หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 78
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 78
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 78
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 10 สิงหาคม 2558
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่าน จงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของตัวเราเองให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้วิเคราะห์กาย วิเคราะห์ใจ เราได้สร้างความรู้ตัว รู้จักลักษณะของคําว่าเจริญสติอยู่ปัจจุบันให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเถอะนะ
นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย แล้วก็วางใจให้สบาย ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย ลองหายใจเขาไปยาวๆลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ อันนี้เป็นแค่เพียงอุบายในการเจริญสติให้อยู่กับกายเท่านั้น เราต้องพยายามสร้างขึ้นมา ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ จนกระทั่งถึงเวลานี้ เดี๋ยวนี้ จนเอาไปใช้การใช้งานได้ อบรมใจของเราได้ ทำไมใจถึงเกิด ทำไมใจถึงหลง
เพียงแค่การเกิด การปรุงแต่งของใจนั่นก็คือความหลง ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด ใจมาสร้างกายเนื้อ มาสร้างภพของมนุษย์มีขันธ์ซึ่งเรียกว่าขันธ์ห้า มีวิญญาณหรือว่าตัวใจเข้ามาครอบครอง แล้วก็มายึดในกายนี้อีก แล้วก็ไปยึดทุกสิ่งทุกอย่างอีก แล้วก็เป็นทาสของกิเลสอีก เราต้องมาเจริญสติเข้าไปตามดู ตามรู้ ตามเห็น จนกว่าใจของเราจะคลายจากขันธ์ห้าเสียก่อน ซึ่งเรียกว่าแยกรูปแยกนาม ใจพลิก ใจหงาย ใจคลาย แล้วก็ตามดู เราก็จะเห็นการเกิดการดับของขันธ์ห้า ซึ่งเรียกว่าเห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในขันธ์ห้าของตัวเรา เราก็จะเข้าใจในคําสอนของพระพุทธองค์ว่าท่านสอนเรื่องอะไร
คําว่าอัตตา อนัตตา ของพระพุทธองค์เป็นอย่างไร การเกิด ใจส่งไปภายนอกเป็นอย่างไร อะไรคือสติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมาแล้วเอาไปใช้ เอาไปตามดู เห็นเหตุเห็นผล ชี้เหตุชี้ผลถึงกับต้นเหตุ ส่วนมากนั้นใจก็ปิดบังอำพรางตัวเอง มาสร้างกายเนื้อปิดบังอำพรางตัวเอง แล้วก็หาสิ่งดีๆ มาปิดบังอำพรางตัวเอง แม้แต่การเกิดก็ปิดบังอำพรางตัวใจ เขาสร้างขันธ์ห้าซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรม ด้วยการมาปิดบังอำพราง และกระทั่งมีทั้งความดี ทั้งความไม่ดี มีทั้งการไป ทั้งการมา ทั้งการไม่ไปไม่มา ปิดบังอำพรางตัวเอาไว้เยอะ
เราต้องมาเจริญสติเข้าไปดู เห็นเหตุเห็นผล ตามเหตุตามผล จนใจยอมรับความเป็นจริง จนใจหมดหนทางที่จะหาอะไรมาโต้แย้งได้นั่นแหละ เขาถึงจะปล่อยจะวาง เขาปล่อยเขาวางแล้วเราก็ต้องเจริญสติเข้าไปละกิเลส ดับกิเลสอีก เป็นเรื่องของเราทุกคน จะไปแสวงหาธรรม แสวงหาที่โน่นที่นี่ก็เป็นแค่เพียงไปแสวงหาแนวทางเท่านั้นเอง
แนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบมานาน พวกเราพยายามดำเนินให้ถึงจุดหมายกันให้เร็วให้ไว ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ปรับปรุงตัวเราใหม่ อยู่คนเดียว เราต้องเข้าถึงตราบใดที่เรายังมีความขยันหมั่นเพียรที่ถูกทาง ตราบใดที่เรายังมีการขัดเกลากิเลสอยู่ เราต้องหมั่นพร่ำสอนตัวให้ได้ บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น อย่าไปเที่ยวให้คนอื่นเขาสอน จะไม่เกิดประโยชน์อะไร เราต้องพยายามหมั่นพร่ำสอนตัวเรา
ลักษณะของการเจริญสติที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างนี้ ใจที่ปกติเป็นอย่างนี้ๆ ใจที่สงบ ใจที่ปราศจากกิเลส ใจที่คลายออกจากความคิด กิเลสหยาบ กิเลสละเอียดเขาก่อตัวอย่างไร เขาเกิดอย่างไร จนกระทั่งถึงเวลานี้ เดี๋ยวนี้ จนกระทั่งถึงเวลาจะขบจะฉัน กายของเราเกิดความหิว หรือว่าใจของเราเกิดความอยาก กิเลสเกิดขึ้นที่กายหรือว่ากิเลสเกิดขึ้นที่ใจ ใจปรุงแต่ง ใจไปรวมไปร่วม ไปใจไปเสวยได้อย่างไร เราก็ต้องพยายามศึกษาให้ละเอียด ไม่ถึงช้าก็ต้องถึงเร็วตราบใดที่เรายังฝึกอยู่
อยู่หลายคนเราก็ดูเรา อยู่คนเดียวเราก็ดูเรา อยู่หลายคนอาจจะมีพันธะภาระเพิ่มขึ้นมา เราก็ต้องเพิ่มความรับผิดชอบให้สูงยิ่งขึ้นไป จากภาระเป็นหน้าที่ จากหน้าที่เป็นความรับผิดชอบต่อส่วนตัวต่อส่วนรวม ให้เกิดประโยชน์ให้เต็มเปี่ยม ประโยชน์ทั้งภายนอก ประโยชน์ทั้งภายใน ท่านถึงบอกว่าให้รอบรู้ในกองสังขาร ให้รอบรู้ในดวงวิญญาณของตัวเรา แล้วก็รอบรู้ในโลกธรรม อย่ารู้ตั้งแต่ชื่อ เราต้องพยายามดู รู้เห็นด้วย ทำความเข้าใจได้ด้วย การพูดการจาก็เป็นแค่เพียงสื่อสมมติ สื่อสารกันเท่านั้นเอง ตามหลักของความเป็นจริงแล้วไม่มีอะไรเลย ไม่มีอะไรเลย ใจของเราสร้างให้มีให้เกิด เราก็มาเจริญสติคลายออกจนไม่ให้มี ไม่ให้เหลือ ทีนี้ก็มีอยู่ในแค่เพียงสมมติเท่านั้น
กายของเรา ถ้าหมดลมหายใจก็กลับคืนสู่สภาพเดิมคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เหมือนเดิม ตัววิญญาณตราบใดที่ยังเกิด ยังหลงอยู่ เขาก็ต้องไปต่อ เราก็ต้องพยายามดับความเกิดให้ได้เสียขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่ ได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็พยายามทำทุกเรื่องในชีวิต ยิ่งเจริญสติต่อเนื่องเชื่อมโยงเท่าไร ยิ่งเห็นเยอะ ยิ่งเห็นเยอะเท่าไรยิ่งทำความเข้าใจ เพราะว่าทุกคนก็หลงมาถึงได้มาเกิด จะมีกิเลสมากกิเลสน้อย กิเลสฝ่ายกุศล หรือว่าอกุศล เราก็ต้องทำความเข้าใจ แล้วก็ค่อยละ
กายของเราทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหก ทำหน้าที่อย่างไร หู ตา จมูก ลิ้น กาย เป็นทางผ่านเข้าไปถึงใจ การเกิดการดับของใจ ใจไม่มีกิเลสเขาก็ว่าง แต่เขายังปรุงแต่งอยู่ แล้วมาดับการเกิดการปรุงแต่งอีก หลายชั้นหลายขั้นหลายตอน เราต้องพยายามทำความเข้าใจอย่าไปท้อ ยิ่งใหม่ๆ นี่ถ้าท้อเราก็หมดโอกาสเลย เราก็ต้องพยายามกันนะ
ไม่ว่าพระ ว่าโยม ว่าชี มีอะไรก็ช่วยกัน งานหนักก็จะเป็นงานเบา จากงานเบาก็แทบจะไม่มี แต่ละวันๆ เราก็ช่วยกัน ช่วยกันปลูกต้นไม้ ช่วยกันดูแลรักษาความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ที่โน่นบางที่นี่บ้าง เห็นว่างานก็เริ่มคลาย วันนี้พระเรา พระหนุ่ม เณรน้อยทั้งชี พากันไปช่วยเคลียร์โรงทานที่ลานมหาเจดีย์กันนะ ได้ช่วยกันเอาหินคลุกไปโปรยตรง ตรงไหนมันมีน้ำเฉอะๆ แฉะๆ ตรงไหนที่มันไม่ดีเราก็ไปช่วยกัน เพราะว่าจะได้เคลียร์ จะได้วางบูชาบวงสรวงสถานที่ก่อนที่จะได้ขึ้นองค์มหาเจดีย์ใหญ่
เรามีโอกาสมาก เราได้มาร่วมรวมพลัง รวมบุญ จุดเทียนเล่มใหญ่ไว้เล่มหนึ่ง ต่อไปมหาชนก็จะมาจุดต่อสว่างไสว ไม่จบไม่สิ้น ฝากเอาไว้ในแผ่นดิน ฝากเอาไว้ในใจของเราทุกคน เป็นสมบัติของส่วนกลาง พวกเรามีโอกาสมาก ก็ได้ร่วมกันมาก จากน้อยๆ ไปหามากๆ ต่อไปในวันข้างหน้า พวกเราทำเอาไว้ คนรุ่นหลังก็จะได้มาสร้างสานต่อไม่จบไม่สิ้น เราก็จะได้มีความสุข คนอื่นมาก็มีความสุข
เดี๋ยวนี้น้ำกําลังจะเข้าเต็มบ่อ บ่อใหญ่ก็เต็ม ไหลไปบ่อเล็ก ไหลไปทางลานองค์มหาเจดีย์ อีกประมาณสักอาทิตย์หนึ่งก็คงจะเต็มถ้าน้ำไหลไม่หยุด นี่แหละก็จะได้เกิดความสวยความงาม ต้นไม้เราก็พากันช่วยกันปลูก ภายใน 5 ปี ดอกไม้คงออกดอกก่อนที่มหาเจดีย์เสร็จ เราก็จะฉลองสมโภชทั้งอยู่กลางดงดอกไม้ จะได้มีความสุข พวกเรามีโอกาสมาร่วมกัน วันนี้เราพากันไปช่วยกัน ไปช่วยกันปรับที่ปรับทางให้ดี อะไรไม่ดี เราก็พยายามเก็บ พยายามเก็บ พยายามทำความสะอาดให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ก็จะได้ตั้งเครื่องบูชาภพภูมิ สถานที่ระลึกนึกถึงองค์ของพระพุทธองค์ แล้วก็จะได้สร้างองค์มหาเจดีย์ องค์มหาเจดีย์พุทธเมตตาหลวงนามของพระพุทธองค์ คือพุทธะ คือผู้รู้ รู้อะไร รู้ใจตัวเรา ไม่ให้ใจของเราเกิดกิเลสเป็นทาสของกิเลส ไม่ให้ใจของเราหลง
แนวทางนั้นท่านได้ค้นพบหลักของความจริงของชีวิต มีกันทุกคน เราจะดำเนินตามแนวทางของท่านหรือไม่ ปฏิบัติตามจนปรากฏขึ้นที่ใจของตัวเรา ท่านถึงบอกให้เชื่อ ก็พยายามกัน อย่าไปท้อถอย อย่าไปให้เกียจคร้านทั้งกลางวัน ทั้งกลางคืน ยืน เดิน นั่ง นอน ก็ขอให้เป็นแค่เพียงอิริยาบถ
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรานะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถนะ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 10 สิงหาคม 2558
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่าน จงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของตัวเราเองให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้วิเคราะห์กาย วิเคราะห์ใจ เราได้สร้างความรู้ตัว รู้จักลักษณะของคําว่าเจริญสติอยู่ปัจจุบันให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเถอะนะ
นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย แล้วก็วางใจให้สบาย ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย ลองหายใจเขาไปยาวๆลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ อันนี้เป็นแค่เพียงอุบายในการเจริญสติให้อยู่กับกายเท่านั้น เราต้องพยายามสร้างขึ้นมา ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ จนกระทั่งถึงเวลานี้ เดี๋ยวนี้ จนเอาไปใช้การใช้งานได้ อบรมใจของเราได้ ทำไมใจถึงเกิด ทำไมใจถึงหลง
เพียงแค่การเกิด การปรุงแต่งของใจนั่นก็คือความหลง ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด ใจมาสร้างกายเนื้อ มาสร้างภพของมนุษย์มีขันธ์ซึ่งเรียกว่าขันธ์ห้า มีวิญญาณหรือว่าตัวใจเข้ามาครอบครอง แล้วก็มายึดในกายนี้อีก แล้วก็ไปยึดทุกสิ่งทุกอย่างอีก แล้วก็เป็นทาสของกิเลสอีก เราต้องมาเจริญสติเข้าไปตามดู ตามรู้ ตามเห็น จนกว่าใจของเราจะคลายจากขันธ์ห้าเสียก่อน ซึ่งเรียกว่าแยกรูปแยกนาม ใจพลิก ใจหงาย ใจคลาย แล้วก็ตามดู เราก็จะเห็นการเกิดการดับของขันธ์ห้า ซึ่งเรียกว่าเห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในขันธ์ห้าของตัวเรา เราก็จะเข้าใจในคําสอนของพระพุทธองค์ว่าท่านสอนเรื่องอะไร
คําว่าอัตตา อนัตตา ของพระพุทธองค์เป็นอย่างไร การเกิด ใจส่งไปภายนอกเป็นอย่างไร อะไรคือสติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมาแล้วเอาไปใช้ เอาไปตามดู เห็นเหตุเห็นผล ชี้เหตุชี้ผลถึงกับต้นเหตุ ส่วนมากนั้นใจก็ปิดบังอำพรางตัวเอง มาสร้างกายเนื้อปิดบังอำพรางตัวเอง แล้วก็หาสิ่งดีๆ มาปิดบังอำพรางตัวเอง แม้แต่การเกิดก็ปิดบังอำพรางตัวใจ เขาสร้างขันธ์ห้าซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรม ด้วยการมาปิดบังอำพราง และกระทั่งมีทั้งความดี ทั้งความไม่ดี มีทั้งการไป ทั้งการมา ทั้งการไม่ไปไม่มา ปิดบังอำพรางตัวเอาไว้เยอะ
เราต้องมาเจริญสติเข้าไปดู เห็นเหตุเห็นผล ตามเหตุตามผล จนใจยอมรับความเป็นจริง จนใจหมดหนทางที่จะหาอะไรมาโต้แย้งได้นั่นแหละ เขาถึงจะปล่อยจะวาง เขาปล่อยเขาวางแล้วเราก็ต้องเจริญสติเข้าไปละกิเลส ดับกิเลสอีก เป็นเรื่องของเราทุกคน จะไปแสวงหาธรรม แสวงหาที่โน่นที่นี่ก็เป็นแค่เพียงไปแสวงหาแนวทางเท่านั้นเอง
แนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบมานาน พวกเราพยายามดำเนินให้ถึงจุดหมายกันให้เร็วให้ไว ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ปรับปรุงตัวเราใหม่ อยู่คนเดียว เราต้องเข้าถึงตราบใดที่เรายังมีความขยันหมั่นเพียรที่ถูกทาง ตราบใดที่เรายังมีการขัดเกลากิเลสอยู่ เราต้องหมั่นพร่ำสอนตัวให้ได้ บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น อย่าไปเที่ยวให้คนอื่นเขาสอน จะไม่เกิดประโยชน์อะไร เราต้องพยายามหมั่นพร่ำสอนตัวเรา
ลักษณะของการเจริญสติที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างนี้ ใจที่ปกติเป็นอย่างนี้ๆ ใจที่สงบ ใจที่ปราศจากกิเลส ใจที่คลายออกจากความคิด กิเลสหยาบ กิเลสละเอียดเขาก่อตัวอย่างไร เขาเกิดอย่างไร จนกระทั่งถึงเวลานี้ เดี๋ยวนี้ จนกระทั่งถึงเวลาจะขบจะฉัน กายของเราเกิดความหิว หรือว่าใจของเราเกิดความอยาก กิเลสเกิดขึ้นที่กายหรือว่ากิเลสเกิดขึ้นที่ใจ ใจปรุงแต่ง ใจไปรวมไปร่วม ไปใจไปเสวยได้อย่างไร เราก็ต้องพยายามศึกษาให้ละเอียด ไม่ถึงช้าก็ต้องถึงเร็วตราบใดที่เรายังฝึกอยู่
อยู่หลายคนเราก็ดูเรา อยู่คนเดียวเราก็ดูเรา อยู่หลายคนอาจจะมีพันธะภาระเพิ่มขึ้นมา เราก็ต้องเพิ่มความรับผิดชอบให้สูงยิ่งขึ้นไป จากภาระเป็นหน้าที่ จากหน้าที่เป็นความรับผิดชอบต่อส่วนตัวต่อส่วนรวม ให้เกิดประโยชน์ให้เต็มเปี่ยม ประโยชน์ทั้งภายนอก ประโยชน์ทั้งภายใน ท่านถึงบอกว่าให้รอบรู้ในกองสังขาร ให้รอบรู้ในดวงวิญญาณของตัวเรา แล้วก็รอบรู้ในโลกธรรม อย่ารู้ตั้งแต่ชื่อ เราต้องพยายามดู รู้เห็นด้วย ทำความเข้าใจได้ด้วย การพูดการจาก็เป็นแค่เพียงสื่อสมมติ สื่อสารกันเท่านั้นเอง ตามหลักของความเป็นจริงแล้วไม่มีอะไรเลย ไม่มีอะไรเลย ใจของเราสร้างให้มีให้เกิด เราก็มาเจริญสติคลายออกจนไม่ให้มี ไม่ให้เหลือ ทีนี้ก็มีอยู่ในแค่เพียงสมมติเท่านั้น
กายของเรา ถ้าหมดลมหายใจก็กลับคืนสู่สภาพเดิมคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เหมือนเดิม ตัววิญญาณตราบใดที่ยังเกิด ยังหลงอยู่ เขาก็ต้องไปต่อ เราก็ต้องพยายามดับความเกิดให้ได้เสียขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่ ได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็พยายามทำทุกเรื่องในชีวิต ยิ่งเจริญสติต่อเนื่องเชื่อมโยงเท่าไร ยิ่งเห็นเยอะ ยิ่งเห็นเยอะเท่าไรยิ่งทำความเข้าใจ เพราะว่าทุกคนก็หลงมาถึงได้มาเกิด จะมีกิเลสมากกิเลสน้อย กิเลสฝ่ายกุศล หรือว่าอกุศล เราก็ต้องทำความเข้าใจ แล้วก็ค่อยละ
กายของเราทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหก ทำหน้าที่อย่างไร หู ตา จมูก ลิ้น กาย เป็นทางผ่านเข้าไปถึงใจ การเกิดการดับของใจ ใจไม่มีกิเลสเขาก็ว่าง แต่เขายังปรุงแต่งอยู่ แล้วมาดับการเกิดการปรุงแต่งอีก หลายชั้นหลายขั้นหลายตอน เราต้องพยายามทำความเข้าใจอย่าไปท้อ ยิ่งใหม่ๆ นี่ถ้าท้อเราก็หมดโอกาสเลย เราก็ต้องพยายามกันนะ
ไม่ว่าพระ ว่าโยม ว่าชี มีอะไรก็ช่วยกัน งานหนักก็จะเป็นงานเบา จากงานเบาก็แทบจะไม่มี แต่ละวันๆ เราก็ช่วยกัน ช่วยกันปลูกต้นไม้ ช่วยกันดูแลรักษาความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ที่โน่นบางที่นี่บ้าง เห็นว่างานก็เริ่มคลาย วันนี้พระเรา พระหนุ่ม เณรน้อยทั้งชี พากันไปช่วยเคลียร์โรงทานที่ลานมหาเจดีย์กันนะ ได้ช่วยกันเอาหินคลุกไปโปรยตรง ตรงไหนมันมีน้ำเฉอะๆ แฉะๆ ตรงไหนที่มันไม่ดีเราก็ไปช่วยกัน เพราะว่าจะได้เคลียร์ จะได้วางบูชาบวงสรวงสถานที่ก่อนที่จะได้ขึ้นองค์มหาเจดีย์ใหญ่
เรามีโอกาสมาก เราได้มาร่วมรวมพลัง รวมบุญ จุดเทียนเล่มใหญ่ไว้เล่มหนึ่ง ต่อไปมหาชนก็จะมาจุดต่อสว่างไสว ไม่จบไม่สิ้น ฝากเอาไว้ในแผ่นดิน ฝากเอาไว้ในใจของเราทุกคน เป็นสมบัติของส่วนกลาง พวกเรามีโอกาสมาก ก็ได้ร่วมกันมาก จากน้อยๆ ไปหามากๆ ต่อไปในวันข้างหน้า พวกเราทำเอาไว้ คนรุ่นหลังก็จะได้มาสร้างสานต่อไม่จบไม่สิ้น เราก็จะได้มีความสุข คนอื่นมาก็มีความสุข
เดี๋ยวนี้น้ำกําลังจะเข้าเต็มบ่อ บ่อใหญ่ก็เต็ม ไหลไปบ่อเล็ก ไหลไปทางลานองค์มหาเจดีย์ อีกประมาณสักอาทิตย์หนึ่งก็คงจะเต็มถ้าน้ำไหลไม่หยุด นี่แหละก็จะได้เกิดความสวยความงาม ต้นไม้เราก็พากันช่วยกันปลูก ภายใน 5 ปี ดอกไม้คงออกดอกก่อนที่มหาเจดีย์เสร็จ เราก็จะฉลองสมโภชทั้งอยู่กลางดงดอกไม้ จะได้มีความสุข พวกเรามีโอกาสมาร่วมกัน วันนี้เราพากันไปช่วยกัน ไปช่วยกันปรับที่ปรับทางให้ดี อะไรไม่ดี เราก็พยายามเก็บ พยายามเก็บ พยายามทำความสะอาดให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ก็จะได้ตั้งเครื่องบูชาภพภูมิ สถานที่ระลึกนึกถึงองค์ของพระพุทธองค์ แล้วก็จะได้สร้างองค์มหาเจดีย์ องค์มหาเจดีย์พุทธเมตตาหลวงนามของพระพุทธองค์ คือพุทธะ คือผู้รู้ รู้อะไร รู้ใจตัวเรา ไม่ให้ใจของเราเกิดกิเลสเป็นทาสของกิเลส ไม่ให้ใจของเราหลง
แนวทางนั้นท่านได้ค้นพบหลักของความจริงของชีวิต มีกันทุกคน เราจะดำเนินตามแนวทางของท่านหรือไม่ ปฏิบัติตามจนปรากฏขึ้นที่ใจของตัวเรา ท่านถึงบอกให้เชื่อ ก็พยายามกัน อย่าไปท้อถอย อย่าไปให้เกียจคร้านทั้งกลางวัน ทั้งกลางคืน ยืน เดิน นั่ง นอน ก็ขอให้เป็นแค่เพียงอิริยาบถ
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรานะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถนะ