หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 098
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 098
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
มีความสุขกันทุกคน วันนี้ก็เป็นวันพระ หลังจากออกพรรษามาได้อาทิตย์หนึ่ง ทุกคนก็มีความสุขกัน สนุกทำบุญไม่ว่าที่ไหนในประเทศไทย ช่วงออกพรรษานี้ก็จะมีงานกฐินที่โน่นบ้างทีนี่บ้าง มีโอกาสก็ได้ไปร่วมกัน ไปช่วยกัน ทุกที่ ฝากเอาไว้ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาก็รีบรู้กาย รู้ใจของตัวเราก่อนเพื่อน รู้ใจก่อนเพื่อน รู้ใจ งานชิ้นโบแดง งานเอก รู้ใจปกติ ใจสงบ จะลุก จะก้าว จะเดิน ทำโน่นทำนี่ ใจมีความปกติรับรู้ สติปัญญาพากายไป สร้างอานิสงส์ สร้างบุญให้เต็มเปี่ยม พวกเราก็พากันมา ญาติโยมทางระยองก็เอาตามสบายตามอัธยาศัยกันนะ
ระวังหน่อย ขโมยขโจรก็เยอะไม่ว่าอยู่ที่ไหน ถ้าใครขโมยขโจร อยากจะได้รางวัลนะ ประกาศตัวเลย จะให้หนึ่งแสนบาท เอาของกลางมาด้วย จะให้ไปตั้งตัวไม่ต้องไปขโมยยาก แอบขโมยของเพื่อน ถ้าที่ไหนที่ใดมีขโมยแค่คนคนเดียว ที่นั่นวุ่นวาย ในบางครั้งบางคราวก็เป็นขโมยโดยสันดาน บางครั้งบางคราวก็เหตุการณ์บังคับ ไม่มีใครอยากจะหลง ไม่มีใครอยากจะเป็นขโมย แต่เป็นโดยวิบากของกรรม เราก็ยกให้เป็นกรรม กรรมเขาก็จะลงโทษเอา คือกรรมสมมติก็ไม่เข้าใจ ทางด้านวิมุตติ ทางด้านจิตใจก็ไม่เข้าใจ มันก็เลยหลงไปกันใหญ่ หลงสร้างกรรมไปกันใหญ่ ก็ยกให้เป็นกรรมของแต่ละบุคคล
บุคคลที่มีบุญมีอานิสงส์ก็พยายามละกรรม สร้างแต่กรรมดีแต่ไม่หลงไม่ยึด จนอยู่เหนือกรรม เหนือบุญเหนือบาป คือใจคลายออกจากความยึดมั่นถือมั่น ดับความเกิด ละกิเลสออกหมดจากใจของตัวเรา อยู่เหนือกรรม เป็นแค่เพียงกิริยา การกระทำ ของเหตุของผลของสติปัญญา มองเห็นหนทางเดินของตัวเรา ว่าจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิด การเกิดมาเป็นมนุษย์นี่ก็เกิดมาในภพของมนุษย์ ความหลงทำให้เกิด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด เกิดมาอยู่ในภพของมนุษย์ แล้วก็กําลังสติปัญญาอีก ศรัทธาอีก ถ้าศรัทธารู้แจ้งเห็นจริง ตามแนวทางของพระพุทธองค์ ก็ไม่เสียเที่ยว ถ้าเป็นศรัทธาที่ยังหลงงมงายอยู่ ก็ยังไม่เข้าถึงจุดหมาย ต้องเป็นศรัทธาที่เกิดจากการเจริญภาวนา รู้แจ้งเห็นจริง ละกิเลสได้ ดับความเกิดได้ การเกิดของจิตวิญญาณ เขาเกิด ไม่รู้ เขาเกิดมานาน
ตั้งแต่เช้ามา เอาแค่ตั้งแต่เช้ามาเขาเกิดสักกี่เรื่อง เรายังไม่รู้เลยเพราะว่าขาดกําลังสติเข้าไปดูแล วิเคราะห์ สังเกต อบรม มันก็หาสิ่งดีๆ นั่นแหละมาปิดมากั้นเอาไว้ มันก็หลอกให้มาวัด มาทำบุญ ก็หลงในบุญ แต่ก็ยังหลงอยู่ ตราบใดที่ใจยังเกิด ก็ยังดี ดีกว่าไปเกิดมลทิน อคติ มลทินต่างๆ ทุกคนก็ปรารถนาหาทางดับทุกข์กันหมด
แนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบเอามาเปิดเผย บุคคลที่มีบุญมีอานิสงส์ ไม่จำเป็นต้องไปหาที่ไหนยากเลย ตื่นขึ้นมาดูใจ รู้ใจ อันนี้ลักษณะของการเจริญสติ เอาสติปัญญาไปใช้ การควบคุมใจ การอบรมใจ ตนเป็นที่พึ่งของตน ‘ตน’ อะไรคือ ‘ตน’ตัวแรก อะไรคือ ‘ตน’ตัวที่สอง คือสติตัวแรก ตัวใจ ใจทำไมถึงเกิดได้ ใจทำไมถึงหลง หลงเกิดวนเวียนมาตั้งแต่เรายังไม่ได้อยู่ในภพของมนุษย์ ก็หลงวนเวียนว่ายตายเกิดในภพน้อยภพใหญ่ บางทีก็ขึ้นสวรรค์ บางทีก็ลงนรก เรามาพยายามดูใจ แก้ไขใจของเราให้ได้ ถึงแก้ไขไม่ได้ก็ให้อยู่ในกองบุญเอาไว้ก็ยังดี เราเกิดมาถ้าบอกตัวเองไม่ได้ ใช้ตัวเองไม่เป็น แล้วก็จะไปที่ไหนก็เหมือนเดิม บุคคลที่มีบุญฟังนิดเดียว เดินเข้าไปถึงฝั่ง ไปรอที่ฝั่งของพระนิพพานโน่น พากันไหว้พระ สมาทานศีล
เตรียมตัวกราบพระพร้อมกันครับ
ดูดีๆ นะ พระเราชีเรา เพียงแค่ดูเรื่องความอยากกับความหิว แยกให้ออก กายเราหิวหรือว่าใจของเราเกิดความยาก ความอยากนี้มีกันทุกคน ความหิวนี้บังคับให้ใจเกิดความอยาก อยาก เกิดความอยาก เกิดความยินดียินร้าย แล้วก็เกิดการปรุงแต่ง อยากมี อยากเป็น อยากคิด ความเกิดนั่นแหละ บางทีก็เจือไปด้วยความทะเยอทะยานอยากของตัวใจ ของตัววิญญาณ เราก็ต้องพยายามแจงให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนแต่มีเหตุมีผล มีปัจจัย ปรุงแต่งเชื่อมโยงกันไป
นอกจากปัญญาของผู้รู้ คือปัญญาของพระพุทธองค์ที่จําแนกแจกแจง ชี้แนะแนวทาง ชี้เหตุชี้ผล ด้วยการเจริญปัญญา ปัญญาที่แท้จริงเป็นอย่างไร ปัญญาที่เกิดจากใจ ปัญญาที่เกิดจากอาการของใจ หรือว่าขันธ์ห้าเป็นอย่างไร ใจนี้หลงมาตั้งนานนะ หลงตั้งแต่ยังไม่ได้อยู่ในภพของมนุษย์ก็หลงเกิด เพียงแค่การเกิดอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ จนกระทั่งมาอยู่ มาสร้างอยู่ในภพของมนุษย์ มีขันธ์ห้าเข้ามาปิดกั้นเอาไว้ แล้วก็ยังเกิดต่อ เกิดต่อ เกิดอันโน้นบ้าง อันนี้บ้าง ในบุญในกุศลบ้างอกุศลบ้าง แล้วก็กลับมาอยู่ในกายของเราใหม่ เกิดทางกายเนื้อ
พระพุทธองค์ท่านถึงบอกว่ากายนี้เปรียบเสมือนกับถ้ำ เปรียบเสมือนกับคูหา ว่ามีอะไรบ้าง ท่านให้เจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ อะไรคือส่วนรูป อะไรคือส่วนนาม ตัวใจนั้นเราจะละกิเลสยังไง ดับยังไงอีก ด้วยการเจริญพรหมวิหาร ด้วยการสร้างบารมี ใจเกิดความโลภ ก็พยายามละความโลภ ใจเกิดความโกรธ เราก็พยายามละความโกรธ ใจยังหลง หลงเกิดแล้วก็หลงยึดในสิ่งต่างๆ เราก็พยายามหัดสังเกต หัดวิเคราะห์ อบรมใจด้วยการสร้างตบะ สร้างบารมี ทุกอย่างก็ล้วนแต่มีเหตุมีผลหมด เว้นเสียแต่ว่าพวกเราจะปฏิบัติให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเราได้หรือไม่เท่านั้นเอง เราพยายาม ไม่เหลือวิสัย
เรื่องจิตใจนี่เป็นของละเอียดอ่อน สลับซับซ้อน บุคคลที่มีความเพียร บุคคลที่มีอานิสงส์มีบุญเพียงพอถึงเวลาก็จะเข้าใจ ทุกคนนี้มาด้วยแรงเหวี่ยงของกรรมทั้งนั้น กายคือก้อนกรรม ตัวใจก็ไปหลงยึด ไปสร้างกรรมก็ไปยึดอีก นอกจากบุคคลที่แยกแยะได้ ตามดูได้ รู้เห็นได้ ชี้เหตุชี้ผลได้ แล้วก็ละกิเลสได้ แล้วดับความเกิดได้ เข้าใจในเรื่องกรรม กรรมเก่ากรรมใหม่ ขันธ์ห้านี่แหละตัวกรรมเลยทีเดียว ตัวใจก็ยังเกิดต่ออีก นอกจากบุคคลที่มีกําลังสติปัญญา แยกแยะ ชี้เหตุชี้ผล ตามดูเหตุดูผล ทุกเรื่อง
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนกระทั่งหมดลมหายใจ จนกระทั่งถึงหมดลมหายใจ แล้วใจยังไปต่ออีก เพราะเขายังเกิดอยู่ เราไม่อยากจะเกิด เราก็ดับความเกิดเสีย คลายกิเลส ละกิเลสให้มันหมดเสีย กายของเรานี่แหละก้อนกิเลส ไม่มีใครอยากจะไปสู่ที่ทุกข์ ไม่มีใครอยากจะไปสู่ที่ลําบาก บางคนก็ฆ่าตัวตายก็มี เพราะว่ารักตัวเอง ไม่อยากจะให้ทุกข์ แต่เขาหาทางดับทุกข์ไม่เป็น ก็เลยฆ่าตัวเองเยอะแยะ บางทีก็วิบากกรรม
จงพยายามดำเนินตามแนวทางคําสอนของพระพุทธองค์ น้อมเข้ามาสู่ใจของเรา บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น สติปัญญาเป็นที่พึ่งของใจ รอบรู้ในกองสังขาร คําว่ากองสังขารของพระพุทธองค์เป็นอย่างไร คําว่าอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นลักษณะอย่างไร อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในขันธ์ห้าเป็นอย่างไร การเกิดการดับของวิญญาณหรือว่าใจ ใจไม่มีตัวมีตนจะรู้ได้อย่างไร เราต้องพยายามเอา สิ่งพวกนี้จะไปว่ากันไม่ได้เลย นอกจากอานิสงส์ผลบุญของแต่ละบุคคลหล่อหลอมลงไป แล้วก็พยายามให้อยู่ในกองบุญเอาไว้
พระเราก็เหมือนกัน ชีเราก็เหมือนกัน อย่าไปเกียจคร้าน พระเกียจคร้านก็ไม่ดี ชีเกียจคร้านก็ไม่ดี โยมฆารวาสเกียจคร้านก็ไม่ดี ต้องเป็นคนขยัน ขยันอยู่ในกองบุญกองกุศล มีศรัทธาแล้วก็มีปัญญารู้แจ้งเห็นจริง ตามแนวทางของพระพุทธองค์ ท่านมีเหตุมีผล ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ทันสมัยที่สุดในโลก ทำไมถึงว่าทันสมัยที่สุดในโลก คือทุกขณะจิต ทุกขณะลมหายใจเข้าออก เพียงแค่นาทีสองนาทีนั้นยังเป็นอดีตไปแล้ว ต้องทุกขณะจิต ทำอย่างไรถึงจะรู้ทุกขณะจิต กําลังสติของเราก็ต้องสร้างขึ้นมา จนเอาไปใช้การใช้งานได้ จนแยกแยะได้ ตามดูได้ ละได้ จนสติ สมาธิ ปัญญารักษาเราเอง จนเป็นอัตโนมัติ นั่นแหละ ถึงเรียกว่า จนวางใจให้เป็นอิสรภาพได้ ใจไม่เกิด การเกิดเป็นทุกข์เขาก็ไม่เกิด เป็นทาสของกิเลสเขาก็ไม่เอา
คนทั่วไปแล้วก็แสวงหาตั้งแต่กิเลสมาทับถมดวงใจของตัวเองอยู่ตลอดเวลา ทั้งความอยาก ทั้งความไม่อยาก ทั้งความทะเยอทะยานอยาก ทั้งความหวัง สารพัดอย่าง อยากในบุญ นี้ก็ปิดกั้นตัวเองนะ อยากเกิดนี้ก็ปิดกั้นตัวเอง มันพูดง่าย การลงมือจริงๆ นั้นก็ต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียรเป็นเลิศ ทุกเรื่องในชีวิต ต้องแจงให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น ถ้าสอนตัวเองไม่ได้ อย่าไปเที่ยวให้คนอื่นเขาสอน ไม่มีประโยชน์ คําสอนของพระพุทธองค์นั้นมีมานานแล้วตั้งหลายพันปีแล้ว หลักอริยสัจของความจริงอันประเสริฐ
ตั้งใจรับพรกัน
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน หลวงพ่อจะขอย้ำตั้งแต่เรื่องนี้แหละ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาพวกท่านได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง พวกท่านได้วิเคราะห์ใจของตัวเองแล้วหรือยัง อบรมใจของตัวเราได้แล้วหรือยัง ข้อวัตรปฏิบัติต่างๆ ที่มีเอาไว้ ก็เพื่อที่จะลดละทิฐิ ละมานะ ละกิเลส
จุดมุ่งหมายของการปฏิบัติ ก็เพื่อที่จะคลายความหลง กิเลสออกให้มันหมดจดจากจิตจากใจของตัวเรา คนทั่วไปก็ยากที่จะเข้าใจถ้าไม่มีความเพียรที่ถูกต้อง เพียงแค่การเจริญสติให้ต่อเนื่องก็ยังยากลำบากอยู่ ทั้งที่ใจเป็นบุญนั่นแหละ คิดก็รู้ ทำก็รู้ ใจลักษณะของใจที่ปกติเป็นอย่างไร ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างไร ใจที่ปรุงแต่งเป็นอย่างไร อาการของใจเป็นอย่างไร
แนวทางนั้นมีมานาน ต้องให้รู้ทุกอิริยาบถ อย่าพากันเกียจคร้าน ยืน เดิน นั่ง นอน กินอยู่ ขับถ่าย เป็นแค่เพียงอิริยาบท ทำอย่างไรเราถึงจะเข้าถึงใจของเราให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น มีไม่มากหรอก ถ้าเราเข้าใจ มีสติดูใจ ดูแลใจ อบรมใจ แล้วก็ทำความเข้าใจกับสมมติ โลกธรรม ในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว อย่าไปปิดกั้นตัวเราเองว่าไม่มีโอกาสว่าไม่มีเวลา ทุกคนมีโอกาสเหมือนกันหมด แต่ความเพียรจะเหมือนกันหรือไม่ การขัดเกลากิเลสจะได้เต็มที่หรือไม่ บางคนสมมติก็ยังลําบาก บางคนก็สมมติไม่ได้ลําบาก บางคนก็มีเพียบพร้อม ทั้งสมมติ ทั้งวิมุตติ เราก็ต้องมาวิเคราะห์พิจารณา แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเราขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่ ยังมีกําลังอยู่ อย่าไปกังวลว่าจะไปเสียเปรียบกิเลสคนโน้นคนนี้ เราชนะเราแล้ว เราชนะหมด
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนกันนะ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน
พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันนะ
ระวังหน่อย ขโมยขโจรก็เยอะไม่ว่าอยู่ที่ไหน ถ้าใครขโมยขโจร อยากจะได้รางวัลนะ ประกาศตัวเลย จะให้หนึ่งแสนบาท เอาของกลางมาด้วย จะให้ไปตั้งตัวไม่ต้องไปขโมยยาก แอบขโมยของเพื่อน ถ้าที่ไหนที่ใดมีขโมยแค่คนคนเดียว ที่นั่นวุ่นวาย ในบางครั้งบางคราวก็เป็นขโมยโดยสันดาน บางครั้งบางคราวก็เหตุการณ์บังคับ ไม่มีใครอยากจะหลง ไม่มีใครอยากจะเป็นขโมย แต่เป็นโดยวิบากของกรรม เราก็ยกให้เป็นกรรม กรรมเขาก็จะลงโทษเอา คือกรรมสมมติก็ไม่เข้าใจ ทางด้านวิมุตติ ทางด้านจิตใจก็ไม่เข้าใจ มันก็เลยหลงไปกันใหญ่ หลงสร้างกรรมไปกันใหญ่ ก็ยกให้เป็นกรรมของแต่ละบุคคล
บุคคลที่มีบุญมีอานิสงส์ก็พยายามละกรรม สร้างแต่กรรมดีแต่ไม่หลงไม่ยึด จนอยู่เหนือกรรม เหนือบุญเหนือบาป คือใจคลายออกจากความยึดมั่นถือมั่น ดับความเกิด ละกิเลสออกหมดจากใจของตัวเรา อยู่เหนือกรรม เป็นแค่เพียงกิริยา การกระทำ ของเหตุของผลของสติปัญญา มองเห็นหนทางเดินของตัวเรา ว่าจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิด การเกิดมาเป็นมนุษย์นี่ก็เกิดมาในภพของมนุษย์ ความหลงทำให้เกิด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด เกิดมาอยู่ในภพของมนุษย์ แล้วก็กําลังสติปัญญาอีก ศรัทธาอีก ถ้าศรัทธารู้แจ้งเห็นจริง ตามแนวทางของพระพุทธองค์ ก็ไม่เสียเที่ยว ถ้าเป็นศรัทธาที่ยังหลงงมงายอยู่ ก็ยังไม่เข้าถึงจุดหมาย ต้องเป็นศรัทธาที่เกิดจากการเจริญภาวนา รู้แจ้งเห็นจริง ละกิเลสได้ ดับความเกิดได้ การเกิดของจิตวิญญาณ เขาเกิด ไม่รู้ เขาเกิดมานาน
ตั้งแต่เช้ามา เอาแค่ตั้งแต่เช้ามาเขาเกิดสักกี่เรื่อง เรายังไม่รู้เลยเพราะว่าขาดกําลังสติเข้าไปดูแล วิเคราะห์ สังเกต อบรม มันก็หาสิ่งดีๆ นั่นแหละมาปิดมากั้นเอาไว้ มันก็หลอกให้มาวัด มาทำบุญ ก็หลงในบุญ แต่ก็ยังหลงอยู่ ตราบใดที่ใจยังเกิด ก็ยังดี ดีกว่าไปเกิดมลทิน อคติ มลทินต่างๆ ทุกคนก็ปรารถนาหาทางดับทุกข์กันหมด
แนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบเอามาเปิดเผย บุคคลที่มีบุญมีอานิสงส์ ไม่จำเป็นต้องไปหาที่ไหนยากเลย ตื่นขึ้นมาดูใจ รู้ใจ อันนี้ลักษณะของการเจริญสติ เอาสติปัญญาไปใช้ การควบคุมใจ การอบรมใจ ตนเป็นที่พึ่งของตน ‘ตน’ อะไรคือ ‘ตน’ตัวแรก อะไรคือ ‘ตน’ตัวที่สอง คือสติตัวแรก ตัวใจ ใจทำไมถึงเกิดได้ ใจทำไมถึงหลง หลงเกิดวนเวียนมาตั้งแต่เรายังไม่ได้อยู่ในภพของมนุษย์ ก็หลงวนเวียนว่ายตายเกิดในภพน้อยภพใหญ่ บางทีก็ขึ้นสวรรค์ บางทีก็ลงนรก เรามาพยายามดูใจ แก้ไขใจของเราให้ได้ ถึงแก้ไขไม่ได้ก็ให้อยู่ในกองบุญเอาไว้ก็ยังดี เราเกิดมาถ้าบอกตัวเองไม่ได้ ใช้ตัวเองไม่เป็น แล้วก็จะไปที่ไหนก็เหมือนเดิม บุคคลที่มีบุญฟังนิดเดียว เดินเข้าไปถึงฝั่ง ไปรอที่ฝั่งของพระนิพพานโน่น พากันไหว้พระ สมาทานศีล
เตรียมตัวกราบพระพร้อมกันครับ
ดูดีๆ นะ พระเราชีเรา เพียงแค่ดูเรื่องความอยากกับความหิว แยกให้ออก กายเราหิวหรือว่าใจของเราเกิดความยาก ความอยากนี้มีกันทุกคน ความหิวนี้บังคับให้ใจเกิดความอยาก อยาก เกิดความอยาก เกิดความยินดียินร้าย แล้วก็เกิดการปรุงแต่ง อยากมี อยากเป็น อยากคิด ความเกิดนั่นแหละ บางทีก็เจือไปด้วยความทะเยอทะยานอยากของตัวใจ ของตัววิญญาณ เราก็ต้องพยายามแจงให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนแต่มีเหตุมีผล มีปัจจัย ปรุงแต่งเชื่อมโยงกันไป
นอกจากปัญญาของผู้รู้ คือปัญญาของพระพุทธองค์ที่จําแนกแจกแจง ชี้แนะแนวทาง ชี้เหตุชี้ผล ด้วยการเจริญปัญญา ปัญญาที่แท้จริงเป็นอย่างไร ปัญญาที่เกิดจากใจ ปัญญาที่เกิดจากอาการของใจ หรือว่าขันธ์ห้าเป็นอย่างไร ใจนี้หลงมาตั้งนานนะ หลงตั้งแต่ยังไม่ได้อยู่ในภพของมนุษย์ก็หลงเกิด เพียงแค่การเกิดอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ จนกระทั่งมาอยู่ มาสร้างอยู่ในภพของมนุษย์ มีขันธ์ห้าเข้ามาปิดกั้นเอาไว้ แล้วก็ยังเกิดต่อ เกิดต่อ เกิดอันโน้นบ้าง อันนี้บ้าง ในบุญในกุศลบ้างอกุศลบ้าง แล้วก็กลับมาอยู่ในกายของเราใหม่ เกิดทางกายเนื้อ
พระพุทธองค์ท่านถึงบอกว่ากายนี้เปรียบเสมือนกับถ้ำ เปรียบเสมือนกับคูหา ว่ามีอะไรบ้าง ท่านให้เจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ อะไรคือส่วนรูป อะไรคือส่วนนาม ตัวใจนั้นเราจะละกิเลสยังไง ดับยังไงอีก ด้วยการเจริญพรหมวิหาร ด้วยการสร้างบารมี ใจเกิดความโลภ ก็พยายามละความโลภ ใจเกิดความโกรธ เราก็พยายามละความโกรธ ใจยังหลง หลงเกิดแล้วก็หลงยึดในสิ่งต่างๆ เราก็พยายามหัดสังเกต หัดวิเคราะห์ อบรมใจด้วยการสร้างตบะ สร้างบารมี ทุกอย่างก็ล้วนแต่มีเหตุมีผลหมด เว้นเสียแต่ว่าพวกเราจะปฏิบัติให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเราได้หรือไม่เท่านั้นเอง เราพยายาม ไม่เหลือวิสัย
เรื่องจิตใจนี่เป็นของละเอียดอ่อน สลับซับซ้อน บุคคลที่มีความเพียร บุคคลที่มีอานิสงส์มีบุญเพียงพอถึงเวลาก็จะเข้าใจ ทุกคนนี้มาด้วยแรงเหวี่ยงของกรรมทั้งนั้น กายคือก้อนกรรม ตัวใจก็ไปหลงยึด ไปสร้างกรรมก็ไปยึดอีก นอกจากบุคคลที่แยกแยะได้ ตามดูได้ รู้เห็นได้ ชี้เหตุชี้ผลได้ แล้วก็ละกิเลสได้ แล้วดับความเกิดได้ เข้าใจในเรื่องกรรม กรรมเก่ากรรมใหม่ ขันธ์ห้านี่แหละตัวกรรมเลยทีเดียว ตัวใจก็ยังเกิดต่ออีก นอกจากบุคคลที่มีกําลังสติปัญญา แยกแยะ ชี้เหตุชี้ผล ตามดูเหตุดูผล ทุกเรื่อง
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนกระทั่งหมดลมหายใจ จนกระทั่งถึงหมดลมหายใจ แล้วใจยังไปต่ออีก เพราะเขายังเกิดอยู่ เราไม่อยากจะเกิด เราก็ดับความเกิดเสีย คลายกิเลส ละกิเลสให้มันหมดเสีย กายของเรานี่แหละก้อนกิเลส ไม่มีใครอยากจะไปสู่ที่ทุกข์ ไม่มีใครอยากจะไปสู่ที่ลําบาก บางคนก็ฆ่าตัวตายก็มี เพราะว่ารักตัวเอง ไม่อยากจะให้ทุกข์ แต่เขาหาทางดับทุกข์ไม่เป็น ก็เลยฆ่าตัวเองเยอะแยะ บางทีก็วิบากกรรม
จงพยายามดำเนินตามแนวทางคําสอนของพระพุทธองค์ น้อมเข้ามาสู่ใจของเรา บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น สติปัญญาเป็นที่พึ่งของใจ รอบรู้ในกองสังขาร คําว่ากองสังขารของพระพุทธองค์เป็นอย่างไร คําว่าอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นลักษณะอย่างไร อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในขันธ์ห้าเป็นอย่างไร การเกิดการดับของวิญญาณหรือว่าใจ ใจไม่มีตัวมีตนจะรู้ได้อย่างไร เราต้องพยายามเอา สิ่งพวกนี้จะไปว่ากันไม่ได้เลย นอกจากอานิสงส์ผลบุญของแต่ละบุคคลหล่อหลอมลงไป แล้วก็พยายามให้อยู่ในกองบุญเอาไว้
พระเราก็เหมือนกัน ชีเราก็เหมือนกัน อย่าไปเกียจคร้าน พระเกียจคร้านก็ไม่ดี ชีเกียจคร้านก็ไม่ดี โยมฆารวาสเกียจคร้านก็ไม่ดี ต้องเป็นคนขยัน ขยันอยู่ในกองบุญกองกุศล มีศรัทธาแล้วก็มีปัญญารู้แจ้งเห็นจริง ตามแนวทางของพระพุทธองค์ ท่านมีเหตุมีผล ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ทันสมัยที่สุดในโลก ทำไมถึงว่าทันสมัยที่สุดในโลก คือทุกขณะจิต ทุกขณะลมหายใจเข้าออก เพียงแค่นาทีสองนาทีนั้นยังเป็นอดีตไปแล้ว ต้องทุกขณะจิต ทำอย่างไรถึงจะรู้ทุกขณะจิต กําลังสติของเราก็ต้องสร้างขึ้นมา จนเอาไปใช้การใช้งานได้ จนแยกแยะได้ ตามดูได้ ละได้ จนสติ สมาธิ ปัญญารักษาเราเอง จนเป็นอัตโนมัติ นั่นแหละ ถึงเรียกว่า จนวางใจให้เป็นอิสรภาพได้ ใจไม่เกิด การเกิดเป็นทุกข์เขาก็ไม่เกิด เป็นทาสของกิเลสเขาก็ไม่เอา
คนทั่วไปแล้วก็แสวงหาตั้งแต่กิเลสมาทับถมดวงใจของตัวเองอยู่ตลอดเวลา ทั้งความอยาก ทั้งความไม่อยาก ทั้งความทะเยอทะยานอยาก ทั้งความหวัง สารพัดอย่าง อยากในบุญ นี้ก็ปิดกั้นตัวเองนะ อยากเกิดนี้ก็ปิดกั้นตัวเอง มันพูดง่าย การลงมือจริงๆ นั้นก็ต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียรเป็นเลิศ ทุกเรื่องในชีวิต ต้องแจงให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น ถ้าสอนตัวเองไม่ได้ อย่าไปเที่ยวให้คนอื่นเขาสอน ไม่มีประโยชน์ คําสอนของพระพุทธองค์นั้นมีมานานแล้วตั้งหลายพันปีแล้ว หลักอริยสัจของความจริงอันประเสริฐ
ตั้งใจรับพรกัน
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน หลวงพ่อจะขอย้ำตั้งแต่เรื่องนี้แหละ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาพวกท่านได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง พวกท่านได้วิเคราะห์ใจของตัวเองแล้วหรือยัง อบรมใจของตัวเราได้แล้วหรือยัง ข้อวัตรปฏิบัติต่างๆ ที่มีเอาไว้ ก็เพื่อที่จะลดละทิฐิ ละมานะ ละกิเลส
จุดมุ่งหมายของการปฏิบัติ ก็เพื่อที่จะคลายความหลง กิเลสออกให้มันหมดจดจากจิตจากใจของตัวเรา คนทั่วไปก็ยากที่จะเข้าใจถ้าไม่มีความเพียรที่ถูกต้อง เพียงแค่การเจริญสติให้ต่อเนื่องก็ยังยากลำบากอยู่ ทั้งที่ใจเป็นบุญนั่นแหละ คิดก็รู้ ทำก็รู้ ใจลักษณะของใจที่ปกติเป็นอย่างไร ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างไร ใจที่ปรุงแต่งเป็นอย่างไร อาการของใจเป็นอย่างไร
แนวทางนั้นมีมานาน ต้องให้รู้ทุกอิริยาบถ อย่าพากันเกียจคร้าน ยืน เดิน นั่ง นอน กินอยู่ ขับถ่าย เป็นแค่เพียงอิริยาบท ทำอย่างไรเราถึงจะเข้าถึงใจของเราให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น มีไม่มากหรอก ถ้าเราเข้าใจ มีสติดูใจ ดูแลใจ อบรมใจ แล้วก็ทำความเข้าใจกับสมมติ โลกธรรม ในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว อย่าไปปิดกั้นตัวเราเองว่าไม่มีโอกาสว่าไม่มีเวลา ทุกคนมีโอกาสเหมือนกันหมด แต่ความเพียรจะเหมือนกันหรือไม่ การขัดเกลากิเลสจะได้เต็มที่หรือไม่ บางคนสมมติก็ยังลําบาก บางคนก็สมมติไม่ได้ลําบาก บางคนก็มีเพียบพร้อม ทั้งสมมติ ทั้งวิมุตติ เราก็ต้องมาวิเคราะห์พิจารณา แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเราขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่ ยังมีกําลังอยู่ อย่าไปกังวลว่าจะไปเสียเปรียบกิเลสคนโน้นคนนี้ เราชนะเราแล้ว เราชนะหมด
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนกันนะ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน
พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันนะ