หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 095

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 095
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 095
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
มีความสุขกันทุกคน วันนี้อากาศแจ่ม อากาศก็เริ่มเย็น เหลืออีกวันสองวันก็จะออกพรรษากัน ออกพรรษาแล้วก็สิ้นเดือนก็งานกฐิน ญาติโยมท่านใดปรารถนามาร่วม มีผลหมากรากไม้ มีกล้วย มีอ้อย ขนม นมเนย ก็มารวมมาร่วมเป็นบริวารกฐินให้สมบูรณ์ ไม่ต้องอดต้องอยากต้องลําบาก เผลอแป๊บเดียวออกพรรษาแล้ว ผ่านเดือนปีผ่านไปเร็วไว เราต้องพิจารณาหาชีวิตของเรา มองเห็นหนทางเดินว่า อะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน ชีวิตคนเราไม่แน่นอน เกิดขึ้น แล้วก็ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป เกิดเท่าไรตายหมด ไม่ตายช้าก็ตายเร็ว ก่อนที่จะถึงเวลา ก่อนที่จะหมดลมหายใจ ตรงนี้แหละสำคัญ

เราพยายามทำใจของเราให้สะอาดให้บริสุทธิ์ ความตายนี่เดือนนี้เยอะ เดือนนี้เยอะ เมื่อวานนี้ก็มารับโลงไป 1 โลง โลงเรานี้ก็วันละโลงๆ ตายบ่อย ตายเยอะ เดือนที่ผ่านมา 20กว่า เดือนนี้ก็ 10กว่าเข้าไปแล้ว ความตายไม่ได้เลือกว่าเด็กผู้ใหญ่ เราพิจารณา พิจารณาความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตายเหมือนกับพระพุทธองค์ เราก็จะได้ปลง ไม่หลงไม่ยึด เราก็ทำหน้าที่ไปจนกว่าจะหมดลมหายใจ โอกาสพวกเราได้มาร่วมกัน มาช่วยกัน คนละเล็กคนละน้อย ก็เป็นบุญกองใหญ่

อยากดับทุกข์ได้ก็ปฏิบัติตามคําสอนของพระพุทธองค์ว่าท่านสอนเรื่องอะไร ท่านก็สอนเรื่องชีวิตของเรานี่แหละ ไม่ได้สอนเรื่องอะไรหรอก ทำไมใจถึงเกิด ทำไมใจถึงหลง ถ้าไม่อยากจะทุกข์ก็ไม่ต้องเกิดอีก ดับความเกิดให้มันได้ แต่เวลานี้มันทั้งเกิดทั้งหลง เราต้องมาแก้ไข มันละวางไม่ได้ ดับไม่ได้ ก็ให้ใจอยู่ในกองบุญกองกุศลเอาไว้ หมั่นสร้างอานิสงส์สร้างบุญบารมีเอาไว้ ก็จะได้ไม่ได้ลําบาก สักหน่อยก็ได้พลัดพรากจากกัน

หลวงพ่อมาอยู่นี่สามสิบปี มาก่อร่างสร้างตัวอยู่ที่นี่ ผู้เฒ่าผู้แก่ไปกันเกือบหมดแล้วมั้ง ตามที่มองเห็นบ้านสำราญ-บ้านเพี้ยฟาน เหลือถึง 5 คน 10 คนหรือเปล่า รุ่น 70 80 ไปกันหมดแล้วมั้งนะ เหลือตั้งแต่พ่อตาอะไร พ่อตาทรายเหรอ เท่าไร 101 หรือ 102 102 ปี ไปนั่นไปชักผ้าบังสุกุล ว่านอนจะไปแล้วๆ ไปชักบังสุกุลเป็นชักบังสุกุลตาย หลังจากนั้นก็อยู่ยาวมาจนได้กระทั่ง 100 101 102 ปี คงจะในตำบลของเรานี่ก็คงจะมีคุณตาทรายนี่ละมั้งอายุเยอะกว่าเพื่อน ตาหาก็เท่าไหร่แล้ว 50 60 80กว่าๆ ก็นั่นก็ไปจาก คนนี้ก็ไปจาก อีกสักหน่อยก็คงจะถึงตาเราคิวเรา

ให้เราพยายามเตรียมพร้อม เตรียมพร้อมเอาไว้ ไม่มีใครเอาอะไรไปได้สักอย่าง มีแต่คุณงามความดีที่ฝากเอาไว้ อะไรที่จะเป็นบุญเราก็รีบทำ ทำมากทำน้อยก็เป็นของเรา เป็นอานิสงส์ของเรา อยากจะดับทุกข์ หลุดพ้นได้ก็ขัดเกลากิเลส ทำใจให้เป็นพระ บุญยิ่งใหญ่ก็อยู่ที่ใจ บุญสมมติเราก็ช่วยกันทำเท่าที่โอกาสจะเอื้ออํานวยให้ บุญสมมติเราได้ทำร่วมกันได้ แต่วิมุตติการขัดเกลากิเลสต้องขึ้นอยู่กับสติปัญญาของแต่ละบุคคล เพราะว่าสร้างมาไม่เหมือนกัน บางคนก็สร้างมามาก บางคนก็สร้างมาน้อย บางคนก็มาศึกษาทำความเข้าใจจนถึงจุดหมายปลายทาง ได้เหมือนกันหมด พระพุทธองค์ท่านชี้เหตุชี้ผลตั้งแต่ต้นเหตุถึงปลายเหตุ แล้วก็วิธีการ แล้วก็แนวทาง ทุกเรื่องในชีวิต

การดำเนินชีวิต การเลี้ยงดูแลร่างกายของตัวเรา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาลืมตาขึ้นมา จนกระทั่งถึงเวลาจะรับประทานข้าวปลาอาหาร เราก็ต้องดูว่ากายของเราเกิดความหิว หรือว่าใจของเราเกิดความอยาก การแสวงหาข้าวปลาอาหาร การดำเนินชีวิต อะไรคือส่วนรูป อะไรคือส่วนนาม เรามีความสุขมีความพอใจในการสร้างอานิสงส์บุญบารมีของตัวเอง พระเราก็เหมือนกัน ชีเราก็เหมือนกัน มีความสุขในเพศในภาวะของตัวเรา ถ้าจิตใจไม่สงบไม่นิ่ง จิตใจไม่เป็นบุญ ใจก็วิ่งเหมือนกับขังอยู่ในกรง กายเป็นบรรพชิตแต่ใจหนีไปเที่ยวโน่นเที่ยวนี่ ใจไม่ได้อยู่ในความสงบมันก็เลยเป็นทุกข์

เราก็ต้องแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเรา พยายามประคับประคองกายให้อยู่รอดภายใน 5 ปี ไม่ได้ไปก่อน เอาแน่นอนไม่ได้ความตาย ไม่ได้เลือกกาลเลือกเวลา แต่เราก็อย่าประมาท เราก็พยายามดูแลรักษาใจของเรา เรื่องความตายนี่ไม่มีใครชอบกันสักคน มีแต่ผลักไส ทั้งที่เราก็เดินเข้าไปสู่ความตายตลอดเวลา ต้องให้ใจมันตายจากกิเลส ตายจากการเกิด ไม่เกิดมันก็ไม่ทุกข์ ความไม่ทุกข์ของพระพุทธองค์คือความไม่เที่ยง ความเปลี่ยนแปลง เกิดทางกายเนื้อแล้วก็ดูแลรักษาเขาไปจนกว่าจะหมดสภาพ

ท่านให้ไปจัดการเกิดทางวิญญาณอีก ดับความเกิดอีก ทำไมถึงเกิด ทำไมถึงหลง เจริญสติเข้าไปหมั่นพร่ำสอนใจตัวเองตัวเราตลอดเวลา ไปไหนสติเป็นเพื่อนใจ ส่วนมากตัวใจเป็นตัวบงการ เป็นเพื่อนกะขันธ์ห้า เป็นทาสของกิเลสบงการกันไป มันก็เลยดับทุกข์ไม่ได้ พูดง่ายโยม แต่การปฏิบัติการศึกษาจริงๆ ต้องเป็นคนบุคคลที่มีความเพียรเป็นเลิศ รู้ด้วย เห็นด้วย เข้าถึงด้วย ตามดูได้ด้วย แล้วก็ละได้ด้วย แล้วก็ดำเนินสติปัญญาไปทำหน้าที่แทนได้ด้วยทุกเรื่อง กลับกันนิดเดียวพลิกจากสมมติไปหาวิมุตติให้ได้เสียก่อน แยกรูปแยกนามให้ได้ ทำใจให้มองเห็นความเป็นจริงให้ได้ เขาถึงจะยอมรับความเป็นจริงได้ ตราบใดที่ยังแยกไม่ได้ ตามดูไม่ได้ หาเหตุหาผลไม่ได้ กิเลสเขาก็ไม่ยอมแพ้ เพราะว่าเขาหลงมานานเขาเกิดมานาน แต่ก็อย่าไปทิ้งในการทำบุญให้ทาน เป็นพื้นฐานสร้างตบะสร้างบารมีให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน อยู่ใกล้อยู่ไกล มีโอกาสเราทำ อยู่ที่บ้าน ที่ไร่ ที่นา ที่ทำการทำงาน

ให้อภัยตัวเอง ให้อภัยคนอื่น ไม่เอารัดเอาเปรียบคนอื่น มีความจริงใจต่อตัวเราเอง ขยันหมั่นเพียร ถึงเวลาก็จะถึงจุดหมายได้เอง อันนี้สติก็ไม่สร้าง ละกิเลสก็ไม่ละ ใจมันจะสะอาดได้ยังไง ก็มีแต่ความหลง บางทีก็หลงในคุณงามความดี บางทีก็หลงในบุญ แต่ก็ยังหลงอยู่ แต่ก็ยังดี ได้สร้างประโยชน์สร้างอานิสงส์ มันก็หลงในสิ่งที่ดีแต่การเกิดมีอยู่ ถ้ากายเนื้อแตกดับเข้าไปด้วยแรงเหวี่ยงของบุญนั่นแหละ ก็ไปสู่ที่ที่มีความสุขไม่ได้ลําบาก แต่พระพุทธองค์บอกว่ามันยังไม่เที่ยง เราพยายามทำใจให้สะอาดให้บริสุทธิ์ จะได้บุญที่สูงกว่าอานิสงส์ตรงนั้นอีกเยอะแยะ ความเป็นกลางไม่เข้าข้างใคร ไม่เข้าข้างคนใดคนหนึ่ง ไม่เข้าข้างตัวเอง ไม่เข้าข้างสมมติ

ตั้งใจรับพรกัน

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของตัวเราเองให้ชัดเจน แล้วก็ให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเรารู้จักวิธีการแนวทางแล้วหรือยัง หลวงพ่อก็เพียงแค่ย้ำแค่เตือน ว่าการเจริญสติเป็นลักษณะอย่างนี้ การสร้างความรู้ตัวเป็นลักษณะอย่างนี้ ส่วนใจนั้นเขาก็เกิดๆ ดับๆ มาตั้งนานแล้วแหละ

เราพยายามสร้างความรู้สึกรับรู้ให้ชัดเจน ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สักสองสามเที่ยว ความรู้สึกเวลาลมกระทบปลายจมูกนั่นแหละ ภาษาธรรมเขาเรียกว่าสติรู้กาย รู้ทั้งเวลาลมหายใจเข้าหายใจออก เขาเรียกว่าสัมปชัญญะ ถ้าความรู้สึกพลั้งเผลอก็เริ่มใหม่ ความรู้สึกพลั้งเผลอก็เริ่มใหม่ จนปะติดปะต่อจนต่อเนื่อง เขาเรียกว่าสติสัมปชัญญะ จนมีความเข้มแข็งแล้วก็รู้เท่า รู้ทัน รู้ลักษณะของใจ รู้อาการของใจ รู้การเกิดการดับของใจ รู้การเกิดการดับของความคิด ถ้าสังเกตรู้เท่าทันเมื่อไร ใจกับความคิดแยกออกจากกันเมื่อไร นั่นแหละเขาเรียกว่าความเห็นถูก

เห็นถูกในหลักธรรม คือสัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูก เห็นความเกิดความดับ รู้ลักษณะของใจ ตามดูหมั่นอบรมใจตัวเอง ใจเกิดกิเลสก็ละกิเลส ส่วนมากก็ปล่อยไปตามอำเภอใจ ใจปรุงแต่งส่งออกไป ส่งเสริมไปเลย นั่นแหละความหลง หลงอยู่ในความคิด หลงอยู่ในความรู้ ใจยังไม่ได้แยกได้คลาย ต้องพยายาม หมั่นวิเคราะห์หมั่นสังเกต สักวันหนึ่งก็จะเข้าใจในการดำเนินชีวิตของตัวเรา

แต่เวลานี้กําลังสติมีน้อยเต็มทนหรือแทบไม่มีเลย สร้างความระลึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจน อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็รู้ว่าลมหายใจวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา ทำกายให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกให้ชัดเจนกันนะ

พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอา

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง