หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 68
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 68
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 68
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2558
วันนี้อากาศแจ่ม คงจะแล้งไปอีกหลายวัน ประเทศชาติบ้านเมืองก็แล้งกันไปทั่ว น้ำเขื่อนก็เกือบจะหมดแทบทุกเขื่อน ฟังข่าวยินข่าว ก็คงจะแล้งอีกสักเดือนหนึ่งหรืออีกสักครึ่งเดือน ชาวบ้านก็ลําบากเรื่องน้ำทำไร่ทำนา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เพราะว่าฝนฟ้าไม่ตกตามฤดูกาล การงานก็เดินไปได้เยอะ หนักเอาเบาสู้ ทั้งพระใหม่พระเก่า มาฝึกความขยันหมั่นเพียร ฝึกความรับผิดชอบ จากการเจริญสติไปด้วย ความขยันต้องเป็นเลิศ ละความเกียจคร้าน ละความเห็นแก่ตัว จัดระบบระเบียบของกาย ของวาจา ของใจ ไปพัฒนาตัวเราไปเรื่อยๆ จากน้อยๆ ไปหามากๆ ไม่ใช่ว่าทำปุ๊บมันได้ปั๊บ
เราต้องสร้างความขยันหมั่นเพียร สร้างความรับผิดชอบ ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่กิน ไม่เห็นแก่นอน เป็นบุคคลที่มีความเสียสละอย่างยิ่งยวด ถึงเวลา การปล่อยการวางก็จะปล่อยวางได้เร็วได้ไว ใจก็จะคลายออกจากความยึดมั่นถือมั่น ใจก็จะคลายออกจากความคิด คลายออกจากขันธ์ห้า สติปัญญาตามดู รู้เห็นตามความเป็นจริง มองเห็นหลักของอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ตามแนวทางของพระพุทธองค์ ว่าพระพุทธเจ้าท่านมองเห็นโลกนี้มีแต่ของว่าง แต่พวกเราทำไมมองเห็นโลกนี้มีตั้งแต่ตัวแต่ตน อันนั้นก็ของเรา อันนี้ก็ของเรา อันนี้ก็ตัวตนของเรา ในทางสมมติเป็นของเรา ตัวตนก็ของเรา
แต่ในทางวิมุตติท่านให้จําแนกแจกแจง แยกให้ได้ บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น ว่าอะไรเป็นอะไร ที่พระพุทธองค์ท่านบอกว่าเป็นกองเป็นขันธ์ มันรวมกันได้อย่างไร กองรูป กองนาม กองความคิด กองอารมณ์ กองอกุศล กองกุศล อะไรควรละ อะไรควรเจริญ แต่พวกเราเอาผสมปนเปเป็นก้อนเดียว ไปด้วยกันทั้งก้อน ก็ยังดีที่มีใจน้อมนําเข้ามาในกองบุญ เอาบุญเป็นที่ตั้งก็ยังดี
หลวงพ่อก็พาทำ พาสร้าง พาทำตั้งแต่ไม่มีอะไรนั่นแหละ ทำให้ทุกคนได้อยู่ดีมีความสุข ถนนหนทางก็ทำให้พวกท่านได้เดินได้เหยียบได้ย่ำ ห้องส้วมห้องน้ำไม่มี ก็พยายามค่อยทำทั้งกลางวันทั้งกลางคืน ให้พวกท่านได้ใช้อยู่ดีมีความสุข ที่พักที่อาศัยไม่มี ก็พยายามอดตาหลับขับตานอนทำ พวกท่านมาทีหลังก็มองเห็นตั้งแต่ผลอานิสงส์ความสุขความสบายส่งถึงพวกท่าน ก็มีความสุข อย่าพากันงอมืองอเท้า อย่าพากันเกียจคร้าน แม้แต่ต้นไม้แต่ละต้น กว่าจะปลูกได้ให้ร่มเงาได้ ก็ต้องขุดเอารากเพ็กออกเสียก่อน ทำความสะอาดเสียก่อน ปรับสภาพดินเสียก่อน ทุกตารางเมตร ทุกตารางนิ้ว ไม่ใช่ว่ามันจะมีจะเกิดขึ้นนั่นเลย กว่าจะปรับปรุงเพียงแค่ระดับของสมมติให้อยู่ดีมีความสุขได้ ก็ใช้ความเพียรของทุกคนที่หล่อหลอมรวมกันช่วยกัน จากวันเป็นเดือนเป็นปี ตั้งร่วม 30 ปีนะ
สมัยก่อนไม่เป็นอย่างนี้หรอก ให้พากันสร้างความขยัน สร้างความรับผิดชอบ มีความเสียสละ อย่าพากันเกียจคร้าน ก็ทำให้ทุกคนนั่นแหละ นี่ถ้าไม่มีความเสียสละก็คงจะทำไม่ได้ อะไรก็ทำให้ ทำให้ เพื่ออนุเคราะห์ อนุเคราะห์ให้หมด ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ที่อยู่ที่กิน วัดภายในก็ทำ วัดภายนอกก็ทำ ทำให้ถูกต้องตามสมมติ แม้กระทั่งแต่งตั้งวัด ตั้งวัดขึ้นมา แล้วก็แต่งตั้งเจ้าอาวาสให้สมบูรณ์แบบ ทุกคนไปมาก็จะได้อยู่ดีมีความสุข แล้วก็มาสร้างสานต่อ พวกเราจากไปคนรุ่นหลังก็จะมาสานต่อ ไม่ได้ลําบาก
วันนี้ พระเรา ชีเรา ไปรวมพลังกันทำโรงทาน ส่วนชีเราก็ไปช่วยกันผูกเหล็ก มัดเหล็ก ทำคานกําแพง ส่วนญาติโยมเราก็ไปช่วยกัน ญาติโยมที่มาอาศัยวัด ก็พยายามสร้างความรับผิดชอบ สร้างความเสียสละ มีอะไรก็ช่วยกันดูแล ไม่ใช่ว่างอมืองอเท้า เอาแต่ความเกียจคร้านเข้าครอบงำ ไปที่ไหนก็จะไม่เกิดประโยชน์ อะไรเราพอช่วยกันได้เราก็ช่วย ความสะอาด ความเป็นระเบียบ จัดระบบระเบียบของตัวเรา ก็จะได้มาอยู่รวมกันได้ ทุกคนได้มาอยู่ร่วมกันก็เพราะได้สร้างบุญร่วมกันนั่นแหละ ถึงได้มาอยู่ร่วมกัน ถ้าไม่เคยสร้างบุญร่วมกันมาก่อน ก็ไม่ได้มาอยู่ร่วมกัน ในเมื่อพวกเรามาอยู่ร่วมกัน เราก็พยายามสร้างความขยัน สร้างความสมัครสมานสามัคคี ส่วนกิเลสภายในเราก็ต้องเจริญสติเข้าไปอบรมใจของเรา
ตั้งใจรับพร
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออก กระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ถึงเราหยุดไม่ได้ เราละไม่ได้ เราเดินปัญญา แยกรูปแยกนามไม่ได้ ก็ขอให้หยุดด้วยการสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจเข้าออกของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบาย ไม่ต้องพนมมือ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย
ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ ห้ามกระดุกกระดิกร่างกาย นั่งตรงๆ นั่งดีๆ เด็กนั่งนิ่งๆ ลองดูซิ ความนิ่งๆ นั่นแหละกายก็สงบแล้ว แล้วก็สูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ พอผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ เวลาเราสูดลมหายใจเข้ายาวออกยาว จะมีความรู้สึกรับรู้เวลาลมกระทบปลายจมูกของเรา นั่นแหละความรู้สึกตรงนั้นแหละ เขาเรียกว่า ‘สติรู้กาย’
เราพยายามสร้างความรู้สึกตรงนี้ให้ต่อเนื่อง เวลาหายใจเข้าหายใจออก ตื่นขึ้นมาไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน หายใจเข้า หายใจออก หายใจละเอียด หายใจหยาบ หายใจยาว มีความรู้ที่ต่อเนื่อง เขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ พยายามฝึกบ่อยๆ จนเป็นอัตโนมัติ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา
ยืน เดิน นั่ง นอน กินอยู่ ขับถ่าย อันนี้เพียงแค่ฝึกแค่สร้าง ให้มีให้เกิด ตรงนี้เราก็ยาก แล้วก็ไม่ค่อยจะทำให้ต่อเนื่อง ทั้งที่ใจอยากได้บุญ อยากรู้ธรรมอยากเห็นธรรม ใจเกิดอยู่ตลอดเวลา ความเกิดของใจนั่นแหละเขาปิดกั้นตัวเขาไว้หมดในชั้นแรกเลยทีเดียว จะว่าชั้นแรกชั้นภายในก็ได้ ถ้าไล่เรียงลงไปเรื่อยๆ มันก็หลายชั้นอยู่ อันนี้ชั้นแรกของความคิดที่เกิด แต่เขาเกิดมานานแล้ว เขาเกิดมาสร้างกายเนื้อ มาสร้างขันธ์ห้า มาเป็นปิดกั้นตัวเขาเอาไว้ แล้วเขาก็เกิดต่ออีก เขาก็เป็นทาสของกิเลสอีก
นอกจากบุคคลที่มีบุญมีอานิสงส์ รู้จักวิเคราะห์พิจารณา เจริญสติ เจริญปัญญา เข้าไปวิเคราะห์ สังเกตแยกแยะ ตามดูตามรู้ตามเห็น มองเห็นตามความเป็นจริง ถึงจะมองออกว่าอะไรเป็นอะไร ส่วนมากก็รวมกันเป็นก้อน คิดก็รู้ ทำก็รู้ แต่มันเป็นปัญญาของโลกียะ บางทีก็เป็นบุญอยู่ระดับของสมมติ แต่ก็ยังหลงอยู่
ตราบใดที่ยังคลายขันธ์ห้าไม่ได้ ดับความเกิดไม่ได้ของจิตจริงๆ นั้นยังหลงอยู่ หลงอยู่ในหลายชั้น ชั้นหยาบ ชั้นละเอียด แต่ก็อย่าไปทิ้งในการทำบุญในการสร้างตบะบารมี ความขยันมั่นเพียรของเรามีความเสียสละ ความอดทนอดกลั้น มีความจริงใจต่อตัวเราเอง มีความอ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักแก้ไขปรับปรุง สักวันหนึ่งเราก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน แต่เวลานี้การเจริญสติเราขาดกันมากทีเดียว
สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจเข้าออกให้ชัดเจน ให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันนะ อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กันค่อยไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจเอานะ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2558
วันนี้อากาศแจ่ม คงจะแล้งไปอีกหลายวัน ประเทศชาติบ้านเมืองก็แล้งกันไปทั่ว น้ำเขื่อนก็เกือบจะหมดแทบทุกเขื่อน ฟังข่าวยินข่าว ก็คงจะแล้งอีกสักเดือนหนึ่งหรืออีกสักครึ่งเดือน ชาวบ้านก็ลําบากเรื่องน้ำทำไร่ทำนา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เพราะว่าฝนฟ้าไม่ตกตามฤดูกาล การงานก็เดินไปได้เยอะ หนักเอาเบาสู้ ทั้งพระใหม่พระเก่า มาฝึกความขยันหมั่นเพียร ฝึกความรับผิดชอบ จากการเจริญสติไปด้วย ความขยันต้องเป็นเลิศ ละความเกียจคร้าน ละความเห็นแก่ตัว จัดระบบระเบียบของกาย ของวาจา ของใจ ไปพัฒนาตัวเราไปเรื่อยๆ จากน้อยๆ ไปหามากๆ ไม่ใช่ว่าทำปุ๊บมันได้ปั๊บ
เราต้องสร้างความขยันหมั่นเพียร สร้างความรับผิดชอบ ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่กิน ไม่เห็นแก่นอน เป็นบุคคลที่มีความเสียสละอย่างยิ่งยวด ถึงเวลา การปล่อยการวางก็จะปล่อยวางได้เร็วได้ไว ใจก็จะคลายออกจากความยึดมั่นถือมั่น ใจก็จะคลายออกจากความคิด คลายออกจากขันธ์ห้า สติปัญญาตามดู รู้เห็นตามความเป็นจริง มองเห็นหลักของอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ตามแนวทางของพระพุทธองค์ ว่าพระพุทธเจ้าท่านมองเห็นโลกนี้มีแต่ของว่าง แต่พวกเราทำไมมองเห็นโลกนี้มีตั้งแต่ตัวแต่ตน อันนั้นก็ของเรา อันนี้ก็ของเรา อันนี้ก็ตัวตนของเรา ในทางสมมติเป็นของเรา ตัวตนก็ของเรา
แต่ในทางวิมุตติท่านให้จําแนกแจกแจง แยกให้ได้ บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น ว่าอะไรเป็นอะไร ที่พระพุทธองค์ท่านบอกว่าเป็นกองเป็นขันธ์ มันรวมกันได้อย่างไร กองรูป กองนาม กองความคิด กองอารมณ์ กองอกุศล กองกุศล อะไรควรละ อะไรควรเจริญ แต่พวกเราเอาผสมปนเปเป็นก้อนเดียว ไปด้วยกันทั้งก้อน ก็ยังดีที่มีใจน้อมนําเข้ามาในกองบุญ เอาบุญเป็นที่ตั้งก็ยังดี
หลวงพ่อก็พาทำ พาสร้าง พาทำตั้งแต่ไม่มีอะไรนั่นแหละ ทำให้ทุกคนได้อยู่ดีมีความสุข ถนนหนทางก็ทำให้พวกท่านได้เดินได้เหยียบได้ย่ำ ห้องส้วมห้องน้ำไม่มี ก็พยายามค่อยทำทั้งกลางวันทั้งกลางคืน ให้พวกท่านได้ใช้อยู่ดีมีความสุข ที่พักที่อาศัยไม่มี ก็พยายามอดตาหลับขับตานอนทำ พวกท่านมาทีหลังก็มองเห็นตั้งแต่ผลอานิสงส์ความสุขความสบายส่งถึงพวกท่าน ก็มีความสุข อย่าพากันงอมืองอเท้า อย่าพากันเกียจคร้าน แม้แต่ต้นไม้แต่ละต้น กว่าจะปลูกได้ให้ร่มเงาได้ ก็ต้องขุดเอารากเพ็กออกเสียก่อน ทำความสะอาดเสียก่อน ปรับสภาพดินเสียก่อน ทุกตารางเมตร ทุกตารางนิ้ว ไม่ใช่ว่ามันจะมีจะเกิดขึ้นนั่นเลย กว่าจะปรับปรุงเพียงแค่ระดับของสมมติให้อยู่ดีมีความสุขได้ ก็ใช้ความเพียรของทุกคนที่หล่อหลอมรวมกันช่วยกัน จากวันเป็นเดือนเป็นปี ตั้งร่วม 30 ปีนะ
สมัยก่อนไม่เป็นอย่างนี้หรอก ให้พากันสร้างความขยัน สร้างความรับผิดชอบ มีความเสียสละ อย่าพากันเกียจคร้าน ก็ทำให้ทุกคนนั่นแหละ นี่ถ้าไม่มีความเสียสละก็คงจะทำไม่ได้ อะไรก็ทำให้ ทำให้ เพื่ออนุเคราะห์ อนุเคราะห์ให้หมด ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ที่อยู่ที่กิน วัดภายในก็ทำ วัดภายนอกก็ทำ ทำให้ถูกต้องตามสมมติ แม้กระทั่งแต่งตั้งวัด ตั้งวัดขึ้นมา แล้วก็แต่งตั้งเจ้าอาวาสให้สมบูรณ์แบบ ทุกคนไปมาก็จะได้อยู่ดีมีความสุข แล้วก็มาสร้างสานต่อ พวกเราจากไปคนรุ่นหลังก็จะมาสานต่อ ไม่ได้ลําบาก
วันนี้ พระเรา ชีเรา ไปรวมพลังกันทำโรงทาน ส่วนชีเราก็ไปช่วยกันผูกเหล็ก มัดเหล็ก ทำคานกําแพง ส่วนญาติโยมเราก็ไปช่วยกัน ญาติโยมที่มาอาศัยวัด ก็พยายามสร้างความรับผิดชอบ สร้างความเสียสละ มีอะไรก็ช่วยกันดูแล ไม่ใช่ว่างอมืองอเท้า เอาแต่ความเกียจคร้านเข้าครอบงำ ไปที่ไหนก็จะไม่เกิดประโยชน์ อะไรเราพอช่วยกันได้เราก็ช่วย ความสะอาด ความเป็นระเบียบ จัดระบบระเบียบของตัวเรา ก็จะได้มาอยู่รวมกันได้ ทุกคนได้มาอยู่ร่วมกันก็เพราะได้สร้างบุญร่วมกันนั่นแหละ ถึงได้มาอยู่ร่วมกัน ถ้าไม่เคยสร้างบุญร่วมกันมาก่อน ก็ไม่ได้มาอยู่ร่วมกัน ในเมื่อพวกเรามาอยู่ร่วมกัน เราก็พยายามสร้างความขยัน สร้างความสมัครสมานสามัคคี ส่วนกิเลสภายในเราก็ต้องเจริญสติเข้าไปอบรมใจของเรา
ตั้งใจรับพร
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออก กระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ถึงเราหยุดไม่ได้ เราละไม่ได้ เราเดินปัญญา แยกรูปแยกนามไม่ได้ ก็ขอให้หยุดด้วยการสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจเข้าออกของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบาย ไม่ต้องพนมมือ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย
ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ ห้ามกระดุกกระดิกร่างกาย นั่งตรงๆ นั่งดีๆ เด็กนั่งนิ่งๆ ลองดูซิ ความนิ่งๆ นั่นแหละกายก็สงบแล้ว แล้วก็สูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ พอผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ เวลาเราสูดลมหายใจเข้ายาวออกยาว จะมีความรู้สึกรับรู้เวลาลมกระทบปลายจมูกของเรา นั่นแหละความรู้สึกตรงนั้นแหละ เขาเรียกว่า ‘สติรู้กาย’
เราพยายามสร้างความรู้สึกตรงนี้ให้ต่อเนื่อง เวลาหายใจเข้าหายใจออก ตื่นขึ้นมาไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน หายใจเข้า หายใจออก หายใจละเอียด หายใจหยาบ หายใจยาว มีความรู้ที่ต่อเนื่อง เขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ พยายามฝึกบ่อยๆ จนเป็นอัตโนมัติ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา
ยืน เดิน นั่ง นอน กินอยู่ ขับถ่าย อันนี้เพียงแค่ฝึกแค่สร้าง ให้มีให้เกิด ตรงนี้เราก็ยาก แล้วก็ไม่ค่อยจะทำให้ต่อเนื่อง ทั้งที่ใจอยากได้บุญ อยากรู้ธรรมอยากเห็นธรรม ใจเกิดอยู่ตลอดเวลา ความเกิดของใจนั่นแหละเขาปิดกั้นตัวเขาไว้หมดในชั้นแรกเลยทีเดียว จะว่าชั้นแรกชั้นภายในก็ได้ ถ้าไล่เรียงลงไปเรื่อยๆ มันก็หลายชั้นอยู่ อันนี้ชั้นแรกของความคิดที่เกิด แต่เขาเกิดมานานแล้ว เขาเกิดมาสร้างกายเนื้อ มาสร้างขันธ์ห้า มาเป็นปิดกั้นตัวเขาเอาไว้ แล้วเขาก็เกิดต่ออีก เขาก็เป็นทาสของกิเลสอีก
นอกจากบุคคลที่มีบุญมีอานิสงส์ รู้จักวิเคราะห์พิจารณา เจริญสติ เจริญปัญญา เข้าไปวิเคราะห์ สังเกตแยกแยะ ตามดูตามรู้ตามเห็น มองเห็นตามความเป็นจริง ถึงจะมองออกว่าอะไรเป็นอะไร ส่วนมากก็รวมกันเป็นก้อน คิดก็รู้ ทำก็รู้ แต่มันเป็นปัญญาของโลกียะ บางทีก็เป็นบุญอยู่ระดับของสมมติ แต่ก็ยังหลงอยู่
ตราบใดที่ยังคลายขันธ์ห้าไม่ได้ ดับความเกิดไม่ได้ของจิตจริงๆ นั้นยังหลงอยู่ หลงอยู่ในหลายชั้น ชั้นหยาบ ชั้นละเอียด แต่ก็อย่าไปทิ้งในการทำบุญในการสร้างตบะบารมี ความขยันมั่นเพียรของเรามีความเสียสละ ความอดทนอดกลั้น มีความจริงใจต่อตัวเราเอง มีความอ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักแก้ไขปรับปรุง สักวันหนึ่งเราก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน แต่เวลานี้การเจริญสติเราขาดกันมากทีเดียว
สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจเข้าออกให้ชัดเจน ให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันนะ อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กันค่อยไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจเอานะ