หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 56

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 56
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 56
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2566 ลำดับที่ 56
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 23 เมษายน 2556

เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ สารพัดเรื่องเอาไว้เสียก่อน เพียงแค่สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจ สำเหนียก น้อมกระตุ้นสร้างความรู้สึกรับรู้ของลมที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออก พวกเราก็ยังขาดการสนใจกันมากเลยทีเดียว อยากจะเอาแต่บุญ อยากจะได้ตั้งแต่บุญ ความอยากนั่นแหละ ความอยากให้เกิดจากตัวใจนั่นแหละ เขาปิดกั้นเอาไว้หมด เพียงแค่ความอยากไป อยากมา อยากมี เพียงแค่อาการเกิดของใจ เขาก็ปิดกั้นตัวอำพรางตัวใจเอาไว้หมด

ในหลักธรรมท่านให้เจริญสติ หมั่นสร้างความรู้ตัว แล้วก็รู้จัก รู้เท่าทัน รู้กาย ลึกลงไปก็รู้ใจ รู้ลักษณะของใจ รู้การเกิดของใจ รู้การเกิดของความคิดกับใจเขารวมกันเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างไร นี่แหละตรงนี้แหละต้องให้เห็นเสียก่อน ถ้าไม่รู้ไม่เห็น ถ้าแยกไม่ได้ก็ยังหลงอยู่ อาจจะหลงอยู่ในบุญในอานิสงส์การทำบุญให้ทาน หลงในการสร้างคุณงามความดี แต่ก็เป็นหนทางไปสู่สิ่งจุดที่สูง ไม่เหมือนกับอกุศล ถ้าฝ่ายอกุศลจะนำใจของเราไปสู่ความทุกข์ ถ้าเป็นฝ่ายกุศลจะนำใจของเราเข้าไปสู่ความสุข แต่การเกิดของใจก็ยังมีอยู่ ความไม่เที่ยงก็ยังมีอยู่

เราต้องพยายามละขัดเกลากิเลสตัวเรา พิจารณาตัวเราแก้ไขตัวเรา ทำความเข้าใจกับวิญญาณกับใจของเราให้เรียบร้อย ทำความเข้าใจกับกาย ทวารทั้งหกของเราให้เรียบร้อย ทำความเข้าใจกับโลกธรรมแปดที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยวอยู่ตลอดเวลา ให้ใจของเราเป็นสมาธิ อยู่ในอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน กินอยู่ ขับถ่าย ใจของเราเป็นสมาธิที่ปราศจากการเกิด ปราศจากกิเลส ถ้าเราไม่วิเคราะห์ เราไม่ทำความเข้าใจในใจในกายของเราให้ต่อเนื่อง ให้เด็ดขาดจริงๆ ก็ยากที่จะถึงจุดหมายปลายทาง ก็อาจจะได้บ้างไม่ได้บ้างกระท่อนกระแท่น บางทีก็เผลอไปเลยเพราะว่าความเคยชินเก่าๆ ปัญญาเก่า ความคิดเก่าเขาปกปิดเอาไว้หมด

ในหลักธรรมต้องเจริญสติเข้าไปแยกเข้าไปคลายเข้าไปทำความเข้าใจ รู้เห็นตามความเป็นจริงทุกเรื่อง แล้วค่อยละ หมดความสงสัย หมดความลังเล ยืน เดิน นั่ง นอนก็จะเป็นแค่เพียงอิริยาบถ คนเราเกิดมาจะไปไหนมาไหน เราต้องพยายามเจริญสติเข้าไปดำเนินคลายความหลงให้ได้เสียก่อน แล้วก็ละกิเลสให้ได้เสียก่อน ก่อนที่ธาตุขันธ์จะแตกจะดับ เพราะว่าความเป็นจริง ทุกคนก็เดินเข้าไปสู่จุดหมายปลายทางอันเดียวกันสำหรับรูปธรรมก็คือความตาย

วันนี้ก็ตายไปหนึ่งศพแล้ว มารับโลง ทั้งหมดก็ 79 ศพ 79 ที่มาอนุเคราะห์ไป นี่แหละเพียงแค่ปีเดียว เพียงแค่ยังไม่ครบปี วันที่ 1 มิถุนายน ถึงจะครบปี ถึงขวบปีที่ได้หลวงพ่อ ที่หลวงพ่อได้จัดตั้งอนุเคราะห์สงเคราะห์ให้กับญาติโยมตำบลสำราญ แต่ตำบลอื่นก็มีมาแจมบ้าง ทั้งผู้เฒ่าผู้แก่ ทั้งเด็ก ก็ได้อนุเคราะห์ไปก็ประมาณ 79 นี่แหละ ความตายไม่ได้เลือกกาลเลือกเวลา เราอย่าประมาท พยายามหมั่นสร้างบุญสร้างอานิสงส์

จัดระบบระเบียบตั้งแต่ตัวจิตใจของเรา ความคิดอารมณ์ต่างๆ จัดระบบระเบียบให้เรียบร้อย ใจของเราเกิดกิเลส เราก็ต้องพยายามละกิเลส ใจของเราเกิดความทุกข์ ความเครียด เราก็พยายามละ ดับความทุกข์ความเครียด ยิ่งเจริญสติเข้าไปมากเท่าไหร่ ยิ่งเห็นเยอะเท่าไหร่ กิเลสมันก็ยังดิ้นไปเท่านั้นแหละ มันก็หาทางหลบหลีกหาทางต่อสู้ เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เหมือนกัน ยิ่งมีสติปัญญามากเท่าไร ค้นคว้าเท่าไร มันก็ยิ่งกระจายเข้าไปในส่วนลึกๆ มันก็ดิ้นรนสารพัดอย่างที่มันจะแสดงออกมา ให้เราได้เห็น

ส่วนมากก็มีตั้งแต่มลทิน ไปอคติคนโน้นอคติคนนี้ มองเพ่งโทษคนโน้นคนนี้ ตรงนั้นไม่ดี ตรงนี้ไม่ดี ทั้งที่ออกจากใจของเราทั้งนั้น เราพยายามแก้ไขปรับปรุงตัวเรา แก้ไขตัวเราให้ดี เรื่องสมมติวิมุตติต้องทำความเข้าใจให้ละเอียด ทำเอา หลวงพ่อก็เพียงแค่เล่าให้ฟัง ถ้าพวกท่านไม่ไปทำ ไปยัง ให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา ก็ยากที่จะเข้าใจ ไม่มีอะไรมากหรอก มีตั้งแต่ส่วนรูปกับส่วนนามกับการเจริญสติ นอกนั้นก็มีตั้งแต่เพียงแค่พิธีวิธีอุบายแนวทางเท่านั้นแหละ ขอให้เรามีความมุ่งมั่นด้วยสติด้วยปัญญา ไม่ต้องจำเป็นต้องไปพูดมากมายอะไร เพียงแค่ได้ยินได้ฟัง รู้จักแนวทาง แล้วก็ไปเร่งทำความเพียร

สติที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างนี้นะ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างนี้ ปราศจากกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างนี้ ใจที่แยกรูปแยกนามคลายออกจากขันธ์ห้าเป็นลักษณะอย่างนี้ ที่ท่านเห็นว่าเป็นกองเป็นขันธ์ เป็นชิ้นเป็นอัน แต่ก็มีหนังห่อหุ้มอยู่ในร่างกายของเรา ทำไมท่านถึงบอกว่าเป็นกองเป็นขันธ์ ทำอย่างไรใจของเราถึงจะปราศจากกิเลส มีความอ่อนน้อมถ่อมตน น้อมกายของเราเข้ามาอยู่ในกองบุญกองกุศล ต้องแจงให้ออกให้ละเอียด อันนี้สติปัญญา ความรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมาเราสร้างให้ต่อเนื่องหรือไม่ เราสังเกตเท่าทันใจของเราหรือไม่ เราดับเราควบคุมใจของเราตั้งแต่ กลางเหตุอยู่ในกายของเรา ตั้งแต่การก่อตัวหรือว่ากลางเหตุปลายเหตุ หรือว่าเหตุจากภายนอกมาทำให้ใจของเราเกิด

ทุกเรื่อง ความอยากแม้แต่นิดเดียวนะ อยากในรูป ในรส ในกลิ่น ในเสียง อยากในการมี การเป็นการไป ละความอยากออกให้มันหมด ให้เป็นความต้องการของสติปัญญาเข้าไปทำหน้าที่แทนทุกเรื่อง ถึงจะอยู่กับสมมติอยู่กับวิมุตอย่างมีความสงบความสุข ขอให้เราทำความเข้าใจให้ถูกต้อง ไม่เหลือวิสัยหรอก ไม่ถึงช้าก็ต้องถึงเร็ว อย่าพากันประมาท แล้วก็พยายามอย่าพากันทิ้งบุญ ทำบุญให้ทานอันนี้มีเป็นพื้นฐาน มาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย มีศรัทธาน้อมเข้ามา ทีนี้การทำความเข้าใจกับปัญญารู้แจ้งเห็นจริงกัน ยังสมมติให้เกิดประโยชน์ ต้องให้เต็มเปี่ยมหมดทุกสิ่งทุกอย่าง อยู่ที่ไหนก็จะมีตั้งแต่ความสุข

สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนสักระยะนะ ถึงไม่ได้ตลอด ทำใจให้โล่งสมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมหายใจวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน

พากันไหว้พระพร้อมๆ กันค่อยไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอานะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง