หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 33

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 33
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 33
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 33
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 20 มีนาคม 2558

พระเรา ชีเรา เณรเราก็ขึ้นมาให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ขยับขยายๆ เคลื่อนเข้ามาให้ได้ลงตัวกัน สถานที่ของเราก็เลยคับแคบไปหน่อยหนึ่งนะ อานิสงส์บุญแรง บุญของทุกคนก็ปรารถนาที่อยากจะบวช อยากทำบุญให้ทาน มาฝึกฝนตนเองมาฝึกฝนแก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา พยายามฝึก เพียงแค่ระดับสมมติเราก็พยายามฝึกให้ได้ ให้เป็นระเบียบ ความเป็นระเบียบนั่นแหละคือวินัย ตั้งแต่ตัวน้อยๆ โตขึ้นไปความเป็นระเบียบ ความรับผิดชอบ ความเสียสละก็ค่อยเป็นค่อยไป

อยากให้ได้ดั่งใจทุกเรื่อง ก็ต้องอาศัยกาลอาศัยเวลา เมื่อวานนี้ก็ สามเณรโตพยายามแก้ไขปรับปรุงพฤติกรรมตัวเราใหม่ ชอบเอารัดเอาเปรียบสามเณรตัวเล็ก เวลาทำการทำงานก็คอยช่วยเหลืออนุเคราะห์ เป็นผู้ให้เป็นผู้ดำเนิน เราเป็นเปรียบเสมือนกับพี่ ไม่ใช่คอยเอารัดเอาเปรียบสามเณรตัวเล็ก ไม่ใช่ว่าหลวงพ่อไม่มอง หลวงพ่อมองดูอยู่ทุกเวลา จะทำอะไรนี่จะคอยเอาเปรียบตัวเล็กๆ ต้องแก้ไข ต้องปรับปรุงตัวเรา ให้ชนะตัวเราให้ได้ สร้างความเป็นระเบียบ ค่อยพูดค่อยจา มีความเสียสละ ไม่ใช่ว่าจะคอยเอาว่าตัวโต แล้วก็คอยเอาเปรียบตัวเล็กไม่ใช่ ต้องเป็นผู้เสียสละมากกว่าตัวน้อย ไม่ว่าอยู่ที่วัดอยู่ที่บ้านก็เหมือนกัน ถ้าเราเป็นผู้เสียสละ บางทีพี่กะน้องกันแท้ๆ ก็ยังเอารัดเอาเปรียบกัน ไม่ค่อยเสียสละ เรามาฝึกฝนตัวเราแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเรา จะติดเป็นนิสัยของตัวของเราเอง ถ้าเราไม่มีความเสียสละ มันก็ยากที่จะปล่อยที่จะวาง ที่จะให้อภัยกันได้เราก็ต้องพยายาม เพียงแค่วันแรกสองวันก็แสดงพฤติกรรมที่เอารัดเอาเปรียบความเห็นแก่ตัว รีบแก้ไขเสียนะ

ดูดีๆ นะพระเราชีเราสามเณร ใจเกิดความอยากก็รู้จักควบคุม กําลังสติของเราๆ ต้องสร้างขึ้นมา ถึงอาจจะช้า ก็ต้องพยายามอดทนอดกลั้น รู้จักควบคุมกายแล้วก็รู้จักควบคุมใจของตัวเรา ถึงเราเดินปัญญาขั้นสูงสุดไม่ได้ แยกรูปแยกนามไม่ได้ เราก็พยายามฝึก ตั้งแต่น้อยๆ ความเสียสละ ความอดทน การให้อภัย มีความจริงใจต่อตัวเรา ไม่พูดเล่น ไม่เล่นมีความจริงใจต่อตัวเราเอง จริงใจต่อคนอื่น สิ่งพวกนี้แหละ จะเป็นขั้นพื้นฐาน ในการเดินปัญญาในวันข้างหน้า หนักเอาเบาสู้ ไม่ใช่ว่าอะไรก็ไม่ทำ ทำอะไรก็ไม่เป็น ไม่ว่าพระว่าชีว่าเณรฆราวาสก็เหมือนกันหมด เป็นคนขยันหมั่นเพียร แล้วก็มีความรับผิดชอบ รับผิดชอบให้สูง เป็นคนขยัน ไม่เอากาลเวลาปล่อยเวลาทิ้ง การเจริญสติเป็นอย่างนี้ การกระทำเป็นอย่างนี้ ก็จะค่อยพัฒนาไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ว่าจะเอาแต่ธรรม มีตั้งแต่เล่นสนุกสนานกัน มันก็ไปไม่ถึงไหน

เราออกจากภาระ ออกจากบ้านมา ออกจากพ่อจากแม่มา มีอานิสงส์มีบุญได้มาศึกษา วันแรกก็พ่อแม่ก็พามาก็ร้องห่มร้องไห้ไม่อยากจะจากพ่อจากแม่ พอมาออกมาบวชมาฝึกมาศึกษา แล้วก็ ก็ค่อยคลายไป คลายความยึด ยึดในตัวของพ่อของแม่ของพี่ของน้อง นั่นก็ปล่อยวางไปได้เปลาะหนึ่ง ปล่อยวางความสนุกสนาน แต่ก่อนเคยเล่นเกมเคยดูหนังดูละคร เราก็พยายามห่างออกมา มาที่วัด เราก็มาเปลี่ยนสภาวะจากฆราวาสเป็นพระเป็นเณรเป็นชี แล้วก็สร้างความขยันขึ้น ตื่น นอนน้อย ขยันหมั่นเพียรให้มากๆ ถึงเวลาอายุมากขึ้น เราก็จะเข้าใจ ในการทำความเข้าใจกับชีวิตของเรา ไม่ใช่ว่าจะบวชเข้ามาแล้วทำอะไรก็ไม่เป็น บวชเข้ามาแล้วก็มาสร้างแต่ปัญหาให้ อย่างนั้นก็ใช้การไม่ได้ ก็ให้รีบแก้ไข

สามเณรก็ให้ท่านเจ้าคุณ เอากลดเอาเต็นท์ไปกางที่สวนมะลิวัลย์ เอาสาดเอาเสื่อไปปู เอาเชือกไปขึงไว้ตากผ้า สบง จีวร ตากให้เป็นระเบียบ ไม่ใช่ว่าทิ้งระเกะระกะ พวกบาตรก็เหมือนกัน ฉันข้าวเสร็จก็เอาไปล้างไปเช็ดให้แห้ง แล้วก็เก็บเข้าที่เข้าทาง ที่กระต๊อบของเรา มีสบู่ยาสีฟัน เพียงแค่ขั้นพื้นฐานก็ให้รู้จัก สบู่ยาสีฟันไปใช้แล้ว ก็น้ำดื่มไม่ต้องเอามากๆ ตามหลักของความเป็นจริงแล้วก็ เรื่องน้ำปานะนี่ วันละๆครั้งก็พอ เยอะมากเกินไป ต้มน้ำดื่มตอนเย็นเวลาทำวัตรเช้าวัตรเย็นก็คงจะได้ดีมากทีเดียว

แต่รู้สึกว่ามันเยอะ เยอะจนล้นจนเหลือจนเกินประมาณ แจกทานออกไปเท่าไรก็ไม่หมด ยิ่งมาเยอะ แรงบุญอานิสงส์ ที่คนมาทำบุญทำทานนี่ก็เยอะ เอาไว้ไม่อยู่ เราก็ดู ถึงจะเยอะมากมาย เราก็ต้องรู้จักประหยัด ประหยัดมัธยัสถ์ ดูจากใช้ให้เกิดประโยชน์ เอาออกคลาย คุณหมอเดินไปเอากล่องยาสีฟันในกุฏิหลวงพ่อมาให้หน่อยนะ อยู่ในตะกร้ายาสีฟันมะนาว ที่เป็นกล่องเล็กๆ ยกมาทั้งตะกร้านั่นแหละ เอาเฉพาะที่ในตะกร้ามา ยาสีฟันโยมฝากมาจากสระบุรี สมัยก่อน สมัยก่อนเคยไปสร้างองค์พระพุทธรูปอยู่ที่วัดหนองผักบุ้งอยู่ที่สระบุรี โยมทางโน้นคิดถึงก็เลยเอายาสีฟันแก้ปวดฟัน ปวดกรามปวดฟัน ปวดอะไรต่างๆดีมากทีเดียว ถ้าใครปวดฟันนี่เอาไปหยดใส่แปรงสีฟัน สีหรือว่าอมหาย จะหายปวดหายไปเยอะ เอาไปไว้บ้านเอาไปไว้ใช้เวลาเจ็บปวดมานั่นแหละ

เราเคยไปสร้างบุญมาก่อน เคยไปทำให้มาก่อน โยมที่โน่นก็คิดถึง เกิดเหตุการณ์หลายอย่างอยู่ที่หนองผักบุ้ง หนองผักบุ้งแต่ก่อนก็เคยมีช่างภาพ มีช่างภาพไปไปถ่ายภาพ ว่าสิ่งต่างๆ ได้เกิดขึ้นกับหลวงพ่อว่าเป็นไปไม่ได้ เขาว่าเป็นไปไม่ได้ เขาว่าเป็นช่างภาพมือหนึ่งก็เลยไปขอถ่ายไปถ่ายภาพเลยแหละ ไปถ่ายภาพหลวงพ่ออยู่ที่หนองผักบุ้งว่าเป็นไปไม่ได้ที่เกิดอนุภาพข้างหลังที่หลวงพ่อนั่งอยู่ข้างหลังนี้ วันนั้นไปถ่ายภาพคืนแรก ทิดโจ้ตั้งแต่ก่อนเป็นพระ ไปนั่งถ่ายวันแรกก็เกิดรังสีพุ่งขึ้นจากน้อยๆ จนมิดท่วมวงศ์หลวงปู่ใหญ่ ไปปิดไฟหมดกลับมาถ่ายใหม่เป็นอีก คืนแรกคืนที่สองไปถ่ายก็เป็นอีก เป็นบัวคว่ำบัวหงายถึงได้เกิดภาพอันนี้ขึ้นมา ทีนี้ช่างภาพ ช่วงที่ไปถ่ายช่วงที่ไปสร้างพระที่หนองผักบุ้ง สระบุรี

ช่างภาพดังจากกรุงเทพก็ว่าเป็นไปไม่ได้ เขาไม่ยอมเช่ือ ก็เลยมากับลูกสาวตัวเล็กๆ ลูกสาวบอกว่าพ่อๆ เทวดาๆ บอกอย่างนั้น เห็นภาพเล็กๆ ของหลวงพ่อ พ่อไม่ยอมเช่ือก็เลยไปถ่ายญาติโยมก็นั่งเรียงแถวอยู่ข้างหลวงพ่อ หลวงพ่อก็นั่งเก้าอี้อยู่ กําลังรอพระอยู่นั่นแหละ ข้างหลังก็มี มีธรรมชาติ มีลำห้วยมีน้ำตก มีภูเขามองเห็นหมด เวลาถ่ายภาพรวมกันหมดจะเห็นหมด พอถ่ายองค์หลวงพ่อปุ๊บเท่านั้นแหละ มีม่านพระอาทิตย์ พระเทวดา ปิดกั้นทันทีเลย ที่ออกสีเหลืองๆ

ยอม ทำให้ยอม ถึงได้เอาอัดภาพนั้นมาไว้ให้หลวงพ่อ ภาพนั้นก็ยังอยู่เท่าทุกวัน อยู่ที่ข้างหลังองค์ปู่ใหญ่ นั่นแหละหลายคนด้วยที่อคติเพ่งโทษ ช่วงที่หลวงพ่อแจกแผ่นซีดีใหม่ๆ ซีดีเกี่ยวกับพวกเทพ แผ่นซีดีที่ให้นั้นนะ ก็มีนักข่าวใหญ่คนหนึ่งอยู่ในขอนแก่นนี่แหละ แต่บ้านมาหลวงพ่อก็ให้ไป คงจะจิตเป็นอคติมากทีเดียวว่าเป็นไปไม่ได้ คงจะอคติอย่างรุนแรงก็เลยเกิดเหตุการณ์ใหญ่ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ล้ม เข้าโรงพยาบาลพักหนึ่ง ทำอะไรก็ไม่หาย มาวัดไม่เจอหลวงพ่อออกไปนอกวัด ขอโทษด้วย ขี้ราดกางเกงเต็มไปหมดนะ แต่ทำข้าวหม้อแกงหม้อ แล้วก็มาขอขมาโทษหลวงพ่อทั้งครอบครัว นักข่าวใหญ่คนนั้นนะอยู่ในขอนแก่นเรานี่แหละ ถ้าเอ่ยชื่อไปก็คงจะรู้ ทุกวันนี้ชีวิตเป็นอย่างไรก็ไม่รู้นะ ไม่ค่อยได้ยินข่าวแล้ว บางคนก็กระอักเลือดตายเลยก็มี บางคนเป็นครูอยู่ดีๆ อคติเพ่งโทษหลวงพ่อนี่โดนปลดเลยโดยไม่รู้เรื่อง นั่นแหละวิบากกรรมแรง

หลวงพ่อถึงพยายาม เพียงแค่วาจาก็ไม่อยากให้กระทบกระทั่งคนโน้นคนนี้ เพราะว่าใจของเรามันไม่มีอะไร เกิดเหตุการณ์มากมายขึ้นกับหลวงพ่อ ภพภูมิวิญญาณต่างๆ ก็เจอกันเยอะ แม้แต่งูเหลือมตัวใหญ่ๆ ไปอยู่ในถ้ำ อยากมารัดเอวรัดอะไร อยากจะกินก็ยกให้กินก็ไม่กล้ากิน ภพภูมิวิญญาณต่างๆ ไปเจอหลายสถานที่ อยู่ที่วัดนี้เราก็แรงเหมือนกัน สมัยก่อนวิญญาณต่างๆก็แรง ตั้งแต่เข้ามาวันแรก จะมาทำอันตรายหลวงพ่อ หล่วงพ่อก็แผ่เมตตาให้ เดี๋ยวนี้วิญญาณภพภูมิในที่นี้ก็เปลี่ยนสภาพเป็นเทวดา เป็นสัมมาทิฏฐิมาคอยช่วยเหลือหมด สู้แรงบุญไม่ได้ เราไม่ตอบโต้เราไม่ต่อสู้ เรามีแต่ให้ ให้อภัยอโหสิกรรม ก็เขาก็กลับมาช่วยเหลือเราหมด

พวกเราก็อย่าพากันประมาท เป็นผู้ให้ เป็นผู้เอาออก ขยันหมั่นเพียร มีความจริงใจต่อตัวเราเอง ใหม่ๆกิเลสมารต่างๆ เขาก็ไม่ยอมง่ายๆ เหมือนกัน กิเลสภายในของเรานั่นแหละ ความเห็นของเรานั่นแหละ ทิฐิของเรานั่นแหละ เพราะว่าใจเขาเกิดมานาน เขาหลงมานาน เขาก็หาเหตุหาผลมาปิดกั้นตัวเองเอาไว้ เราต้องมาแก้ไขปรับปรุง มาทำความเข้าใจ ทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจ มีทั้งความเสียสละ อดทนอดกลั้น ทั้งความขยันหมั่นเพียร พรหมวิหาร ทุกอย่างต้องให้เต็มเปี่ยม ไม่ใช่ว่าจะเอาตั้งแต่ธรรม ความเสียสละก็ไม่มี มีแต่ความเกียจคร้าน มีแต่ความเห็นแก่ตัว มันจะไปได้อย่างไร ก็จะได้เพียงแค่ระดับสมมติ ก็จะได้ให้ทุกคนได้อยู่ดีมีความสุขเราก็ช่วยกัน เรามาอาศัยสมมติอยู่ มาอาศัยโลกอยู่ ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง แม้แต่กายของตัวเราก็ต้องได้วางถ้าถึงเวลา

พระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องอะไร เราต้องพยายามศึกษาให้ละเอียด วิญญาณในกายเป็นอย่างไร การเกิดการดับเป็นอย่างไร ทำอย่างไรเราถึงจะเข้าถึงทรัพย์ตรงนั้น การเจริญสติเป็นอย่างไร เราจะไปบังคับกันไม่ได้เลยสิ่งพวกนี้ เพราะว่าทุกคนมาด้วยแรงเหวี่ยงของกรรม เราต้องทำความเข้าใจกรรมภายในของเรา ซึ่งเป็นส่วนร่วมส่วนนาม ทุกคนก็สร้างบุญมาดีแล้วถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แล้วก็มาศึกษาแนวทางให้ถูกต้องให้ตรง รู้จุดปล่อยรู้จุดวาง ชี้เหตุชี้ผล จนใจยอมรับความเป็นจริงได้ เขาถึงจะปล่อยถึงจะวางได้ ยิ่งเห็นใหม่ๆ นี่สนุก มีความสุขในการแก้ไขตัวเรา

ความอยากแม้แต่นิดเดียวยังไม่ให้เกิดขึ้นที่ใจเลย ให้เป็นความต้องการสติปัญญา ไปทำหน้าที่แทน ทั้งกลางวัน ทั้งกลางคืน กายวิเวกเป็นอย่างไร ใจวิเวกเป็นอย่างไร ใจวิเวกจากการเกิดเป็นอย่างไร ใจวิเวกจากขันธ์ห้า ใจวิเวกจากกิเลสเป็นอย่างไร เราต้องศึกษาให้ละเอียด ต้องเป็นบุคคลที่มีความขยันหมั่นเพียรเป็นเลิศ ล้มลุกขึ้นมาใหม่แก้ไขใหม่ ถ้าถึงเวลาเราก็คงจะถึงจุดหมาย ถ้าไม่ถึงเวลาแล้วจะบังคับอย่างไร ขยันอย่างไรมันก็ไม่ถึงจุดหมาย เราทำไปเรื่อยๆ ปรับสภาพอุปนิสัยของเราไปเรื่อยๆ บุญเก่าเราก็มีบุญใหม่เราก็ได้สร้าง บุญเก่าถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ บุญใหม่ก็สร้างความเสียสละ ความอดทนอดกลั้น รู้จักเอาออกรู้จักให้รู้จักคลายรู้จักความเป็นระเบียบ ก็ต้องพยายามฝึกให้เป็นนิสัย รู้จักฝักใฝ่รู้จักสนใจ ไม่ใช่เอาตั้งแต่งอมืองอเท้า ทำอะไรไม่เป็น ตัวเองก็เอาตัวเองไม่รอด เราต้องพยายามกันทุกคน

อีกสักหน่อย ก็ได้พลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็นก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตาย เพราะเป็นกฎของไตรลักษณ์ กฎของความเป็นจริง เรามีอานิสงส์ เรามีบุญร่วมกันอยู่ใกล้อยู่ไกล ถึงได้มาอยู่ร่วมกันได้บ้างไม่ได้บ้างก็พยายามทำ สามเณรก็พยายาม ท่านอาจารย์ ท่านเจ้าคุณบอกอย่างไรก็ให้เชื่อฟัง ท่านอาจารย์จิตร์บอกอย่างไรก็ให้เชื่อฟัง มอบภาระหน้าที่ให้ท่าน คอยดูแลประคับประคองเสียก่อน ถ้าบอกไม่เชื่อ บางก็ลงโทษ แล้วแต่วิธีอุบาย ล้างห้องส้วมบ้าง ทำความสะอาดบ้าง

แต่การดูแลรักษาความสะอาดต้องฝึกให้เป็นนิสัย ถ้าคนเราฝึกนี่เป็นนิสัยนี้จะไม่กล้าทิ้งสกปรกโดยเด็ดขาด เพียงแค่เศษกระดาษเล็กๆ น้อยๆ นิดเดียว เราก็จะไม่กล้าทิ้ง ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนถ้ามีความไม่เป็นระเบียบเราก็ทำ ที่พักที่อาศัย ที่หลับ ที่นอน ห้องส้วม ห้องน้ำ ห้องครัว ไปดูแต่ละกุฏิ ข้างกุฏิ บางทีก็เศษขยะทิ้งออกเกลื่อนตามหน้าต่าง เสื้อผ้าก็ สบงจีวรก็ทิ้งมันไปทั่วก็ใช้การไม่ได้ เพียงแค่ของใช้ของสอยชีวิตประจำ วันของเราเอาไปใช้แล้วก็ยังไม่รู้จักเก็บยังไม่รู้จักรักษา กว่าจะว่าจะมีให้แต่ละชิ้นแต่ละอันก็จะทำได้มันลําบาก อย่ามองเห็นแค่ผลแล้วก็ทำลาย พยายามฝึกฝนตัวเรา

ตั้งใจรับพรกัน

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง