หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 8 วันที่ 27 มกราคม 2561

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 8 วันที่ 27 มกราคม 2561
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 8 วันที่ 27 มกราคม 2561
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 8
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 27 มกราคม 2561

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของตัวเราเองให้ต่อเนื่อง ให้เชื่อมโยง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ พวกท่านได้พากันสังเกต หรือว่าสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันแล้วหรือยัง ตั้งแต่ตื่นขึ้น พอรู้ตัวปุ๊บรู้ลมสัมผัสของลมหายใจเข้าออกปุ๊บ จะลุกจะก้าวจะเดิน รู้ความปกติ รู้ลักษณะของใจ ใจปกติเป็นลักษณะอย่างนี้ การเกิดการดับของใจ การเกิดการดับของความคิด

ส่วนรูปส่วนนาม ความหมาย ชื่อ ภาษาสมมติ ภาษาวิมุตติ สมมติ วิมุตติ อัตตา อนัตตา ภาษาธรรม ภาษาโลก มีอยู่ในกายของเราหมด

วิญญาณทุกดวงมีบุญถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์แต่ก็ยังหลงอยู่ หลงตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด หลงวนเวียนว่ายตายเกิด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด แล้วก็หลงมาสร้างภพมนุษย์มาสร้างขันธ์ห้า แล้วก็มายึดติด มายึดติดในกายก้อนนี้แล้วก็เกิดต่อ ตัววิญญาณนั่นแหละ ความคิดของเรานั่นแหละเกิดต่อ เกิดต่อยังไม่พอยังมาหลงอีก หลงในความทะเยอทะยานอยาก ทั้งอยากทั้งไม่อยาก หลงเป็นทาสกิเลส กิเลสหยาบ กิเลสละเอียด นิวรณธรรม มลทินต่างๆ ปิดกั้นเอาไว้มากมาย

พวกท่านจงพยายามเจริญสติตามแนวทางของพระพุทธองค์ ผู้ทรงคุณอันประเสริฐ ที่ท่านได้ตรัสรู้หรือว่ารู้แจ้ง หลักชัยของชีวิต การดำเนินชีวิต แล้วก็วิธีการ แล้วก็แนวทาง ที่จะเข้าถึงความบริสุทธิ์ ความหลุดพ้น มองเห็นหนทางเดินไม่ต้องกลับมาเกิดกันอีก

ความเกิดนั่นแหละคือความหลง ความเกิดนั่นแหละคือความทุกข์ ถ้าไม่หลงก็ไม่ได้เกิด นี้หลงมาเกิดในภพมนุษย์ เราก็มาทำความเข้าใจเสียขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่ อันนี้ลักษณะของใจที่มาอาศัยกายก้อนนี้อยู่ มาทำความเข้าใจให้ถูกต้อง อันนี้ส่วนรูป อันนี้ส่วนนาม ชื่อ ลักษณะหน้าตา อาการ

คำว่าความหลง การคลายความหลง การแยกรูปแยกนาม ก็ต้องพยายามกัน หมั่นสังเกต หมั่นวิเคราะห์ หมั่นสร้างอานิสงส์ สร้างตบะ สร้างบารมี ให้มีให้เกิดขึ้นจนปรากฏขึ้นที่ใจของเรา

ใจที่คลายออกจากขันธ์ห้า หรือว่าแยกรูปแยกนามนี้แหละที่ภาษาธรรมะท่านเรียกว่าสัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูก เห็นถูกแล้วยังไม่พอ เราต้องตามเห็นการเกิดการดับว่าเรื่องอะไร เป็นกุศล หรือว่าอกุศล ที่ภาษาธรรมะท่านว่าเป็นกองเป็นขันธ์

กองรูปเป็นลักษณะอย่างนี้ กองนามเป็นลักษณะอย่างนี้ กองวิญญาณเป็นลักษณะอย่างนี้ กองกุศล กองอกุศล อะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน เราพยายามศึกษาลงอยู่ที่กายของเรา ละทิฏฐิ ทิฏฐิหมายถึงความเห็น ความเห็นแบบเก่าๆ ความเห็นผิดๆ ให้ดำเนินตามคำสอนของพระพุทธองค์ ให้ปรากฏเกิดขึ้นที่ใจจนเดินปัญญาได้ ท่านถึงบอกให้เชื่อ

แต่เวลานี้ความรู้ตัวหรือว่าสติสัมปชัญญะ ความรู้ตัวทั่วพร้อมตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ความรู้ตัวที่ต่อเนื่องเพียงแค่นาทีสองนาทีก็มีน้อย มันก็เลยยากที่จะรู้เท่าทันกลไกของกิเลส ความเกิดของกิเลส แม้ตัวจิตวิญญาณของเราก็ยังหลอกตัวเอง ถ้าเราไม่เจริญสติให้เข้มแข็ง ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล แยกคลายได้ ตามดูได้ ละกิเลสได้ คลายความหลงได้ จนใจของเรามีความบริสุทธิ์รับรู้อยู่ในความเป็นกลาง ท่านถึงบอกให้เชื่อ

การพูดง่ายอยู่นะ แต่การลงมือปฏิบัติ การกระทำ เราต้องพยายามเป็นบุคคลที่มีความเพียรเป็นเลิศ บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น ไม่ใช่ว่าจะเที่ยวไปโทษคนโน้นเป็นอย่างนั้นคนนั้นเป็นอย่างนี้ คนโน้นไม่ดีคนนี้ไม่ดี ก็กิเลสของเรานั่นแหละ มันไปโทษคนโน้นโทษคนนี้ ในหลักธรรมท่านให้โทษตัวเรา แก้ไขตัวเรา ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล

ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนกระทั่งนอนหลับจนย้อนเข้าไปดูตั้งแต่เกิดนั่นแหละ ถ้าเรามีอานิสงส์มากเพียงพอก็ย้อนเข้าไปดูตั้งแต่อดีตภพ ภพก่อนๆ เป็นอย่างไร ถึงเรากำลังสติปัญญาของเรายังมีไม่ถึงขนาดนั้น เราก็ต้องดูรู้อยู่ขณะปัจจุบันก็พอแล้ว แล้วก็หมั่นสร้างคุณงามความดี หมั่นสร้างประโยชน์ หมั่นสร้างอานิสงส์ หมั่นทำความเข้าใจ หมั่นสร้างความเพียร การขัดเกลากิเลสเป็นลักษณะอย่างนี้ เป็นบุคคลที่มีความเป็นระเบียบ ระเบียบทั้งภายนอกระเบียบทั้งภายใน เป็นบุคคลที่มีความเสียสละ ไม่ใช่ว่าบอกตัวเองไม่ได้ ใช้ตัวเองไม่เป็น

ลักษณะของความรู้ตัวที่ต่อเนื่องเขาเรียกว่าสัมปชัญญะ ความรู้ตัวทั่วพร้อม วันหนึ่งมีกี่ชั่วโมง ชั่วโมงหนึ่งมีกี่นาที การหายใจเข้าหายใจออกซึ่งเรียกว่าปัจจุบันธรรม พวกเรายังทำกันไม่ค่อยจะได้ ใจของเราก็ไปติดอยู่ตรงโน้นบ้างติดอยู่ตรงนี้บ้าง สมมติไม่เพียบพร้อม สมมติยังลำบาก ยังติดลูกติดหลาน ติดครอบครัว ติดพี่ติดน้อง ติดโลกธรรม แล้วก็หลงในความคิด หลงในอารมณ์ มีหลายชั้นจริงๆ

ถ้าเราไม่ขัดเกลาเอาออกทีละเล็กทีละน้อย พยายามชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล ใจเกิดความอยาก ละความอยากด้วยการให้ ให้ทั้งอภัยทาน อโหสิกรรม จากความไม่มี ใจก็มาสร้างขึ้นมา แล้วก็มายึดมาติด แล้วก็เราก็มาทำความเข้าใจให้คลายออกจนถึงความไม่มี คือความบริสุทธิ์ แล้วค่อยมีใหม่ มีด้วยเหตุด้วยผล มีด้วยสติ มีด้วยปัญญา บริหารสมมติ จนกว่าจะหมดลมหายใจนั่นแหละ เราก็ต้องพยายามกัน อย่าไปปล่อยปละละเลย อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง ถ้าเราช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ไม่มีใครจะช่วยเหลือเราได้นอกจากตัวของเรา

การทำบุญ การให้ทาน ความเสียสละ การสร้างบารมี ตรงนี้มีกัน แต่การเจริญสติเข้าไปชี้เหตุชี้ผล อบรมใจให้ได้ทุกเวลา ช่วงใหม่ๆ กำลังสติของเราก็ไม่ต่อเนื่อง เราก็พยายามสร้างขึ้นมา สร้างขึ้นมาแล้วก็รู้จักเอาไปใช้การใช้งาน

รู้ไม่ทันความเกิดของใจ รู้ไม่ทันความเกิดของขันธ์ห้า ก็รู้จักดับ จักหยุด ท่านเรียกว่าสมถะ ดับบ่อยๆ สังเกตบ่อยๆ ทำความเข้าใจบ่อยๆ ปรับสภาพใจของเราให้อยู่ในความอ่อนโยน หนักแน่น รับรู้ อะไรผิดอะไรถูก สติปัญญาไปแก้ไข สักวันหนึ่งเราก็พอจะมองเห็นแนวทางเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน

เราก็จะอยู่กับบุญ กายของเรานี้แหละก้อนบุญ ใจของเรานี้แหละตัวบุญ เราก็จะบริหารบุญ อยู่กับบุญตลอดเวลา มองเห็นหนทางเดินไปที่ไหนก็ไม่ได้ลำบาก สนุกอยู่กับการสร้างประโยชน์ อยู่กับการสร้างบุญ บุคคลมีบุญ ได้ยินข่าวได้ทราบข่าวจะไม่ผัดวันประกันพรุ่ง มีโอกาสก็รีบตักตวง ตักตวงเอาไว้ ไม่ว่าบุญสมมติ บุญวิมุตติ เขาเกื้อหนุนกันไปหมด เหมือนกับเราขึ้นบนบ้านเราก็อาศัยบันได อาศัยบันไดก็อาศัยราวบันไดขึ้นไปถึงตัวบ้านตัวเรือน

การดำเนินจิตก็เหมือนกัน เราก็อาศัยการเจริญสติลงที่กายของเรา อบรมใจของเราไม่ให้เกิดกิเลส กิเลสก็มีหลายอย่าง กิเลสหยาบ กิเลสละเอียด กิเลสมีกิเลสทั้งที่กายทั้งที่ใจ มีหมด ถ้าเรารู้จักวิเคราะห์พิจารณาตามแนวทางของพระพุทธองค์

ถ้าใจของเราคลายออกจากขันธ์ห้า เห็นความเกิดความดับของใจ เห็นความเกิดความดับของขันธ์ห้า เราก็จะระลึกนึกถึงพระพุทธองค์ทันที ว่าหลายร้อยหลายพันปีพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบ แล้วก็เอามาเปิดเผย เอามาจำแนกแจกแจงการดำเนินอย่างนี้ การปฏิบัติอย่างนี้ อย่างนี้จะปรากฏขึ้นมาอย่างนี้ ในเมื่อปรากฏขึ้นที่ใจของเราแล้วเราก็จะระลึกนึกถึงคุณของท่าน แล้วก็ตอบแทนคุณของท่าน

มีโอกาสก็บอกกล่าวกันทุกคน ไม่ว่าอยู่ที่ไหน โอกาสเปิด กาลเวลาเปิด ไม่ว่าอยู่ที่บ้านที่วัด เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนแต่เป็นหลักของไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ความไม่เที่ยง เดี๋ยวก็มีการพลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็น ก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตาย เพราะเป็นกฎของไตรลักษณ์

อยู่ที่วัดของเรานี้ก็ได้มอบโลงศพทั้งเงินทำฌาปนกิจศพ มาก็ตั้ง 4-5 ปี ประมาณ 4-5 ปี เดี๋ยวนี้ก็หมดไปประมาณ 1,000 เกือบจะ 50 โลง แล้วก็อนุเคราะห์ให้โลงละ 5,000 บาท ทั้งโลงทั้งผ้าขาวทั้งผ้าไตรจีวร เราอนุเคราะห์ช่วยเหลือกัน ตั้งแต่ก่อนอนุเคราะห์เฉพาะตำบลสำราญ พอทำไปทำมา 8-9 ตำบล รอบจังหวัดขอนแก่นมาหมดเลย ได้ยินข่าวได้ทราบข่าวตายวันละสอง วันละสาม วันละสี่ วันละห้า ตายได้ครั้งเดียวเราก็อนุเคราะห์ให้กันได้ ใครอยากจะมาร่วมบุญ อยากจะมาถวายโลงศพหรือว่าอยากจะมาถวายฌาปนกิจศพ หรือว่าจะนำผ้าไตรจีวรมาร่วม ก็นำมาถวายได้ เพื่อจะได้อนุเคราะห์เพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน ตายแล้วเราก็ยังอนุเคราะห์ ส่วนเป็น เราก็อนุเคราะห์เท่าที่เราจะอนุเคราะห์ได้ ช่วยชี้แนะแนวทางวิธีการแนวทาง

ทั้งสมมติเราก็พยายามสำรวจตรวจตราตัวเรา เรามีความขยันหมั่นเพียรเพียงพอหรือไม่ เรามีความเป็นระเบียบเพียงพอหรือไม่ เรามีความเป็นผู้เสียสละมีเพียงพอหรือไม่ การฝักใฝ่ การสนใจ การวิเคราะห์ การสำรวจ เราต้องพยายามสร้างให้มีให้เกิดขึ้นขณะที่เรายังมีกำลังมีลมหายใจ จะได้ไม่เสียทีเสียเที่ยวที่เกิดมา โอกาสการได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วก็มีโอกาสได้พบพระพุทธศาสนานี้ก็ยากอีก

พระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องอะไร สอนเรื่องชีวิตนั่นแหละ การดำเนินชีวิต ชีวิตของเรามีประกอบขึ้นมาด้วยอะไรบ้าง ทำอย่างไรเราถึงจะเข้าถึงจุดหมายปลายทาง ท่านชี้แนะเอาไว้หมด การสำรวจ การตรวจตรา การขัดเกลากิเลส คนทั่วไปมีทั้งความอยาก ความทะเยอทะยานอยาก ทั้งอยาก ทั้งหวัง ทั้งยึด ทั้งติด สารพัดอยาก มันก็เลยคลายยาก

จงเป็นบุคคลที่เป็นผู้ให้ ให้ความรัก ความเมตตา ให้ความเสียสละ ให้ความช่วยเหลือ อนุเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไปอยู่ที่ไหนเราก็จะมีตั้งแต่ความสุข สุขในโลกนี้ สุขในโลกหน้า โลกนี้มี โลกหน้ามี วันนี้มี พรุ่งนี้มี เดือนนี้มี ปีหน้ามี ภพนี้มี ภพหน้ามี พ่อแม่มีหมด พี่น้องมีหมด พ่อแม่พี่น้อง ผู้เฒ่าผู้แก่ ก็พลัดพรากจากกัน พ่อแม่ก็พลัดพรากจากลูก ลูกก็พลัดพรากจากพ่อแม่

ถ้าเรามาศึกษาทำความเข้าใจตามแนวทางของพระพุทธองค์ เราก็จะเห็นความเป็นจริง เราก็จะได้ทำหน้าที่ของเราให้ดีขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่

เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง