หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 50

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 50
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 50
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 50
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 17 เมษายน 2556

ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความระลึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน เพียงแค่เรื่องการสร้างความระลึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจ พวกเราก็ไม่ค่อยจะสนใจกัน ทั้งที่ใจปรารถนาอยากจะรู้ธรรม อยากจะได้ธรรม อยากจะได้บุญ ได้บุญนั้นมันได้อยู่แล้ว เพราะว่าจิตของทุกคนเป็นบุญ ฝักใฝ่ในบุญ ปรารถนาอยากจะได้บุญ แต่การดับความเกิดไม่มี การเจริญสติที่ต่อเนื่องเข้าไปสังเกตรู้การเกิด รู้การแยกรู้การคลายออกจากความคิดออกจากขันธ์ห้า ซึ่งเป็นนามธรรมตรงนี้ กำลังสติมีไม่เพียงพอ ก็เลยเดินปัญญาแยกรูปแยกนามขั้นพื้นฐานยังไม่ได้เลย มีตั้งแต่ปัญญาของโลกิยะที่ฝักใฝ่ในบุญ มันก็ได้บุญอยู่ด้วยการเกิดก็มีตลอด

การเกิดของตัวใจการเกิดของขันธ์ห้า เราต้องพยายามสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องว่าเขาก่อตัวอย่างไร เขาเกิดตรงไหน เขาเริ่มอย่างไร ความอยากให้เกิดจากตัวใจเขาเกิด เราดับได้ในระดับไหน ตั้งแต่ต้นเหตุ กลางเหตุ ปลายเหตุ ตั้งแต่ออกมาทางกายทางวาจา เราดับได้ช่วงไหนระยะไหน กำลังสติของเรามีเพียงพอหรือไม่ เราต้องเจริญสติให้มีให้เกิดขึ้นให้มากๆ แล้วก็รู้จักเอาไปวิเคราะห์ ไปใช้วิเคราะห์ไม่ทันใจ เราก็รู้จักควบคุมเขาเรียกว่าสมถะ ดับ หยุดอยู่กับลมหายใจ หรือว่าจะเอาคำบริกรรมเข้าไปกำกับ

แม้ตั้งแต่การเจริญสติ เราต้องรู้จักว่าตัวใจไปกำหนดหรือเราสร้างความรู้ตัวขึ้นมาใหม่ ถ้าตัวใจเข้าไปกำหนดนี่หน้าอกก็จะแน่น ถ้าเราเอาสมองส่วนบนไปจดจ่อ สมองก็จะตรึง เพียงแค่เราผ่อนลมหายใจให้เป็นธรรมชาติ ถ้าความรู้สึกพลั้งเผลอเราก็เริ่มขึ้นมาใหม่ พลั้งเผลอเราก็เริ่มขึ้นมาใหม่ ฝึกจนเกิดความเคยชิน จนรู้ร่องของธรรมชาติของการหายใจเข้าเป็นอย่างนี้นะ หายใจหยาบหายใจละเอียด หายใจช้าหายใจเร็ว จนเป็นธรรมชาติ

ถ้าเรามีความรู้ตัวอยู่ปัจจุบันรู้ตัวที่ต่อเนื่อง ใจจะเกิดจะก่อตัวปุ๊บ อาการของใจจะเกิดปุ๊บก็จะรู้เท่าทัน รู้เท่าทันก็รู้จักควบคุม รู้จักตามดูตามรู้ตามเห็น แล้วก็รอบรู้ในกองสังขาร รู้จักปรับสภาพใจของเราให้มีความอ่อนโยน มีความอ่อนน้อมไม่แข็งกระด้าง ถ้าใจปรุงแต่งส่งออกไปภายนอกเราก็รู้จักดับรู้จักละ หมั่นพร่ำสอนใจ ดำเนินสติปัญญาไปเกิดแทน ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย ทำเรื่องง่ายให้หายไป ไม่มีอะไร บริหารด้วยปัญญาล้วนๆ อยู่ด้วยปัญญาล้วนๆ

กายก็เป็นบุญ ใจก็เป็นบุญ สนุกสร้างบุญอยู่กับบุญ ทำความเข้าใจกับทวารทั้งหกของเรา ทำความเข้าใจกับโลกธรรมที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว ทุกเรื่องในชีวิตของเรานี้ต้องทำความเข้าใจสำรวจให้หมด ในกายของเรานี้ที่ท่านเรียกว่ามีเป็นกองเป็นขันธ์ ทำไมถึงว่าเป็นกองเป็นขันธ์ มีวิญญาณเข้ามาครอบครอง เข้ามาอยู่ในภพของมนุษย์ ทำไมใจของเราเกิดกิเลส ทำไมใจของเราถึงเป็นทาสของอารมณ์ สติปัญญาของเราต้องเจริญเข้าไปหาเหตุหาผล ชี้เหตุชี้ผล ตามดู ให้ใจของเรามองเห็นความเป็นจริง เขาถึงจะเกิดความเบื่อหน่าย เขาถึงจะค่อยละได้ อยากจะละอยากจะวาง ถ้าไม่รู้จุดปล่อยจุดวาง มันก็วางไม่ได้หรอก ถ้าไม่ถึงเวลา

อานิสงส์บุญบารมีของเราไม่มีเพียงพอ ก็ต้องสร้างบารมีกันให้เต็มเปี่ยม ความเสียสละของเรายิ่งยวดหรือไม่ ความขยันหมั่นเพียร สัจจะ วิริยะ ความเพียร การได้ยิน ได้ฟัง การได้อ่าน ทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม แต่การลงมือรู้เท่าทันการเกิดการดับ รู้เท่าทันขันธ์ห้า แยกรูปแยกนามให้ได้ทุกเรื่อง ตรงนี้แหละสำคัญ ถ้าคนมีบุญนี้ อยู่คนเดียวก็เข้าใจ อยู่หลายคนก็เข้าใจ รู้จักแนวทางนิดเดียว ไปทำความเพียร

กายวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้ โลกธรรมเป็นอย่างนี้ กิเลสเกิดขึ้นที่กายเกิดขึ้นที่ใจ กิเลสเกิดขึ้นที่กายใจส่งเสริมด้วยหรือไม่ หรือว่าเกิดจากใจโดยตรง หรือว่าเกิดจากขันธ์ห้า หรือว่าเกิดจากสติปัญญา เขาจะแจงออกเป็นคนละส่วน แต่เวลานี้พวกเราเหมารวมกันหมด อาจจะอยู่แค่อยู่ในระดับของกองบุญก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ หมั่นสร้างบุญสร้างอานิสงส์เอาไว้ ถึงวาระเวลาก็คงจะถึงจุดหมายปลายทางกัน

สร้างความระลึกรับรู้สัมผัสทางลมหายใจให้ชัดเจนนะ

พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจนะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง