หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 46 วันที่ 10 พฤษภาคม 2560

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 46 วันที่ 10 พฤษภาคม 2560
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 46 วันที่ 10 พฤษภาคม 2560
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 46
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 10 พฤษภาคม 2560

มีความสุขกันทุกคน วันนี้อากาศก็แจ่ม สบายๆ มาทำบุญ ฝนฟ้าคงไม่ตกลงช่วงนี้ พระเราชีเราก็พยายามพิจารณานะ พิจารณาปฏิสังขาโย จําแนกแจกแจงว่าความอยากความหิว กายเกิดความหิว ใจเกิดความอยาก เราก็รู้จักดับรู้จักควบคุม รู้จักพิจารณาหัดวิเคราะห์ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาทุกเรื่อง อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง เสียดายเวลา

ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาความเป็นอยู่ของเราเป็นอย่างไร จิตใจของเราปกติ ความปกติเป็นอย่างไร ใจเกิดกิเลส หรือใจเกิดความกังวลอะไร เราก็พยายามเจริญสติเข้าไปอบรมใจของเรา จนชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล มองเห็นความเป็นจริงได้ จนทำใจของเราให้สะอาดให้บริสุทธิ์ได้ ทำใจของเราให้สะอาดหมดจด สะอาดจากกิเลส สะอาดจากการเกิด สะอาดจากความยึดมั่นถือมั่น จนเป็นอัตโนมัติในการดูในการรู้ในการทำความเข้าใจ ไม่ใช่ว่าไปปล่อยปละละเลย เป็นหน้าที่ของทุกคน เป็นกิจวัตรที่ต้องเป็นเอกเป็นหนึ่ง

ตื่นขึ้นมารีบรู้กายรู้ใจของเรา สติปัญญาพากายไปใจรับรู้ ก็จะมีตั้งแต่ความสุข ความเกิดของใจเป็นอย่างไร ใจของทุกคนเกิดมาอยากจะได้บุญอยากจะสร้างบุญอยู่ตลอดเวลา ที่เรามาวัดเราก็เพื่อที่อยากทำบุญอยากได้บุญ การเกิดของใจนั่นแหละคือความไม่เที่ยง เราพยายามจําแนกแจกแจง สังเกตทำความเข้าใจบ่อยๆ อยู่คนเดียวเราก็พยายามสังเกตใจของเรา อยู่หลายคนเราก็พยายามสังเกตใจของเรา

การพูดง่ายอยู่ แต่การเจริญสติให้ต่อเนื่องนี่ต้องจําเป็นที่จะต้องทำ ความรู้ตัวพลั้งเผลอเมื่อไร เอาไปใช้การใช้งานไม่ได้ เราก็พยายามกระตุ้นความรู้ตัวขึ้นมา ความรู้ตัว ส่วนสติส่วนปัญญา จนรู้เท่ารู้ทัน รู้กันรู้แก้ รู้เหตุรู้ผล ทุกอย่างตั้งแต่ต้นเหตุ กลางเหตุ ปลายเหตุ ถอนรากถอนโคนของกิเลสออกจากใจของเรา เราก็จะมองเห็นหนทางเดินว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน

ก็ต้องพยายามกัน ทั้งพระทั้งโยมทั้งชี ก็มีกายมีขันธ์ห้าเหมือนกัน มีวิญญาณเข้ามาครอง วิญญาณในกายของเรา เราต้องพยายามศึกษาดู ไม่ใช่ว่าไปปล่อยปละละเลย วิญญาณหรือว่าตัวใจของเรานั่นแหละ ก็พยายาม ความอยากความหิวก็จำแนกแจกแจงออกให้ได้ ใจเกิดความอยากเราก็รู้จักดับ กายเกิดความหิวก็ให้มีความรู้อยู่ ค่อยวิเคราะห์ค่อยพิจารณา กะประมาณในการขบฉันของเรา กายทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร

การได้ยินได้ฟังทุกคนทุกท่านก็พอที่จะได้ยินได้ฟังกัน การได้อ่าน อันนั้นก็เป็นแค่เพียงแผนที่ ถ้าเราหัดเจริญสติเข้าไปดูรู้เห็นตามความเป็นจริง แล้วก็ตามดู ตามรู้ เราก็จะรู้จักจุดปล่อยจุดวาง กิเลส ใจของเราเกิดกิเลสหยาบกิเลสละเอียด เพียงแค่ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเป็นระเบียบเรียบร้อยเป็นบุคคลที่รักความสะอาด รักความเป็นระเบียบ ระเบียบทั้งภายนอกระเบียบทั้งภายใน รู้จักบอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น สติปัญญานั่นแหละเป็นตัวพร่ำสอนใจของตัวเรา ถ้าเราสอนเราไม่ได้ ไม่มีใครจะสอนเราได้หรอกนอกจากตัวของเราเอง

วิธีการแนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบมาตั้งนาน แล้วก็เอามาเปิดเผยให้สัตว์โลกก็คือพวกเรานี่แหละได้ประพฤติปฏิบัติตาม ตั้งแต่การดำเนินชีวิตเป็นอย่างไร การบริหารชีวิตของเราเป็นอย่างไร เราถึงจะถึงจุดหมายปลายทาง

คําว่า ทาน การให้ ความหมายของคําว่าทานการให้เป็นลักษณะอย่างไร ให้เพื่อลดละกิเลส เพื่อคลายจากความยึดมั่นถือมั่น เพื่ออนุเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกันหรือเรียกว่า ทาน ตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน ทานกิเลสออกจากใจของเรา ทานความยึดมั่นถือมั่น

ศีล ความปกติของกาย วาจา ใจ ส่วนมากเราก็จะไปมองเห็นตั้งแต่ศีลอยู่ตามกระดาษ ตามชื่อ เราก็ต้องพยายามน้อมเข้าไปที่กายที่ใจของเรา ใจปกติก็คือศีล กายวาจาปกติก็คือศีล ศีลคือความปกติ ความสงบ ท่านถึงว่าให้มีความเสียสละการให้ทาน รักษาศีล ทำความเข้าใจ สมาธิ ปัญญา การเจริญสติควบคุมใจ ใจอยู่ในความสงบใจก็ตั้งมั่นเป็นสมาธิ เราก็พยายามทำบ่อยๆ

ปัญญาที่แท้จริง ที่เราสร้างขึ้นมาก็จะรู้เท่ารู้ทันสังเกตใจคลายออกจากขันธ์ห้า ซึ่งอยู่ในกายของเรา นั่นแหละที่ท่านว่าแยกรูปแยกนามหรือว่าสัมมาทิฏฐิ ความรู้แจ้งเห็นจริงเปิดทางให้ การตามดูตามรู้ตามเห็นตามทำความเข้าใจเราก็ต้องตามดูจนรู้แจ้งเห็นจริง หมดความสงสัยหมดความลังเลทุกอย่าง เราก็จะมองเห็นหนทางเดิน อย่าพากันปล่อยเวลาทิ้ง เสียดายเวลา วันนี้มี พรุ่งนี้มี เดือนหน้ามี ปีหน้ามี ภพหน้ามี

การเกิดการตายนี่มีทุกวัน มีทุกวัน มารับเอาโลงศพที่หลวงพ่อบริจาคทุกวัน ปาเข้าไปเจ็ดร้อยเก้าสิบกว่า เหลืออีกสองสามโลงก็จะครบแปดร้อย นี่แหละความตายไม่ได้เลือกกาลเลือกเวลา มีโอกาส พวกเราก็พยายามหัดวิเคราะห์ หัดพิจารณา หัดทำความเข้าใจอะไรที่จะเป็นบุญ อะไรที่จะเป็นประโยชน์ ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์ในโลกนี้ ทำโลกนี้ให้ดี โลกปัจจุบันดูแลกาย ดูแลใจ สมมติของเราให้ดี ก็จะส่งผลถึงอนาคตได้เอง

ความเสียสละของเรามีหรือไม่ ความเป็นระเบียบเรียบร้อย การวิเคราะห์ การสังเกต อะไรคือรูป อะไรคือนาม ความขยันหมั่นเพียร ละอายเกรงกลัวต่อบาป เจริญกุศลให้มีให้เกิดขึ้น สูงขึ้นไปก็ปล่อยวาง ใจของเราคลายจากขันธ์ห้าได้นั่นแหละคือจุดปล่อยจุดวาง ทำความเข้าใจได้ มองเห็นหนทางเดินได้ การเกิดเป็นทุกข์ ใจก็ไม่เกิด การเป็นทาสของกิเลสเขาก็ไม่เอา มีให้เป็น ทำให้เป็น บริหารให้เป็น ส่วนมากจะเอาตั้งแต่สิ่งต่างๆ มาทับถมดวงใจของตัวเรา ก็เลยเดินไม่ถึงฝั่งสักที

ความเกิดของใจนั่นแหละคือความหลงอันลุ่มลึก เกิดแล้วยังไม่พอ มาสร้างขันธ์ห้าปิดกั้นตัวเองอีก มาเป็นทาสของกิเลสอีก เราก็ค่อยขัดค่อยเกลา ค่อยเอาออกที่นั้นทีนี่ ก็จะถึงจุดหมาย ไม่ถึงช้าก็ต้องถึงเร็ว หมั่นสร้างบุญสร้างกุศล ฝากฝังเอาไว้ในกายในใจของเรา ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชีก็ต้องพยายาม อะไรเป็นอกุศล เราพยายามละอกุศล

ดูดีๆ นะ ขโมยขโจรก็เยอะ มันมาคอยลักคอยขโมย ก็เวลาเรามาขึ้นศาลาอย่างนี้แหละมันไปงัดกุฏิวิหาร ก็รู้ว่าคนไม่อยู่ บางทีก็กลางค่ำกลางคืนนอนหลับอยู่ ยังโชคดีเน้อ มันไม่ได้ไปปลุกเสียก่อนเน้อ ถึงเอาหรือดึงขาออกมาไว้ข้างนอกเสียก่อน ค่อยไปค้นหา ต้องพยายามฝึกฝนตนเองให้มีสติมีปัญญาคอยแก้ไขอยู่ตลอดเวลา ขโมยเขาก็ทำหน้าที่ของเขา ตำรวจก็ไปไล่จับ จับได้ก็ไปลงโทษ จับไม่ได้ก็ยกให้เป็นกรรม เราอย่าไปโทษ อคติเพ่งโทษให้ใจของเราเศร้าหมอง เราพยายามทำใจของเราให้สะอาดให้บริสุทธิ์ ทรัพย์ภายในตรงนี้ไม่มีใครที่จะลักขโมยไปได้เลย

ตั้งใจรับพรกัน

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง