หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 18
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 18
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนให้ต่อเนื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่พวกเราได้สร้างความรู้ตัวหรือว่าเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์กาย วิเคราะห์ใจของเราแล้วหรือยัง ความรู้ตัวที่ต่อเนื่องเป็นอย่างไร เราพยายามสร้างขึ้นมา แล้วก็พยายามให้ต่อเนื่อง แล้วก็พยายามเอาไปใช้การใช้งาน รู้ รู้ลักษณะของใจ การเกิดของใจ การเกิดของขันธ์ห้าหรือว่าความคิดที่เราไม่ได้ตั้งใจคิด ซึ่งเป็นส่วนนามธรรมเขาเกิดอย่างไร อะไรคือส่วนรูป อะไรคือส่วนนาม เราต้องรู้เห็นตั้งแต่ ตั้งแต่เริ่มก่อตัวเขาเรียกว่า เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ในขันธ์ห้าในร่างกายของเรา พยายามเพิ่มความเพียรให้เป็นทวีคูณ
การเกิดมาของมนุษย์ เพียงแค่การเกิด จิตวิญญาณเกิดนี่ก็คือความหลงอันละเอียด เขามาสร้างภพมนุษย์หรือว่ามาสร้างร่างกายขันธ์ห้าของเราปิดกั้นตัวเองเอาไว้อีก ใจก็ไปเกิดต่อ เกิดต่อก็ยังไม่พอ ยังเป็นทาสของกิเลสอีก กิเลสก็มีหลายชนิดอีก กิเลสหยาบๆ ความโลภ ความโกรธ ความทะเยอทะยานอยาก กิเลสหยาบๆ กิเลสละเอียด มลทินต่างๆ ที่เกิดจากใจของเราหลายสิ่งหลายอย่างปกปิดเอาไว้เยอะ
ท่านให้เจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ รู้ไม่ทันก็รู้จักหยุด รู้จักดับรู้จักควบคุม เขาเรียกว่า สมถะ ถ้าเราสังเกตเห็นตั้งแต่แรก เราก็จะเห็นใจคลายออกจากความคิดซึ่งเรียกว่า แยกรูปแยกนาม ถ้าใจคลายออกหงายขึ้นมาได้เมื่อไรเขาเรียกว่า สัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกของพระพุทธองค์ ชี้เหตุลงอยู่ตรงนี้ ถ้าใจคลายแล้วความรู้ตัวของเราก็ตามเห็นการเกิดการดับของความคิดซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรมเขาเรียกว่า เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป เวลาเขาดับไปแล้ว อนัตตา ความว่างเปล่าเข้ามาปรากฏ แล้วเรื่องใหม่ก็ปรากฏขึ้นมาอีก เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เราก็พยายามให้รู้ ให้เห็น ตามทำความเข้าใจว่า อะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน ทุกเรื่อง ไม่ใช่ว่าจะไปดูเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ทุกเรื่องในชีวิตของเราตั้งแต่ตื่นขึ้น
ถ้าพูดตามความเป็นจริงตั้งแต่เกิดจนกระทั่งหมดลมหายใจ แต่ท่านให้ดูรู้อยู่ขณะที่เรายังมีร่างกายอยู่ขณะนี้แหละ ดูให้ทัน แก้ไขให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น ที่ท่านบอกว่าตนเป็นที่พึ่งของตน ‘ตน’ คือสติที่เราสร้างขึ้นมาเป็นที่พึ่งของตน ‘ตน’ ตัวที่สองก็คือตัวใจ เราชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล แยกรูปแยกนาม ตามดู ละกิเลส ดับความเกิด
การพูดง่ายอยู่ แต่การกระทำ การลงมือต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียรเป็นเลิศ ศรัทธาความเชื่อ ความเสียสละ การทำบุญให้ทานบารมีตรงนี้มีกันอยู่ทุกคน แต่การเจริญสติที่ต่อเนื่องเข้าไปชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล ตามดูรู้เห็นตามความเป็นจริงจนใจยอมรับความเป็นจริงตรงนี้ไม่ค่อยจะมีกันเท่าไร ถึงมีก็ไม่มาก ก็ต้องพยายามกันไม่เหลือวิสัย
เราพยายามสร้างอานิสงส์สร้างบุญบารมีทั้งภายนอกภายใน บุญสมมติเราก็ทำให้เต็มเปี่ยม บุญวิมุตติทางด้านจิตใจเราก็ขัดเกลากิเลสของเราให้ถึงจุดหมาย ไม่ถึงช้าก็ต้องถึงเร็ว เพียงแค่การเจริญสติที่ต่อเนื่องตั้งแต่ตื่นขึ้นตรงนี้ก็ยังยากลำบากอยู่ ก็ต้องพยายามแต่ก็ไม่เหลือวิสัย ต้องพยายามกัน
พระเราชีเราก็นับวันจะเยอะขึ้นเยอะทุกปี ไม่ว่าในพรรษา กลางพรรษา เราก็ต้องพิจารณา ทั้งสมมติเราก็พยายามสร้างความขยันหมั่นเพียร สร้างความรับผิดชอบ สร้างความเสียสละไม่เห็นแก่ตัว มองเห็นประโยชน์ส่วนรวมประโยชน์กว้าง ละกิเลส ละความเห็นแก่ตัว ละความตระหนี่เหนียวแน่น ละความเกียจคร้าน สร้างความขยัน สร้างความรับผิดชอบให้มีให้เกิดขึ้น ก็จะติดตามตัวเราไป ถึงใจของเราไม่หลุดพ้นในภพนี้ก็จะไปหลุดพ้นในภพหน้า ไม่หลุดวันนี้ก็หลุดพ้นในวันข้างหน้า เดือนนี้มี เดือนหน้ามี ปีนี้มี ปีหน้ามี ภพนี้มี ภพหน้ามี ท่านถึงบอกว่าให้ทำอยู่ที่ปัจจุบันให้ดี อนาคตก็จะออกมาดี
สร้างความรู้ตัวให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกันนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอาให้รู้ทุกอิริยาบถ
การเกิดมาของมนุษย์ เพียงแค่การเกิด จิตวิญญาณเกิดนี่ก็คือความหลงอันละเอียด เขามาสร้างภพมนุษย์หรือว่ามาสร้างร่างกายขันธ์ห้าของเราปิดกั้นตัวเองเอาไว้อีก ใจก็ไปเกิดต่อ เกิดต่อก็ยังไม่พอ ยังเป็นทาสของกิเลสอีก กิเลสก็มีหลายชนิดอีก กิเลสหยาบๆ ความโลภ ความโกรธ ความทะเยอทะยานอยาก กิเลสหยาบๆ กิเลสละเอียด มลทินต่างๆ ที่เกิดจากใจของเราหลายสิ่งหลายอย่างปกปิดเอาไว้เยอะ
ท่านให้เจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ รู้ไม่ทันก็รู้จักหยุด รู้จักดับรู้จักควบคุม เขาเรียกว่า สมถะ ถ้าเราสังเกตเห็นตั้งแต่แรก เราก็จะเห็นใจคลายออกจากความคิดซึ่งเรียกว่า แยกรูปแยกนาม ถ้าใจคลายออกหงายขึ้นมาได้เมื่อไรเขาเรียกว่า สัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกของพระพุทธองค์ ชี้เหตุลงอยู่ตรงนี้ ถ้าใจคลายแล้วความรู้ตัวของเราก็ตามเห็นการเกิดการดับของความคิดซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรมเขาเรียกว่า เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป เวลาเขาดับไปแล้ว อนัตตา ความว่างเปล่าเข้ามาปรากฏ แล้วเรื่องใหม่ก็ปรากฏขึ้นมาอีก เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เราก็พยายามให้รู้ ให้เห็น ตามทำความเข้าใจว่า อะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน ทุกเรื่อง ไม่ใช่ว่าจะไปดูเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ทุกเรื่องในชีวิตของเราตั้งแต่ตื่นขึ้น
ถ้าพูดตามความเป็นจริงตั้งแต่เกิดจนกระทั่งหมดลมหายใจ แต่ท่านให้ดูรู้อยู่ขณะที่เรายังมีร่างกายอยู่ขณะนี้แหละ ดูให้ทัน แก้ไขให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น ที่ท่านบอกว่าตนเป็นที่พึ่งของตน ‘ตน’ คือสติที่เราสร้างขึ้นมาเป็นที่พึ่งของตน ‘ตน’ ตัวที่สองก็คือตัวใจ เราชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล แยกรูปแยกนาม ตามดู ละกิเลส ดับความเกิด
การพูดง่ายอยู่ แต่การกระทำ การลงมือต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียรเป็นเลิศ ศรัทธาความเชื่อ ความเสียสละ การทำบุญให้ทานบารมีตรงนี้มีกันอยู่ทุกคน แต่การเจริญสติที่ต่อเนื่องเข้าไปชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล ตามดูรู้เห็นตามความเป็นจริงจนใจยอมรับความเป็นจริงตรงนี้ไม่ค่อยจะมีกันเท่าไร ถึงมีก็ไม่มาก ก็ต้องพยายามกันไม่เหลือวิสัย
เราพยายามสร้างอานิสงส์สร้างบุญบารมีทั้งภายนอกภายใน บุญสมมติเราก็ทำให้เต็มเปี่ยม บุญวิมุตติทางด้านจิตใจเราก็ขัดเกลากิเลสของเราให้ถึงจุดหมาย ไม่ถึงช้าก็ต้องถึงเร็ว เพียงแค่การเจริญสติที่ต่อเนื่องตั้งแต่ตื่นขึ้นตรงนี้ก็ยังยากลำบากอยู่ ก็ต้องพยายามแต่ก็ไม่เหลือวิสัย ต้องพยายามกัน
พระเราชีเราก็นับวันจะเยอะขึ้นเยอะทุกปี ไม่ว่าในพรรษา กลางพรรษา เราก็ต้องพิจารณา ทั้งสมมติเราก็พยายามสร้างความขยันหมั่นเพียร สร้างความรับผิดชอบ สร้างความเสียสละไม่เห็นแก่ตัว มองเห็นประโยชน์ส่วนรวมประโยชน์กว้าง ละกิเลส ละความเห็นแก่ตัว ละความตระหนี่เหนียวแน่น ละความเกียจคร้าน สร้างความขยัน สร้างความรับผิดชอบให้มีให้เกิดขึ้น ก็จะติดตามตัวเราไป ถึงใจของเราไม่หลุดพ้นในภพนี้ก็จะไปหลุดพ้นในภพหน้า ไม่หลุดวันนี้ก็หลุดพ้นในวันข้างหน้า เดือนนี้มี เดือนหน้ามี ปีนี้มี ปีหน้ามี ภพนี้มี ภพหน้ามี ท่านถึงบอกว่าให้ทำอยู่ที่ปัจจุบันให้ดี อนาคตก็จะออกมาดี
สร้างความรู้ตัวให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกันนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอาให้รู้ทุกอิริยาบถ