หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 010
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 010
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
มีความสุขกันทุกคน ดูดีๆนะ พระเราชีเราพิจารณา ยังพิจารณาไม่ได้ถ้ากําลังสติไม่เพียงพอ เพียงแต่รู้ว่าใจปกติ ใจปกติ ใจสงบหรือว่าใจเกิดความอยาก หรือว่ากายของเราปกติ หรือว่ากายของเราเกิดความหิว ประมาณในการขบฉันของตัวเราเอง ไม่ปล่อยโอกาสทิ้ง ทุกเรื่องตั้งแต่ตื่นขึ้นมาต้องพยายามเจริญสติให้ต่อเนื่องเชื่อมโยง แล้วก็รู้ใจของเรารู้กายของเรา พากายไปใจรับรู้ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ยืนเดิน นั่งนอน กินอยู่ ขับถ่าย อะไรควรทำก่อน อะไรควรทำหลัง เรื่องของเราไม่ใช่เรื่องของคนอื่น ทำภารกิจภายในทางด้านจิตใจของเราให้จบ
จบแล้วก็ทำความเข้าใจกับโลกธรรมในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว แก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เข้ามาหาเรา แล้วก็ปัญหาที่เราสร้างขึ้นมา ปัญหาจากภายนอกปัญหาจากภายในต้องแก้ให้จบ ถ้าขยันไปอยู่ที่ไหนก็มีความสุขมีความเจริญ ไล่เลียงลงไปก็เจริญสติเข้าไปรู้เท่าทันการเกิดการดับของวิญญาณในกายของเรา ทำงานไปด้วยรู้ใจไปด้วย มีความสุขไปด้วย อะไรผิดพลาดก็ช่วยกันแก้ไข ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ด้วยกัน ความสามัคคีต้องเป็นเลิศ
ไม่ใช่ว่าอยู่ด้วยกันสองคนก็ไม่ถูกกัน ส่วนมากผู้หญิงจะเป็นอย่างนั้นใช่ไหม อยู่ด้วยกันสองคนก็ไม่ค่อยถูกกัน เห็นแม่ชีอยู่วัดหนึ่งมีแม่ชีเฒ่าคนหนึ่งแม่ชีสาวคนหนึ่ง แม่ชีสาวนี่บวชตั้งแต่อายุ 12 จนกระทั่งได้อายุ 18 แม่ชีเฒ่าอายุ 70 เพิ่งจะบวชได้ปีหนึ่ง ทีนี้ไปอยู่ด้วยกันทะเลาะเบาะแว้งกัน ไม่ถูกกัน แม่ชีเด็กแม่ชีสาวก็ว่าตัวเองบวชก่อนต้องเป็นหัวหน้า แม่ชีเฒ่าก็ว่าอายุมากกว่า คนรุ่นแม่ต้องเป็นหัวหน้า สองคนแค่นั้นก็ไม่ถูกกัน ทะเลาะกันตีกัน อย่าให้เอ่ยวัดเถอะ
มีอยู่ แม่ชีอีก 4-5 คน อยู่ทางอันนี้อยู่ทางบ้านไผ่เมืองพลจะมาขออยู่กับหลวงพ่อสมัยนั้น ทีแรกก็พากันปฏิบัติธรรมกลมเกลียวกันดี มีความสุขชวนกันมาปฏิบัติธรรมเป็นเพื่อนกัน เป็นเพื่อนกันดีกัน พอข้ามพรรษามาได้ ตาปวดตาบวมมา ว่าทำไมหลวงพ่ออยู่ที่โน่นไล่ออกจากวัด ว่าทำไมไล่ออกจากวัด ทะเลาะกันตีกันโน่น ตีกันท่านก็ไล่ออกจากวัด แม่ชี 4 คน 5 คนจะมาขออยู่กับหลวงพ่อ ก็เลยว่ากลับไปอยู่วัดเก่าให้ได้เสียก่อนค่อยกลับมาหาหลวงพ่อ แค่ 2 คนก็ไม่ถูกกัน อันนี้ตั้ง 20 คน ถูกกันหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ คงถูกกันดีอยู่นะ ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกันนะ
อย่าเอาเหมือนกับวัดอะไรนะ วัดอะไรที่ไปสร้างพระอยู่ที่เขื่อนป่าสัก แม่ชีอะไรนะมาเล่าให้ฟัง ถ้าแม่ชีไม่ถูกกันนี่ได้อะไรก็ขว้างใส่กันปากัน มันจะได้คลายออกมา ได้ครกได้สาก ได้ถ้วยได้ชามก็ขว้างใส่กัน ถ้าเกิดระเบิดใส่กันแล้วระบายความโกรธมันจะหายโกรธนั้นใช้การไม่ได้ สงสัยเห็นลิงเอานิสัยลิงมาใช้ มาเล่าให้ฟัง
ตั้งใจรับพรกัน
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจนแล้วก็ให้ต่อเนื่อง ถึงเราจะเอาสติปัญญาไปใช้ไม่ได้ก็ขอให้มีความรู้ตัวให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง นั่งตามสบาย ไม่ต้องพนมมือ วางกายให้สบาย วางใจให้สบาย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ กายก็สบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็สงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจก็จะชัดเจน
ในหลักของความเป็นจริง เราพยายามเจริญสติตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ จนเอาสติปัญญาไปอบรมใจได้ จนใจของเราคลายออกจากความคิดได้ หรือว่าแยกรูปแยกนาม ตามดู เห็นเหตุเห็นผล ชี้เหตุชี้ผล จนใจยอมรับความเป็นจริง จนใจมองเห็นความเป็นจริง จนใจปล่อยวางได้นั่นแหละทุกเรื่อง ไม่ใช่ว่าทำปุ๊บมันจะได้ปั๊บ เพียงแค่รู้จักวิธี การเจริญสติเป็นอย่างนี้ ลักษณะของสติรู้ตัวที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงเป็นอย่างนี้ ความรู้ตัวพลั้งเผลอเริ่มใหม่ ความรู้ตัวพลั้งเผลอเริ่มใหม่
การฝึกใหม่ๆ ก็อาจจะเป็นการฝืนเป็นการทวนกระแส ถ้าเราเข้าใจแล้ว ใจของเราก็จะตกกระแสธรรมหรือว่าแยกรูปแยกนามตามดูได้ ดับความเกิดของใจได้ ละกิเลสได้ กิเลสเขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เหมือนกัน เขาก็หาเหตุหาผล ตัวใจก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เหมือนกัน เพราะว่าเขาเคยคิดเคยเที่ยว เพียงแค่การเกิดนั้นเขาก็หลง
เราต้องรู้จักลักษณะของสติตัวใหม่ที่เราสร้างขึ้นมา แล้วก็รู้จักเอาไปใช้เอาไปทำหน้าที่แทนใจ รู้จักแก้ไขอบรมใจ ใจมีความแข็งกระด้าง เราพยายามปรับสภาพให้ใจของเรามีความอ่อนโยนอ่อนน้อม ใจของเรามีความโลภ เราก็พยายามละความโลภคลายความโลภ ใจของเราเกิดความโกรธก็พยายามดับความโกรธด้วยการให้อภัย มองโลกในทางที่ดี พยายามแก้ไขใจของเรา รู้จักอันนี้ส่วนของใจ อันนี้ส่วนของสติ ลึกลงไปใจกับอาการของใจอีก ทำไมใจถึงเกิด ทำไมใจถึงหลง
กายทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร ภาษาธรรมที่ว่า สักแต่ว่าดู สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าฟังเป็นอย่างไร เราจะดำเนินชีวิตอย่างไรถึงจะอยู่กับสมมติด้วยกายที่ไม่ทุกข์มากใจที่ไม่ทุกข์มาก กายมันก็เป็นก้อนทุกข์อยู่ดีๆ นั่นแหละ แต่เราก็รู้จักแก้ไข วางที่ใจของเรา ก็ต้องพยายามศึกษาค้นคว้า ไม่ได้ ธรรมะไม่ได้อยู่ที่โน่นไม่ได้อยู่ที่นี่ อยู่ที่ใจของเราอยู่ที่กายของเรา ธรรมะระดับสมมติวิมุตติ ศีลสมมติ ศีลสังคม ศีลวิมุตติ ภาษาธรรมภาษาโลก เราต้องพยายามรู้ให้ถึง
แต่เวลานี้กําลังสติของเรามีน้อย เราต้องพยายามเจริญสติให้รู้ทุกอิริยาบถ ยืน เดินนั่ง นอน กินอยู่ ขับถ่าย เวลาจะขบจะฉัน เวลาจะรับประทานข้าวปลาอาหาร สติปัญญายังใช้การใช้งานไม่ได้ เราก็ต้องพยายามสร้าง ทั้งสร้างทั้งประคับประคอง สารพัดอย่าง
ใหม่ๆ ท่านถึงบอกว่าให้วางภาระหน้าที่ทางสมมติ มาศึกษาให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง ทีนี้เราจะขัดเกลากิเลสของเราได้หมดจดหรือไม่ จะเอาจะมีจะเป็นก็เป็นเรื่องของปัญญาไปทำหน้าที่แทนใจ ไม่ต้องรีบร้อน ความกังวล ความฟุ้งซ่านหรือว่าความลังเลสารพัดอย่าง กิเลสจะหาข้ออ้างต่างๆ เข้ามา เราก็พยายามหยุด พยายามดับ พยายามฝืน ไม่ต้องกลัวจะไม่ได้คิด ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีปัญญา ปัญญาทางโลกีย์มีทั้งร้อยมีทั้งพันก็คลายออกให้มันหมดเลย อยู่ที่ความว่างความบริสุทธิ์ เหลืออยู่ที่ศูนย์ คือความเริ่มต้น คือความสะอาดบริสุทธิ์ของใจ แล้วก็หนุนกําลังสติเข้าไปทำหน้าที่แทนให้เต็มรอบเหมือนเดิม เอาไปใช้การใช้งานได้เหมือนเดิม
เวลานี้กําลังสติมันมีไม่เพียงพอ สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง การหายใจยาวเป็นอย่างนี้หายใจออกยาวเป็นอย่างนี้ หายใจออกสั้นเป็นอย่างนี้ หายใจเข้ายาวเป็นอย่างนี้ หายใจละเอียดเป็นอย่างนี้ หายใจหยาบเป็นอย่างนี้ หายใจธรรมชาติเป็นอย่างนี้ เราพยายามฝึกไม่เข้าใจก็เพิ่มความเพียรให้เป็นทวีคูณยิ่งเห็นเยอะ กายของเรานี่แหละสนามรบ ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเราให้ชัดเจนนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อกัน ทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ
จบแล้วก็ทำความเข้าใจกับโลกธรรมในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว แก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เข้ามาหาเรา แล้วก็ปัญหาที่เราสร้างขึ้นมา ปัญหาจากภายนอกปัญหาจากภายในต้องแก้ให้จบ ถ้าขยันไปอยู่ที่ไหนก็มีความสุขมีความเจริญ ไล่เลียงลงไปก็เจริญสติเข้าไปรู้เท่าทันการเกิดการดับของวิญญาณในกายของเรา ทำงานไปด้วยรู้ใจไปด้วย มีความสุขไปด้วย อะไรผิดพลาดก็ช่วยกันแก้ไข ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ด้วยกัน ความสามัคคีต้องเป็นเลิศ
ไม่ใช่ว่าอยู่ด้วยกันสองคนก็ไม่ถูกกัน ส่วนมากผู้หญิงจะเป็นอย่างนั้นใช่ไหม อยู่ด้วยกันสองคนก็ไม่ค่อยถูกกัน เห็นแม่ชีอยู่วัดหนึ่งมีแม่ชีเฒ่าคนหนึ่งแม่ชีสาวคนหนึ่ง แม่ชีสาวนี่บวชตั้งแต่อายุ 12 จนกระทั่งได้อายุ 18 แม่ชีเฒ่าอายุ 70 เพิ่งจะบวชได้ปีหนึ่ง ทีนี้ไปอยู่ด้วยกันทะเลาะเบาะแว้งกัน ไม่ถูกกัน แม่ชีเด็กแม่ชีสาวก็ว่าตัวเองบวชก่อนต้องเป็นหัวหน้า แม่ชีเฒ่าก็ว่าอายุมากกว่า คนรุ่นแม่ต้องเป็นหัวหน้า สองคนแค่นั้นก็ไม่ถูกกัน ทะเลาะกันตีกัน อย่าให้เอ่ยวัดเถอะ
มีอยู่ แม่ชีอีก 4-5 คน อยู่ทางอันนี้อยู่ทางบ้านไผ่เมืองพลจะมาขออยู่กับหลวงพ่อสมัยนั้น ทีแรกก็พากันปฏิบัติธรรมกลมเกลียวกันดี มีความสุขชวนกันมาปฏิบัติธรรมเป็นเพื่อนกัน เป็นเพื่อนกันดีกัน พอข้ามพรรษามาได้ ตาปวดตาบวมมา ว่าทำไมหลวงพ่ออยู่ที่โน่นไล่ออกจากวัด ว่าทำไมไล่ออกจากวัด ทะเลาะกันตีกันโน่น ตีกันท่านก็ไล่ออกจากวัด แม่ชี 4 คน 5 คนจะมาขออยู่กับหลวงพ่อ ก็เลยว่ากลับไปอยู่วัดเก่าให้ได้เสียก่อนค่อยกลับมาหาหลวงพ่อ แค่ 2 คนก็ไม่ถูกกัน อันนี้ตั้ง 20 คน ถูกกันหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ คงถูกกันดีอยู่นะ ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกันนะ
อย่าเอาเหมือนกับวัดอะไรนะ วัดอะไรที่ไปสร้างพระอยู่ที่เขื่อนป่าสัก แม่ชีอะไรนะมาเล่าให้ฟัง ถ้าแม่ชีไม่ถูกกันนี่ได้อะไรก็ขว้างใส่กันปากัน มันจะได้คลายออกมา ได้ครกได้สาก ได้ถ้วยได้ชามก็ขว้างใส่กัน ถ้าเกิดระเบิดใส่กันแล้วระบายความโกรธมันจะหายโกรธนั้นใช้การไม่ได้ สงสัยเห็นลิงเอานิสัยลิงมาใช้ มาเล่าให้ฟัง
ตั้งใจรับพรกัน
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจนแล้วก็ให้ต่อเนื่อง ถึงเราจะเอาสติปัญญาไปใช้ไม่ได้ก็ขอให้มีความรู้ตัวให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง นั่งตามสบาย ไม่ต้องพนมมือ วางกายให้สบาย วางใจให้สบาย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ กายก็สบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็สงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจก็จะชัดเจน
ในหลักของความเป็นจริง เราพยายามเจริญสติตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ จนเอาสติปัญญาไปอบรมใจได้ จนใจของเราคลายออกจากความคิดได้ หรือว่าแยกรูปแยกนาม ตามดู เห็นเหตุเห็นผล ชี้เหตุชี้ผล จนใจยอมรับความเป็นจริง จนใจมองเห็นความเป็นจริง จนใจปล่อยวางได้นั่นแหละทุกเรื่อง ไม่ใช่ว่าทำปุ๊บมันจะได้ปั๊บ เพียงแค่รู้จักวิธี การเจริญสติเป็นอย่างนี้ ลักษณะของสติรู้ตัวที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงเป็นอย่างนี้ ความรู้ตัวพลั้งเผลอเริ่มใหม่ ความรู้ตัวพลั้งเผลอเริ่มใหม่
การฝึกใหม่ๆ ก็อาจจะเป็นการฝืนเป็นการทวนกระแส ถ้าเราเข้าใจแล้ว ใจของเราก็จะตกกระแสธรรมหรือว่าแยกรูปแยกนามตามดูได้ ดับความเกิดของใจได้ ละกิเลสได้ กิเลสเขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เหมือนกัน เขาก็หาเหตุหาผล ตัวใจก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เหมือนกัน เพราะว่าเขาเคยคิดเคยเที่ยว เพียงแค่การเกิดนั้นเขาก็หลง
เราต้องรู้จักลักษณะของสติตัวใหม่ที่เราสร้างขึ้นมา แล้วก็รู้จักเอาไปใช้เอาไปทำหน้าที่แทนใจ รู้จักแก้ไขอบรมใจ ใจมีความแข็งกระด้าง เราพยายามปรับสภาพให้ใจของเรามีความอ่อนโยนอ่อนน้อม ใจของเรามีความโลภ เราก็พยายามละความโลภคลายความโลภ ใจของเราเกิดความโกรธก็พยายามดับความโกรธด้วยการให้อภัย มองโลกในทางที่ดี พยายามแก้ไขใจของเรา รู้จักอันนี้ส่วนของใจ อันนี้ส่วนของสติ ลึกลงไปใจกับอาการของใจอีก ทำไมใจถึงเกิด ทำไมใจถึงหลง
กายทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร ภาษาธรรมที่ว่า สักแต่ว่าดู สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าฟังเป็นอย่างไร เราจะดำเนินชีวิตอย่างไรถึงจะอยู่กับสมมติด้วยกายที่ไม่ทุกข์มากใจที่ไม่ทุกข์มาก กายมันก็เป็นก้อนทุกข์อยู่ดีๆ นั่นแหละ แต่เราก็รู้จักแก้ไข วางที่ใจของเรา ก็ต้องพยายามศึกษาค้นคว้า ไม่ได้ ธรรมะไม่ได้อยู่ที่โน่นไม่ได้อยู่ที่นี่ อยู่ที่ใจของเราอยู่ที่กายของเรา ธรรมะระดับสมมติวิมุตติ ศีลสมมติ ศีลสังคม ศีลวิมุตติ ภาษาธรรมภาษาโลก เราต้องพยายามรู้ให้ถึง
แต่เวลานี้กําลังสติของเรามีน้อย เราต้องพยายามเจริญสติให้รู้ทุกอิริยาบถ ยืน เดินนั่ง นอน กินอยู่ ขับถ่าย เวลาจะขบจะฉัน เวลาจะรับประทานข้าวปลาอาหาร สติปัญญายังใช้การใช้งานไม่ได้ เราก็ต้องพยายามสร้าง ทั้งสร้างทั้งประคับประคอง สารพัดอย่าง
ใหม่ๆ ท่านถึงบอกว่าให้วางภาระหน้าที่ทางสมมติ มาศึกษาให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง ทีนี้เราจะขัดเกลากิเลสของเราได้หมดจดหรือไม่ จะเอาจะมีจะเป็นก็เป็นเรื่องของปัญญาไปทำหน้าที่แทนใจ ไม่ต้องรีบร้อน ความกังวล ความฟุ้งซ่านหรือว่าความลังเลสารพัดอย่าง กิเลสจะหาข้ออ้างต่างๆ เข้ามา เราก็พยายามหยุด พยายามดับ พยายามฝืน ไม่ต้องกลัวจะไม่ได้คิด ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีปัญญา ปัญญาทางโลกีย์มีทั้งร้อยมีทั้งพันก็คลายออกให้มันหมดเลย อยู่ที่ความว่างความบริสุทธิ์ เหลืออยู่ที่ศูนย์ คือความเริ่มต้น คือความสะอาดบริสุทธิ์ของใจ แล้วก็หนุนกําลังสติเข้าไปทำหน้าที่แทนให้เต็มรอบเหมือนเดิม เอาไปใช้การใช้งานได้เหมือนเดิม
เวลานี้กําลังสติมันมีไม่เพียงพอ สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง การหายใจยาวเป็นอย่างนี้หายใจออกยาวเป็นอย่างนี้ หายใจออกสั้นเป็นอย่างนี้ หายใจเข้ายาวเป็นอย่างนี้ หายใจละเอียดเป็นอย่างนี้ หายใจหยาบเป็นอย่างนี้ หายใจธรรมชาติเป็นอย่างนี้ เราพยายามฝึกไม่เข้าใจก็เพิ่มความเพียรให้เป็นทวีคูณยิ่งเห็นเยอะ กายของเรานี่แหละสนามรบ ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเราให้ชัดเจนนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อกัน ทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ