หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 31 วันที่ 19 พฤษภาคม 2561

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 31 วันที่ 19 พฤษภาคม 2561
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 31 วันที่ 19 พฤษภาคม 2561
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 31
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2561

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย หลวงพ่อก็เพียงแค่บอกแค่กล่าววิธีการแนวทาง พวกท่านจงพยายามสร้างขึ้นมาให้มีให้เกิดขึ้น ความรู้ตัวไม่มีก็สร้างขึ้นมา รู้สัมผัสของลมหายใจเข้าออก ลมหายใจเข้าเป็นอย่างไร ลมหายใจออกเป็นอย่างไร ได้บังคับลมหายใจหรือไม่ หรือว่าเป็นธรรมชาติ พยายามฝักใฝ่พยายามสนใจศึกษาค้นคว้ารู้เท่ารู้ทัน

ส่วนการเกิดของใจนั้นมีกันทุกคน การเกิดของความคิด ความคิดเก่าที่เกิดจากใจหรือว่าตัววิญญาณ อาการของวิญญาณ อาการของใจ แล้วแต่จะเรียก มีกันทุกคน มีมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด ใจของทุกคนนี่หลง หลงมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด แล้วก็หลงมาเกิดอยู่ในภพมนุษย์ มาสร้างขันธ์ห้าคือร่างกายของเรา แล้วก็มาอาศัยขันธ์ห้า ในขันธ์ห้านี้มีอะไรบ้าง ที่พระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบแล้วก็เอามาเปิดเผย มาจำแนกแจกแจง ด้วยการสร้างความรู้ตัวหรือว่าเจริญสติเข้าไปอบรมใจไปวิเคราะห์ใจ รู้เท่าทันการเกิดของใจ รู้เท่าทันการเกิดของความคิดของขันธ์ห้า ว่าใจเกิดอย่างไร ใจไปรวมกับความคิดได้อย่างไร รู้ไม่ทันเราก็รู้จักควบคุม รู้จักสร้างอานิสงส์ สร้างตบะสร้างบารมี ความอดทนอดกลั้นของเรามีหรือไม่ ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเสียสละ การละกิเลส ละความโลภ ละความโกรธ ส่วนความหลงต้องเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ใจ แยกรูปแยกนามได้เมื่อไรความหลงก็จะคลาย

เพียงแค่เริ่มต้น เราต้องตามดูรู้เห็นตามความเป็นจริง เห็นการเกิดการดับ เขาเรียกว่า เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ในขันธ์ห้า รู้ด้วยเห็นด้วย แล้วก็ตามดูได้ด้วย ทำความเข้าใจได้ด้วย ยิ่งสนุกว่ากิเลสตัวไหนจะมาหลอกเรา เราจะพลั้งเผลอให้กิเลสตัวไหนบ้าง กิเลสหยาบเป็นอย่างไร กิเลสละเอียดเป็นอย่างไร ความรู้ตัวของเราพลั้งเผลอได้อย่างไร ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาใจของเราส่งออกไปภายนอกสักกี่เรื่อง ความคิดนั่นแหละเกิดสักกี่ครั้ง เป็นกุศลหรือว่าอกุศล อาการของความคิดที่เราไม่ได้ตั้งใจคิด หรือว่าอาการของขันธ์ห้า เขาผุดขึ้นมา ใจเคลื่อนเข้าไปรวมได้อย่างไร แต่เวลานี้กำลังสติของเรามีไม่เพียงพอ อาจจะควบคุมใจได้เป็นบางครั้งบางเรื่อง เราต้องพยายามหัดควบคุม แล้วก็หัดสังเกตรู้เห็นตามความเป็นจริง

ใจของเราปกติเขาเรียกว่า ศีล ใจของเราสงบเขาเรียกว่า สมาธิ สงบจากการข่มเอาไว้ หรือว่าสงบจากการเดินปัญญา แยกรูปแยกนาม รู้เห็นตามความเป็นจริง กำลังสติของเราต้องเข้มแข็ง รู้เท่ารู้ทัน เห็นเหตุเห็นผล ชี้เหตุชี้ผล จนใจยอมรับความเป็นจริงได้นั่นแหละใจเขาถึงจะสงบ อันนี้เรื่องของกาย อันนี้เรื่องของใจ แต่เขาก็อาศัยกันอยู่ ท่านถึงบอกว่าให้รอบรู้ในกองสังขาร ให้รอบรู้ในดวงวิญญาณในใจ ให้รอบรู้ในโลกธรรมในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว ทุกเรื่องตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนกระทั่งหมดลมหายใจเป็นเรื่องของเราทั้งนั้น ทำอย่างไรเราถึงจะขัดเกลากิเลสออกให้หมดจากจิตจากใจของเรา ทำอย่างไรเราถึงจะละกิเลสได้ กิเลสเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ความเกิด ความเกิดของใจ ตัวใจนั้นเกิดหรือว่าใจส่งไปภายนอก ภาษาธรรมะท่านเรียกว่า สมุทัย สาเหตุแห่งทุกข์ ส่งไปภายนอกก็ยังไม่พอ ก็ยังรวมกับขันธ์ห้าอีก ยึดมั่นถือมั่น กายก็เลยหนัก ใจก็เลยหนัก

บางคนบางท่านก็อาจจะมองเห็นตามความเป็นจริงระดับสมมติ แต่ก็ยังดับทุกข์ไม่ได้ เราต้องพยายามชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล จนใจหมดความสงสัยหมดความลังเล การพูดง่าย การกระทำการลงมือต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียรเป็นเลิศ มีการขัดเกลากิเลสเป็นเลิศ ต้องพยายามกันไม่เหลือวิสัย วันนี้พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ก็จะมาเป็นวันนี้ เดือนนี้ก็เดือนหน้า เดือนนี้ก็จะมาเป็นวันนี้ วันนี้มีพรุ่งนี้มี ภพนี้มีภพหน้ามี เราจงพยายามศึกษาค้นคว้าให้ละเอียดในขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่ อย่าพากันผัดวันประกันพรุ่ง ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ก็ต้องพยายามเอา พยายามเอา ทำความเข้าใจให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็น

ที่ท่านบอกว่าตนเป็นที่พึ่งของตน ตนตัวแรก คือตัวสติที่เรากำลังสร้างอยู่นี่แหละ ความรู้ตัว ความรู้ตัวพลั้งเผลอได้อย่างไร ความรู้ตัวของเราเอาไปสังเกตวิเคราะห์ใจของเราได้หรือไม่ ส่วนความคิดเก่าที่เกิดจากใจ เกิดจากของขันธ์ห้านั้นมีอยู่เดิม เขาก็หาเหตุหาผล เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เพราะว่าเขาอยู่ด้วยกันมานาน เราก็ต้องพยายามเจริญสติเข้าไปแยกไปคลาย ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล ตามดูรู้ทุกเรื่อง เมื่อใจรู้ความเป็นจริง เขาก็จะเกิดความเบื่อหน่ายเอง แต่เวลานี้เขารวมกันไปทั้งก้อน เราก็ต้องพยายามนะ

เพียงแค่การเจริญสติ สร้างความรู้ตัวพวกเรายังทำกันไม่ค่อยจะต่อเนื่องเลย เพียงแค่ 5 นาที 10 นาทีนี้ก็ลำบาก เราก็ต้องพยายามทำ ทำยิ่งไม่เข้าใจเท่าไร ยิ่งฝึก ฝึกการทำความเข้าใจจนรู้เห็นตามความเป็นจริง จนใจของเราตกกระแสธรรม สติ สมาธิ ปัญญา ช่วงนั้นเขาจะรักษาเรา ช่วงนี้เราต้องสร้างต้องทำความเข้าใจ จำแนกแจกแจงทุกสิ่ง จนหมดความสงสัยหมดความลังเลนั่นแหละ สติปัญญาถึงจะรักษาเราได้ ก็ต้องพยายามกัน

สร้างความรู้ตัวให้ชัดเจนให้ต่อเนื่อง ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกัน

พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปศึกษาทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง