หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 45 วันที่ 15 ธันวาคม 2559

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 45 วันที่ 15 ธันวาคม 2559
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 45 วันที่ 15 ธันวาคม 2559
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 45
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 15 ธันวาคม 2559

ขอให้ทุกคนทุกท่านเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของตัวเราเองให้ชัดเจนให้ต่อเนื่อง นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย และก็วางใจให้สบาย ไม่ต้องพนมมือ ฟังไปด้วย น้อมสําเหนียกไปด้วย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว กายของเราก็จะสบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา เราก็จะมีความรู้สึกรับรู้ที่ชัดเจน

เราพยายามสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องตั้งแต่ตื่นขึ้นตั้งแต่ยังไม่รู้จักที่ จนความรู้ตัวของเรานี่เข้มแข็งหรือว่าสติของเราเข้มแข็ง รู้กาย ลึกลงไปก็รู้ใจ รู้ลักษณะของใจ การเกิดการดับของใจเป็นอย่างไร การเกิดการดับของความคิดของอารมณ์เป็นอย่างไร ทําไมใจถึงเกิด ทําไมใจถึงหลง

เราต้องพยายามหัดสร้างความรู้ตัว แล้วก็หัดสังเกต หัดวิเคราะห์ อบรมใจของเราอยู่ตลอดเวลา ใจของเราปกติ ปกติจากการเกิด ใจของเราปกติจากกิเลส ใจของเราคลายความยึดมั่นถือมั่นในอารมณ์ในขันธ์ห้า ซึ่งเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ หรือ ‘สัมมาทิฏฐิ’ ความรู้แจ้งเห็นจริง เปิดทางให้ เราพยายามหัดสังเกต หัดวิเคราะห์บ่อยๆ ทําความเข้าใจบ่อยๆ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนเป็นอัตโนมัติในการดู ในการรู้ ในการทําความเข้าใจ

ใจแต่ละดวงปรารถนาหาความหลุดพ้นหาทางดับทุกข์ แต่การเจริญสติของเรา สติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันอาจจะมีบ้างกะปริบกะปรอยไม่เยอะ บารมีส่วนอื่นอันนั้นมี สร้างกันมาดี ความเสียสละ การฝักใฝ่ ผ่านกาลผ่านเวลา ผ่านร้อนผ่านหนาว ได้ทําบุญให้ทานอยู่ในระดับของสมมติอันนี้มีกันเต็มเปี่ยม แต่การฝืน การสังเกต การวิเคราะห์จิตใจส่วนนามธรรม ตรงนี้เราอาจจะรู้ได้บ้าง แต่รู้ไม่เต็มที่ทุกอย่าง

เราพยายามหัดสังเกตหัดวิเคราะห์ แต่ละวันเรามีความขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ หมั่นฝักใฝ่ อะไรเป็นกุศลหรือว่าอกุศล อะไรประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล กายทําหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทําหน้าที่อย่างไร เราพยายามหัดวิเคราะห์ดู แล้วก็สร้างสติให้มีให้เกิดขึ้น สร้าง ทําใจของเราให้สงบ ปราศจากการเกิด ปราศจากกิเลส ต้องพยายามกัน ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ปรับปรุงตัวเราใหม่อยู่ตลอดเวลา หมั่นพร่ำสอนใจของเราตลอดเวลา

ครูบาอาจารย์ตําราก็เป็นแค่เพียงแผนที่ชี้แนะแนวทางให้ ว่าพระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องอะไร สอนเรื่องชีวิตของเรานี่แหละ สอนเรื่องหลักของอริยสัจ การเกิดการดับของใจ สอนเรื่องอัตตา อนัตตา สอนเรื่องสมมติ วิมุตติ สอนเรื่องการเจริญตบะบารมี การให้ทาน การคลายความหลง แยกรูปแยกนาม ทําใจของเราให้บริสุทธิ์ บุคคลที่มีบุญมีสติมีปัญญาฟังนิดเดียว การเจริญสติเป็นอย่างนี้ การละกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่ไม่เกิดเป็นลักษณะอย่างนี้ รู้ด้วย เห็นด้วย เข้าถึงด้วย ไม่ใช่ว่าไปนึกเอาหรือเอาไปคิดเอา

การได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม ในการลงมือกระทํา ลงมือวิเคราะห์ใจของเรานี่ต้องเป็นบุคคลที่ขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบอย่างสูงเลยทีเดียว ถ้าอานิสงส์ผลบุญบารมีของเรายังไม่เต็มเปี่ยม ยังไม่เต็มที่ ยากที่ใจจะคลายจากความยึดมั่นถือมั่น เราต้องพยายามสร้างบารมีของเราไปให้เต็มเปี่ยม ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ความขยันหมั่นเพียร ความรับผิดชอบความเสียสละ ความกตัญญู พวกนี้ก็มีตั้งเป็นอานิสงส์แห่งบุญ เป็นตบะบารมีของเราอย่างดี

วันนี้ก็มีมีญาติโยมลูกหลานทางกรุงเทพ เด็กๆ ก็พากันมาพักค้างคืนที่วัด มาสร้างสะสมบุญบารมี ให้มีให้เกิดขึ้น เรามาสํารวจเรา เรามีความรับผิดชอบเพียงพอหรือไม่ เราเป็นบุคคลที่มีความเป็นระเบียบ ระเบียบทั้งภายใน ระเบียบทั้งภายนอก หมั่นสังเกต หมั่นวิเคราะห์ แต่ละวันใจของเรามีความกังวลหรือว่ามีความฟุ้งซ่าน เราก็พยายามแก้ไข

ทุกคนก็มีบุญถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แต่เราต้องทําความเข้าใจ ลักษณะของการเจริญสติ เจริญสติเราต้องเอาสติปัญญาของเราไปใช้อบรมใจของเรา แต่เวลานี้ใจของเราไปก่อน เกิด ใจของเราเกิดอยู่ตลอดเวลา ความเกิดนั่นแหละคือความหลง หลงเกิด ถ้าไม่เกิดก็ไม่หลง แล้วก็มาสร้างขันธ์ห้าปิดกั้นตัวเองอีก แล้วก็มาเป็นทาสของกิเลสอีก

เราก็พยายามคอยหมั่นคอยเอาออก คอยขัดคอยเกลาอยู่ตลอดเวลา สักวันหนึ่งเราก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน ไม่ถึงช้าก็ต้องถึงเร็ว ตราบใดที่เรายังฝึกฝนตนเองอยู่ อย่าพากันปิดกั้นตัวเรา ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ปรับปรุงตัวเราใหม่ ทําความเข้าใจกับสมมติวิมุตติ

กายของเรานี่แหละก้อนสมมติ ใจของเรานี่สร้างขันธ์ห้าขึ้นมาปิดกั้นตัวเอง แล้วก็มาอาศัยกาย ตรงนี้กายเนื้อของเราแตกดับ ใจของเราก็ต้องไปต่อ ตราบใดที่ยังเกิดอยู่ก็ขอให้เกิดอยู่ในกองบุญกองกุศลเอาไว้ ไม่สูญหายไม่เสียหลายอะไร เมื่อเราทําดีอยู่ปัจจุบันก็จะส่งผลถึงอนาคต วันพรุ่งนี้ก็จะมาเป็นวันนี้ อาทิตย์หน้า เดือนหน้า ปีหน้าก็จะมาเป็นวันนี้ ภพหน้าก็จะมาเป็น

ถ้าเราทําอยู่ปัจจุบัน เขาก็จะส่งผลให้ถึงอนาคต เรามาฝึกหัดปฏิบัติเพื่อที่จะคลายความหลง เพื่อที่จะละกิเลส หมั่นพร่ำสอนตัวเราอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราสอนเราไม่ได้ ไม่มีใครจะสอนเราได้เลย นอกจากตัวของเราเอง สอนตัวเรา เจริญสติเข้าไปอบรมใจ ที่ท่านบอกว่าตนเป็นที่พึ่งของตน

สติที่เราสร้างขึ้นมานี่เข้มแข็งแล้วหรือยัง อานิสงส์ในการเสียสละขัดเกลากิเลส เป็นบุคคลที่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ เสียสละทั้งภายใน เสียสละทั้งภายนอก ที่พวกเรามาวันนี้ก็เสียสละทางบ้าน ทางภาระหน้าที่การงาน เข้ามา เข้ามาวัด มาศึกษาพิจารณาใจของเรา อย่างน้อยๆ ไปหามากๆ สักวันหนึ่งเขาก็จะเต็มเปี่ยม ก็ต้องพยายามกัน

สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องให้ชัดเจนสักพัก สักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทํา

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง