที่ใจโดยตรง หรือว่าเกิดจากอาการของขันธ์ห้ามาปรุงแต่งใจ มีหลายสิ่งหลายอย่าง
เราพยายามฝึกตัวเรา แก้ไขตัวเรา ให้มองเห็นโลกนี้เป็นของธรรมดา ให้มองเห็นโลกนี้เป็นของว่าง ถ้าใจของเราว่าง โลกนี้ก็เป็นของว่าง ถ้าใจไม่ว่าง โลกนี้ก็ยังเป็นโลกอยู่เหมือนเดิม ให้มีด้วยเหตุด้วยผล รู้ด้วยเหตุด้วยผล ด้วยสติด้วยปัญญา ถ้าเราไม่แก้ไขกิเลสของเรา ไม่มีใครจะแก้ไขให้เราได้เลย เราต้องพยายามฝึกตัวเรา แก้ไขตัวเรา ยิ่งอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน เป็นหมู่เป็นคณะ กายของเราเข้าไปร่วมกับสังคมให้ใจรับรู้ ไม่ให้ใจเกิดอคติ เกิดมลทิน เราก็พยายามแก้ไขที่เรา ถ้ามีอยู่ที่ใครเราก็รีบแก้ไข ยิ่งฝึกยิ่งเห็นเยอะ ยิ่งเห็นเยอะเท่าไรก็ยิ่งทำความเข้าใจ
กำลังสติปัญญาของเราแหลมคมเร็วไวหรือไม่ แต่ละวันๆ เรามีความเสียสละเพียงพอหรือไม่ เรามีความเห็นแก่ตัวหรือว่ามีความเกียจคร้าน เราก็พยายามกำจัดออกไป เพียงแค่เรื่องสมมติ โลกธรรมเราก็ต้องทำความเข้าใจหมด ยิ่งคนเราอยู่รวมกันมากๆ ก็ยิ่งเห็นกิเลสละเอียดมันเยอะ เดี๋ยวก็อคติกันเดี๋ยวก็เพ่งโทษกัน ไม่ว่าทางกาย ทางวาจา ลึกลงไปวาจา ใจ มันก็อคติกันอยู่อย่างนั้น เพ่งโทษกันอยู่อย่างนั้น ว่ากันกูดีมึงดี ไม่มีใครดีสักคนหรอก เพราะว่าอัตตามันเกิด อัตตามันเกิด ปล่อยวางหมดก็มองเห็นเป็นธรรมดา พยายามเอานะ ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี
ยิ่งฝึกใหม่ๆ ยิ่งทำความเข้าใจ อคติกับใคร เพ่งโทษกับใคร น้อมกายเข้าไป น้อมกายเข้าไปหาเลยจะได้ละทิฏฐิ ละมานะ ละอัตตาตัวตน ยิ่งโกรธให้ใครเกลียดให้ใคร ยิ่งแทนที่จะเข้าไปอนุเคราะห์ตอบแทนให้มันเยอะๆ เพราะว่าจะละทิฏฐิ ละมานะ ละอัตตาตัวตนของเรา ต้องแก้กิเลสของเรา เราเอาเหตุเอาผล เอาสติเอาปัญญา เอาพรหมวิหารเข้ามาแก้ภายใน ไม่ใช่ว่ายิ่งห่างไกล ยิ่งผลักไสเท่าไรก็ยิ่ง มันก็ยิ่งทำให้กิเลสของเรามันฟู เราต้องพยายาม ไม่มีเรื่องอะไรมากเลยในชีวิตของมนุษย์เรา
วันที่ 4 นี้ก็จะถึงวันแรม14 ค่ำเดือนเก้าหรือวันดับ ก็ขอเชิญพี่น้องเรามีโอกาสได้มาร่วมบุญถวายอาหารสังฆทานกับพระภิกษุสงฆ์ผู้ใหญ่ที่จะมาร่วมลงสังฆกรรมกันที่วัดเรา ใครมีข้าวปลาอาหาร พริกเขือเกลือปลาร้าก็เอามารวมกัน จะได้ทำถวายเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ อานิสงส์แห่งบุญบังเกิดขึ้น ณ สถานที่ตรงนี้ พวกเรามีโอกาสได้มาร่วมกัน ได้มาช่วยกัน
ในหลักธรรมต่างๆ แล้ว ถ้ารู้จักพิจารณาตัวเอง แก้ไขตัวเอง ไม่จำเป็นต้องไปฟังไปพูดมากมาย สอนตัวเรา เจริญสติเข้าไปรู้เท่าทัน ตามทำความเข้าใจ หมั่นสอนตัวเรา นั่นแหละท่านถึงเรียกว่าตนเป็นที่พึ่งของตน สติเป็นที่พึ่งของใจ แต่เวลานี้ใจทั้งเกิด ทั้งหลง ทั้งวิ่ง ทั้งเป็นทาสของกิเลส ยังแยกแยะไม่ได้ ก็ขอให้อยู่ในกองกุศล หมั่นสร้างกุศลเอาไว้ สักเวลา สักวันหนึ่งก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน อย่าดีแต่พูด ต้องพูดด้วยเข้าถึงด้วย ทำความเข้าใจด้วย ขยันหมั่นเพียรด้วยทั้งกลางวันทั้งกลางคืน ชี้เหตุชี้ผล ให้ใจมองเห็นความเป็นจริงว่าขันธ์ห้าของเรานี่มีอะไรบ้าง ทำไมถึงว่าไม่มีตัวไม่มีตน
พระพุทธเจ้าท่านสอนเรื่องอัตตาอนัตตา สอนเรื่องทุกข์เรื่องดับทุกข์ ทำไมเราดับไม่ได้ ทำไมเราละไม่ได้ เพราะว่าเราดำเนินไม่ถึงจุดหมายปลายทางที่แท้จริง ยังเข้าไม่ถึงรากฐานของใจ จะไปวิ่งหาตั้งแต่ข้างนอก เพียงแค่ข้างนอกก็ยังสมมติก็ยังไม่บริบูรณ์ มันก็คลายข้างในยากเหมือนกัน ก็ต้องให้เพียบพร้อมหมดทั้งสองอย่าง ทั้งสมมติวิมุตติ ทำความเข้าใจความหมายภาษาโลกภาษาธรรม คำว่า ’ปกติ’ คำว่า ‘สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น สักแต่ว่าฟัง’ ‘ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นลักษณะอย่างไร’ เราต้องรู้ ต้องทำความเข้าใจด้วย ก็พยายามกันนะ
สร้างความรู้สึกรับรู้ลมหายใจให้ชัดเจนกัน ให้ต่อเนื่องกันสักพักหนึ่งก็ยังดี พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปทำความเข้าใจกันเอา