หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 40 วันที่ 21 มิถุนายน 2561

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 40 วันที่ 21 มิถุนายน 2561
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 40 วันที่ 21 มิถุนายน 2561
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 40
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 21 มิถุนายน 2561

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของตัวเราเองให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย และก็วางใจให้สบาย ไม่ต้องประนมมือ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว

การหายใจยาว หายใจเข้ายาว หายใจออกยาว กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออก กระทบปลายจมูกของเราก็จะชัดเจนเพียงแค่เราสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้นตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ ความรู้สึกตัวทั่วพร้อมและก็รู้สึกตัวให้ต่อเนื่อง หลักธรรมท่านว่าสติสัมปชัญญะ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม

ส่วนการเกิดการดับของใจนั้นมีอยู่เดิม ใจนี้เกิด หลงเกิดมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แล้วก็หลงมาเกิด มาสร้างขันธ์ห้าปิดกั้นตัวเอง หลงตั้งแต่ยังไม่เกิด อันนั้นหลงชั้นหนึ่ง หลงมาเกิดในภพมนุษย์ มาสร้างขันธ์ห้า อันนี้ก็อีกชั้นหนึ่ง ขณะอยู่ในกายของเราก็ยังเกิดต่ออีก เกิดต่ออีกยังไม่พอยังเป็นทาสกิเลสอีก กิเลสหยาบกิเลสละเอียด สารพัดกิเลสต่างๆ ที่มีอยู่ในใจของเรา นั่นแหละใจของเราหลงทั้งที่เป็นธาตุรู้ แต่เขาก็ยังหลงอยู่

พระพุทธองค์ท่านให้เจริญสติลงที่กายของเรา แล้วก็เจริญสติเข้าไปอบรมใจของเรา จนเห็นเหตุเห็นผล ชี้เหตุชี้ผล จนใจคลายออกจากขันธ์ห้าหรือว่าแยกรูปแยกนาม ใจหงายขึ้นมา ใจก็ว่างกายก็เบา ความรู้ตัวหรือว่าสติปัญญา เราก็จะตามดูรู้เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในขันธ์ห้า ในร่างกายของเรา เห็นความเกิดความดับของจิตวิญญาณ เห็นความเกิดความดับของขันธ์ห้า ซึ่งมีกันทุกคน

แต่เวลานี้กำลังสติของพวกเรามีน้อย เราพยายามสร้าง แล้วก็เอาไปใช้เอาไปแก้ไขตัวเรา การเจริญสติก็เพื่อที่จะเอาไปอบรมใจของเราให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็น แล้วก็เอาไปวิเคราะห์พิจารณา ชี้เหตุชี้ผลจนใจคลายออกแยกรูปแยกนาม ตามดูรู้เห็นตามความเป็นจริงแล้วก็ละกิเลส กิเลสหยาบเป็นอย่างไร กิเลสละเอียดเป็นอย่างไร กายทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร เราพยายามทำความเข้าใจ สักวันหนึ่งเราก็คงจะมองเห็นหนทางเดิน ว่าเราจะได้กลับมาเกิด หรือไม่กลับมาเกิดกัน

ส่วนศรัทธานั้นทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม ศรัทธาเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย เชื่อมั่นในบุญในบาป สูงขึ้นไปเราก็รู้จักการเจริญภาวนา ชี้เหตุชี้ผล อะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน ว่าพระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องอะไร ท่านสอนเรื่องชีวิต ชีวิตของทุกคนนั่นแหละ สอนเรื่องชีวิตและก็รู้จักแก้ไข อะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน

การเจริญสติรู้ตัวเป็นลักษณะอย่างนี้ สติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเป็นลักษณะอย่างนี้ การเกิดของใจเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่ไม่เกิด ใจที่ปกติเป็นลักษณะอย่างนี้ เราละกิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียดเป็นลักษณะอย่างนี้ เราต้องเห็นเหตุเห็นผล ชี้เหตุชี้ผล มองเห็นตามความเป็นจริงแล้วก็ค่อยละ

ยิ่งเจริญสติเท่าไรเราก็ยิ่งเห็นกิเลสเยอะ ยิ่งฝึกเท่าไรยิ่งเห็นเยอะ ยิ่งเห็นเยอะเท่าไรเราก็ยิ่งทำความเข้าใจ แล้วก็ค่อยละ ค่อยขัด ค่อยเกลา ค่อยเอาออกทีละเล็กทีละน้อย เราจะไปละกิเลสทีเดียวให้หมดจดอันนั้นก็เป็นไปได้ยาก เพราะว่าจิตใจของทุกคนนั้นเป็นทาสของกิเลสมานาน เราจงพยายามหมั่นขัดเกลาด้วยการเจริญพรหมวิหาร การเจริญความเมตตา มองโลกในทางที่ดี คิดดีทำดี ค่อยขัดเกลาเอาออกทีละเล็กทีละน้อย ใจเกิดความโลภเราก็พยายามละความโลภ ใจเกิดความโกรธเราก็พยายามละความโกรธ ด้วยการให้อภัย ด้วยอโหสิกรรม

ใจเกิดกิเลส กิเลสหยาบ กิเลสละเอียด เราเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล ตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ จนกระทั่งนอนหลับ จนกระทั่งหมดลมหายใจนั่นแหละ พยายามศึกษาวิเคราะห์ขณะที่กำลังกายของเรายังแข็งแรงอยู่ เราพยายามตักตวง สร้างบุญสร้างกุศลให้มีให้เกิดขึ้นที่กายที่ใจของเรา อย่าพากันผัดวันประกันพรุ่ง เสียดายเวลา ทุกลมหายใจเข้าออกมีค่ามากมายมหาศาล

เราจงพยายามรีบเร่งศึกษาทำความเข้าใจตามแนวทางของพระพุทธองค์ อย่าไปปิดกั้นตัวของเราว่าไม่มีโอกาส ว่าไม่มีเวลา ทำไม่ได้ ทำได้กันหมดทุกคน จะทำได้มากทำได้น้อยเราก็อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง วันนี้มีพรุ่งนี้มี เดือนนี้มีเดือนหน้ามี ภพนี้มีภพหน้ามี เราพยายามทำปัจจุบันให้ดี ก็จะส่งผลถึงอนาคต อะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน เราพยายามมองเห็นหนทาง สร้างหนทางเดิน จนกว่าใจของเราจะเข้าถึงความสะอาด ความบริสุทธิ์ ความหลุดพ้น ไม่หลุดพ้นวันนี้ก็ต้องหลุดพ้นวันหน้า ไม่หลุดพ้นจริงๆ ก็ไปต่อเอาภพหน้า ในสิ่งที่พวกเราทำ

อย่าไปทิ้งบุญ ระลึกนึกถึงในบุญ การทำบุญการให้ทานเป็นพื้นฐานของการทำใจให้สะอาดให้บริสุทธิ์ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน มองโลกในทางที่ดี คิดดีทำดี แล้วก็พยายามน้อมนำคำสอนของพระพุทธองค์ให้มี ให้เห็น ให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเรา ท่านถึงบอกให้เชื่อ

การละกิเลส กิเลสก็มีหลายชั้น หลายขั้นหลายตอน กิเลสหยาบกิเลสละเอียด แม้แต่ความเกิดของใจก็เป็นกิเลสที่ละเอียดที่สุด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด แต่เวลานี้เราก็เกิดมาอยู่ในภพมนุษย์ แล้วก็มาสร้างขันธ์ห้า แล้วก็มายึดติดขันธ์ห้า แล้วก็เกิดต่อ เราพยายามศึกษา ดับความเกิด คลายความหลง ดับความเกิดให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น ขณะที่ยังมีกำลังอยู่

แต่เวลานี้กำลังสติของเรามีน้อย รู้ไม่ทันการเกิดของใจ รู้ไม่ทันการเกิดของขันธ์ห้า เราพยายามหัดวิเคราะห์ตรงนี้ให้ทัน เพียงแค่สร้าง แค่รักษา กับทำความเข้าใจให้ได้ต่อเนื่องให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น สักวันหนึ่งเราก็คงจะบรรลุถึงจุดหมายปลายทางกัน

สร้างความรู้ตัวให้ชัดเจนให้ต่อเนื่อง ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกันนะ

ไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างศึกษาต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง