หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 92 วันที่ 30 ธันวาคม 2561

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 92 วันที่ 30 ธันวาคม 2561
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 92 วันที่ 30 ธันวาคม 2561
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 92
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 30 ธันวาคม 2561

มีความสุขกันทุกคน เช้านี้อากาศก็เย็นสบาย ให้ดูดีๆ พระเราชีเราพิจารณาปฏิสังขาโย กะประมาณในการขบฉันของตัวเราเอง ทุกเรื่องตั้งแต่ตื่นขึ้น พอรู้ตัวตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ก็สํารวจกายสํารวจใจ รู้ลมหายใจเข้าออกของเรา จะลุกจะก้าวจะเดินใจยังปกติ ใจยังนิ่ง ใจไม่เกิด

ความคิด ลักษณะอาการของความคิดเขาเกิดได้อย่างไร ความคิดที่เกิดจากใจ ความคิดที่เกิดจากอาการของใจซึ่งเป็นส่วนนามธรรม ความคิดที่เราใช้กันทุกวันนี้แหละ ความคิด เขาเรียกว่า ความคิดปัญญาโลกีย์ เราจงมาสร้างความรู้ตัวเข้าให้ต่อเนื่อง ให้รู้เท่าทันการเกิดของใจ การเกิดของขันธ์ห้า จนใจคลายออกจากขันธ์ห้า ซึ่งเรียกว่า แยกรูปแยกนามหรือว่าสัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกในหลักธรรม เห็นถูก เข้าใจในเรื่องวิญญาณในกายของตัวเราเอง เข้าใจในเรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในกายของเรา อันนี้กองรูป อันนี้กองนาม ที่ท่านว่าเป็นกองเป็นขันธ์ มีอยู่ในกายของเราหมด

ท่านให้เจริญสติเข้าไปอบรมใจของตัวเราเอง เจริญสติเข้าไปชี้เหตุชี้ผล แต่เวลานี้กําลังสติ ความระลึกรู้ตัวอยู่ปัจจุบันที่ต่อเนื่องมีน้อยไม่ค่อยจะมี ก็เลยรู้ไม่ทันการเกิดของใจ การเกิดของขันธ์ห้า รู้อยู่ตั้งแต่ว่าเราคิดเราทำ แต่ต้นเหตุของความรู้เราเข้าไม่ถึงตรงนั้น เพราะว่ากําลังสติของทุกคนมีน้อย ก็ต้องพยายาม

พยายามเอา ศึกษาค้นคว้าขณะที่ยังมีกําลังกายอยู่ เพราะว่าทุกคนเกิดมาเท่าไรก็ตายหมด ทุกคนเกิดมาเท่าไรก็มีการพลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็น ก็ต้องได้พลัดพรากจากการตอนตาย เพราะเป็นกฎของไตรลักษณ์

ความตายเกิดมาพร้อมกับความเกิด มีการเกิดก็มีการตาย พวกเราจงสำเหนียกอยู่ตลอดเวลา จงเป็นบุคคลที่เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา ไม่หวั่นไหวแม้จะเกิดอะไรขึ้น เราก็ต้องเป็นบุคคลที่เตรียมพร้อม ถึงเราดับความเกิดไม่ได้ เดินปัญญาชี้เหตุชี้ผลไม่ได้ ก็ขอให้อยู่ในกองบุญ พยายามอยู่ในกองบุญ สร้างบุญ สร้างกุศล สร้างบารมี นี่ทำมากทำน้อยก็เป็นอานิสงส์ของพวกเรา มีโอกาสก็ขอเชิญพี่น้องเราให้ร่วมกันทำ ช่วยกันทำไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน สิ่งไหนที่จะเป็นประโยชน์ ประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ประโยชน์สูงสุด ประโยชน์ในโลกนี้ ประโยชน์ในโลกหน้า ไม่ว่าอยู่ ณ สถานที่ใดมีโอกาสก็ให้รีบทำ

คนเราถ้าหมดลมหายใจก็มีแต่เรื่องบุญกับเรื่องบาป สูงขึ้นไปก็ละบุญละบาป สร้างบุญไม่ยึดติดในบุญ ยังประโยชน์ให้กับสมมติ เพราะว่าคนเราเกิดมามีร่างกายมีขันธ์ห้าเขาเรียกว่า ก้อนทุกข์ นั่งนานก็ทุกข์ หิวก็ทุกข์ อิริยาบถก็เลยปิดบังทุกข์ ยืน เดิน นั่ง นอน กิน อยู่ ขับถ่าย ก็เลยปิดบังทุกข์

ใจกายไม่อยู่ในอำนาจของใจ แต่ใจของเรามาหลงมายึดว่าเป็นตัวเป็นตนของเรา กายก็เลยหนักใจก็เลยหนัก อยากจะรู้ความจริงเราก็ดำเนินตามคําสอนพระพุทธองค์ การเจริญสติเป็นอย่างนี้ สติที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างนี้ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่เกิดใจที่คลายจากขันธ์ห้าเป็นอย่างนี้ ก็จะมองเห็นชัดเจน มองเห็นหนทางเดินว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน

ในเวลานี้เราเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ซึ่งเรียกว่า ธาตุสี่ขันธ์ห้า มีวิญญาณคือตัวใจของเรานี่แหละมาครอบครอง ขณะที่ยังมีกายอยู่นี่เขาก็ยังเกิดต่อ คือความคิดของเราเนี่ย เกิดด้วยอำนาจของกิเลส ด้วยอำนาจของความทะเยอทะยานอยาก

แต่ละวันตื่นขึ้นมาเกิดไปสักกี่เที่ยว เกิดไปสักกี่เรื่อง เหตุจากภายนอกทำให้เกิดหรือเกิดจากภายใน นี่ถ้าอยากจะรู้อยากจะเห็นตรงนี้เราก็ต้องเจริญสติให้ต่อเนื่อง รู้จักควบคุม ควบคุมใจของตัวเรา อบรมใจของตัวเราด้วยการให้เจริญสติเข้าไปชี้เหตุชี้ผล แล้วก็รู้จักสร้างบารมี

ใจของเราเกิดความโลภ เราก็พยายามละความโลภด้วยการให้ด้วยการเอาออก ใจเกิดความโกรธก็พยายามรู้จักดับ หยุดความโกรธด้วยการให้อภัยอโหสิกรรม เรามีความเกียจคร้านเราก็สร้างความขยันหมั่นเพียร สร้างความรับผิดชอบ มีความกตัญญูกตเวที มีสัจจะกับตัวเราอยู่ตลอดเวลา ใจของเราก็มองโลกในทางที่ดี คิดดีทำดี ก็ต้องพยายามกัน ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนแต่มีเหตุมีผล

เกิดวันนี้ ถ้าเราดับความเกิดไม่ได้มันก็ต้องไปเกิดต่อ เกิดก็ขอให้เกิดอยู่ในกองบุญกองกุศลเอาไว้ จะไม่ได้เสียทีเสียเที่ยวที่ได้เกิดมา แล้วก็มีโอกาสได้รับการศึกษาได้รับการเล่าเรียน ผ่านกาลผ่านเวลา ผ่านทุกข์ผ่านร้อนผ่านหนาวก็ผ่านกันมา คือเราก็ต้องพยายามรีบตักตวงเอาขณะที่ยังมีกําลังกายอยู่ สิ่งพวกนี้ทำให้กันไม่ได้ นอกจากจะชี้แนะวิธีการแนวทาง แนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบมาหลายร้อยหลายพันปี สัจธรรมก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม ความจริงก็มีอยู่เหมือนเดิม พวกเราอาจจะเข้ายังไม่ถึง เพราะว่าอำนาจกิเลส อาจจะกิเลสหยาบบ้าง กิเลสละเอียดบ้างปิดบังเอาไว้ ก็ต้องพยายามกัน

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงไหว้พระพร้อมๆ กัน

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง