หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 20 วันที่ 25 มีนาคม 2561
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 20 วันที่ 25 มีนาคม 2561
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 20
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 25 มีนาคม 2561
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่พวกเราได้เจริญสติให้ต่อเนื่องกันแล้วหรือยัง ทั้งที่ใจก็ปรารถนาอยากจะรู้บุญ อยากจะได้บุญ อยากจะรู้ธรรม
เราต้องพยายามเจริญสติเข้าไปอบรมใจของเราบ่อยๆ จนเห็นเหตุเห็นผล จนชี้เหตุชี้ผล จนใจคลายออกจากความคิดซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรมด้วยกัน อันนี้ส่วนรูป อันนี้ส่วนนาม อันนี้คือส่วนความรู้ตัวหรือว่าสติที่เราสร้างขึ้นมา เพียงแค่การสร้าง การดำเนินให้ต่อเนื่องตรงนี้ก็ลำบากอยู่ ถ้าไม่มีความเพียรจริงๆ มันก็ยากอยู่ ทั้งที่ใจก็เป็นบุญนั่นแหละ ก็ต้องพยายามกัน ไม่มีอะไรมากหรอก
ถ้าเรารู้จักค้นหา แสวงหาตามแนวทางของพระพุทธองค์ที่ท่านได้ค้นพบแล้วก็เอามาเปิดเผยว่า คนเราชีวิตของเรานี้ประกอบขึ้นมาด้วยอะไรบ้าง ที่มีวิญญาณเข้ามาครอบครอง วิญญาณหรือว่าตัวใจนี้หลงมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด หลงมาอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ที่ตามหลักการหลักพระไตรปิฎกท่านได้บัญญัติเอาไว้ ทีนี้ก็หลงมาเกิดอยู่ในภพมนุษย์ ภพมนุษย์มี ภพเดรัจฉานมี นรกมี สวรรค์มี นิพพานมี วันนี้มี พรุ่งนี้มี แต่เรายังเข้าไม่ถึง เราอาจจะมองเห็นด้วยตาเนื้อ มองเห็นความสุขด้วยตาเนื้อ ความทุกข์ด้วยตาเนื้อ
แต่ตาปัญญาที่ฝึกฝนเจริญ ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล ที่ท่านบอกว่าแยกรูปแยกนาม หรือว่าสัมมาทิฏฐิ ความเห็นจริง ความเห็นแจ้ง อันนี้กองรูป อันนี้กองนามที่ว่าเป็นกองเป็นขันธ์ เป็นกองเป็นขันธ์ได้อย่างไร นี่กองวิญญาณ กองความคิด กองอารมณ์ ทำไมใจถึงเกิดกิเลส อะไรคือสติปัญญาที่จะฝึกแล้วเอาไปอบรมใจของเรา ชี้เหตุชี้ผล
การเกิดเป็นทุกข์ การเป็นทาสกิเลสก็เป็นทุกข์ ความไม่เที่ยง ความเกิดนั่นแหละคือกิเลสอันละเอียดที่สุด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด เกิดแล้วก็ยังไม่พอ มายึด มาติด มาสร้างขันธ์ห้า มาสร้างสมมติปิดกั้นตัวเองเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง แล้วก็เกิดต่ออีกชั้นหนึ่งเป็นทาสกิเลสหยาบกิเลสละเอียดอีก ปกปิดเอาไว้มิดแน่นหนาเลยทีเดียว
นอกจากบุคคลที่มีความเพียร มีกำลังสติ มีกำลังปัญญา รู้จักสร้างอานิสงส์ สร้างบารมี ใจเกิดกิเลสละกิเลส ใจเกิดความโลภละความโลภ ใจเกิดความโกรธดับความโกรธด้วยการให้อภัยอโหสิกรรม หมั่นขยันหมั่นเพียร หมั่นวิเคราะห์ หมั่นสำรวจใจเราอยู่ตลอดเวลา
แนวทางนั้นพระพุทธองค์ได้ค้นพบมานาน ถ้าเรารู้จักวิธีการ รู้จักแนวทางแล้วก็ไปทำ การเจริญสติเป็นอย่างนี้ ใจที่ปกติเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่มีกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่คลายจากขันธ์ห้าเป็นลักษณะอย่างนี้ การละกิเลส เราละกิเลสได้ระดับไหน กิเลสหยาบ กิเลสละเอียด
การได้ยิน การได้ฟัง ทุกคนก็ได้ยินได้ฟังกันมาตั้งนาน แต่การลงมือต้องอาศัยความเพียร อาศัยความเด็ดขาด อาศัยสัจจะความจริงใจต่อตัวเรา มีความกล้าหาญอาจหาญ มีความละอายเกรงกลัว ตบะ มองเห็นเหตุเห็นผล หมั่นพร่ำสอนใจของเราอยู่ตลอดเวลา แต่เวลานี้กำลังสติการเจริญสติอาจจะมีบ้างเป็นบางช่วงบางครั้งบางคราว กำลังสติที่จะเอาไปใช้งานใช้การมีไม่เพียงพอ ก็ต้องพยายามกันนะ ทำวันนี้ให้ดีอนาคตก็จะออกมาดี ไม่ว่าอยู่ในอิริยาบถไหน ยืน เดิน นั่ง นอน กินอยู่ ขับถ่าย
ทว่าทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา คือ ความไม่เที่ยง ความไม่เที่ยงระดับสมมติ ความไม่เที่ยงระดับวิมุตติ คือตัวใจยังเกิด ยังเกิดอยู่เขาเรียกว่าความไม่เที่ยง เกิดยังไม่พอแล้วก็ยังหลงอีก ทั้งเกิดทั้งไม่เกิด ทั้งอยากทั้งไม่อยากนั่นแหละ เพราะความนิ่งมันไม่มีเขาเรียกว่า ความไม่เที่ยง
เราก็ต้องพยายามศึกษาหาความจริงในกายก้อนนี้ขณะที่เรายังมีกำลังกายอยู่ อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง พยายามทำ สร้างความรู้ตัวให้ชัดเจนให้ต่อเนื่อง ไม่เข้าใจเท่าไรก็ยิ่งเพิ่มความเพียรเป็นทวีคูณจนเป็นอัตโนมัติ ในการดู ในการรู้ในการทำความเข้าใจ จนไม่ได้ทำอะไร จนมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติหมด
สร้างความรู้ตัวให้ชัดเจนกันนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พยายามพากันไปทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 25 มีนาคม 2561
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่พวกเราได้เจริญสติให้ต่อเนื่องกันแล้วหรือยัง ทั้งที่ใจก็ปรารถนาอยากจะรู้บุญ อยากจะได้บุญ อยากจะรู้ธรรม
เราต้องพยายามเจริญสติเข้าไปอบรมใจของเราบ่อยๆ จนเห็นเหตุเห็นผล จนชี้เหตุชี้ผล จนใจคลายออกจากความคิดซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรมด้วยกัน อันนี้ส่วนรูป อันนี้ส่วนนาม อันนี้คือส่วนความรู้ตัวหรือว่าสติที่เราสร้างขึ้นมา เพียงแค่การสร้าง การดำเนินให้ต่อเนื่องตรงนี้ก็ลำบากอยู่ ถ้าไม่มีความเพียรจริงๆ มันก็ยากอยู่ ทั้งที่ใจก็เป็นบุญนั่นแหละ ก็ต้องพยายามกัน ไม่มีอะไรมากหรอก
ถ้าเรารู้จักค้นหา แสวงหาตามแนวทางของพระพุทธองค์ที่ท่านได้ค้นพบแล้วก็เอามาเปิดเผยว่า คนเราชีวิตของเรานี้ประกอบขึ้นมาด้วยอะไรบ้าง ที่มีวิญญาณเข้ามาครอบครอง วิญญาณหรือว่าตัวใจนี้หลงมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด หลงมาอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ที่ตามหลักการหลักพระไตรปิฎกท่านได้บัญญัติเอาไว้ ทีนี้ก็หลงมาเกิดอยู่ในภพมนุษย์ ภพมนุษย์มี ภพเดรัจฉานมี นรกมี สวรรค์มี นิพพานมี วันนี้มี พรุ่งนี้มี แต่เรายังเข้าไม่ถึง เราอาจจะมองเห็นด้วยตาเนื้อ มองเห็นความสุขด้วยตาเนื้อ ความทุกข์ด้วยตาเนื้อ
แต่ตาปัญญาที่ฝึกฝนเจริญ ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล ที่ท่านบอกว่าแยกรูปแยกนาม หรือว่าสัมมาทิฏฐิ ความเห็นจริง ความเห็นแจ้ง อันนี้กองรูป อันนี้กองนามที่ว่าเป็นกองเป็นขันธ์ เป็นกองเป็นขันธ์ได้อย่างไร นี่กองวิญญาณ กองความคิด กองอารมณ์ ทำไมใจถึงเกิดกิเลส อะไรคือสติปัญญาที่จะฝึกแล้วเอาไปอบรมใจของเรา ชี้เหตุชี้ผล
การเกิดเป็นทุกข์ การเป็นทาสกิเลสก็เป็นทุกข์ ความไม่เที่ยง ความเกิดนั่นแหละคือกิเลสอันละเอียดที่สุด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด เกิดแล้วก็ยังไม่พอ มายึด มาติด มาสร้างขันธ์ห้า มาสร้างสมมติปิดกั้นตัวเองเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง แล้วก็เกิดต่ออีกชั้นหนึ่งเป็นทาสกิเลสหยาบกิเลสละเอียดอีก ปกปิดเอาไว้มิดแน่นหนาเลยทีเดียว
นอกจากบุคคลที่มีความเพียร มีกำลังสติ มีกำลังปัญญา รู้จักสร้างอานิสงส์ สร้างบารมี ใจเกิดกิเลสละกิเลส ใจเกิดความโลภละความโลภ ใจเกิดความโกรธดับความโกรธด้วยการให้อภัยอโหสิกรรม หมั่นขยันหมั่นเพียร หมั่นวิเคราะห์ หมั่นสำรวจใจเราอยู่ตลอดเวลา
แนวทางนั้นพระพุทธองค์ได้ค้นพบมานาน ถ้าเรารู้จักวิธีการ รู้จักแนวทางแล้วก็ไปทำ การเจริญสติเป็นอย่างนี้ ใจที่ปกติเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่มีกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่คลายจากขันธ์ห้าเป็นลักษณะอย่างนี้ การละกิเลส เราละกิเลสได้ระดับไหน กิเลสหยาบ กิเลสละเอียด
การได้ยิน การได้ฟัง ทุกคนก็ได้ยินได้ฟังกันมาตั้งนาน แต่การลงมือต้องอาศัยความเพียร อาศัยความเด็ดขาด อาศัยสัจจะความจริงใจต่อตัวเรา มีความกล้าหาญอาจหาญ มีความละอายเกรงกลัว ตบะ มองเห็นเหตุเห็นผล หมั่นพร่ำสอนใจของเราอยู่ตลอดเวลา แต่เวลานี้กำลังสติการเจริญสติอาจจะมีบ้างเป็นบางช่วงบางครั้งบางคราว กำลังสติที่จะเอาไปใช้งานใช้การมีไม่เพียงพอ ก็ต้องพยายามกันนะ ทำวันนี้ให้ดีอนาคตก็จะออกมาดี ไม่ว่าอยู่ในอิริยาบถไหน ยืน เดิน นั่ง นอน กินอยู่ ขับถ่าย
ทว่าทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา คือ ความไม่เที่ยง ความไม่เที่ยงระดับสมมติ ความไม่เที่ยงระดับวิมุตติ คือตัวใจยังเกิด ยังเกิดอยู่เขาเรียกว่าความไม่เที่ยง เกิดยังไม่พอแล้วก็ยังหลงอีก ทั้งเกิดทั้งไม่เกิด ทั้งอยากทั้งไม่อยากนั่นแหละ เพราะความนิ่งมันไม่มีเขาเรียกว่า ความไม่เที่ยง
เราก็ต้องพยายามศึกษาหาความจริงในกายก้อนนี้ขณะที่เรายังมีกำลังกายอยู่ อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง พยายามทำ สร้างความรู้ตัวให้ชัดเจนให้ต่อเนื่อง ไม่เข้าใจเท่าไรก็ยิ่งเพิ่มความเพียรเป็นทวีคูณจนเป็นอัตโนมัติ ในการดู ในการรู้ในการทำความเข้าใจ จนไม่ได้ทำอะไร จนมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติหมด
สร้างความรู้ตัวให้ชัดเจนกันนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พยายามพากันไปทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ