หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 77

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 77
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 77
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 77
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 14 กรกฎาคม 2562

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้ สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง นั่งตามสบาย วางกายให้สบายแล้วก็วางใจให้สบาย ไม่ต้องพนมมือฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย เสียงก็สักแต่ว่าเสียง การได้ยินได้ฟัง และเราก็น้อมดูรู้กายของเรา

ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ สัก 2-3 เที่ยว อย่าไปบังคับลมหายใจนะ อย่าไปเพ่งลมหายใจ อย่าไปจดจ่อลมหายใจ สูดลมหายใจให้เป็นธรรมชาติที่สุด สูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ให้ทั่วท้อง แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ ให้หมด สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรามีความรู้สึกรับรู้อยู่ นั่นแหละความรู้สึกตรงนั้นแหละ เขาเรียกว่า ‘สติรู้กาย’

ความรู้สึกหายใจเข้า.. มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา หายใจออก.. มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา ถ้ามีความรู้สึกที่ต่อเนื่องภาษาธรรมท่านเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ เราพยายามสร้างความรู้ตัวตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ จาก 1 ครั้ง 2 ครั้ง เป็น 3 เป็น 4 เป็นนาที 2 นาที 3 นาที ความสืบต่อความต่อเนื่องความเชื่อมโยงก็จะบังเกิดขึ้น

ส่วนการเกิดการดับของใจนั้นมีอยู่เดิม การเกิดการดับของขันธ์ห้าของความคิดเก่าที่เกิดจากใจเกิดจากขันธ์ห้า อันนี้มีกันอยู่เดิม บางคนก็มากบางคนก็น้อย เรามาสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องเราก็จะเห็นลึกลงไป เห็นลักษณะการเกิดของใจ การเกิดของขันธ์ห้าเขาก่อตัวอย่างไร เขาเกิดขึ้นมาได้อย่างไร เขาเคลื่อนเข้าใจรวมกันได้อย่างไร ถ้าความรู้ตัวของเราไม่ต่อเนื่องก็ยากที่จะรู้ทัน

เพียงแค่การเจริญสติก็ทำให้ได้เสียก่อน ส่วนศรัทธาความเชื่อมั่นเชื่อบุญเชื่อบาปเชื่อกรรม เชื่อความตรัสรู้ในหลักธรรมนั้นมีอยู่ การฝักใฝ่การสนใจนั้นก็มีอยู่ แต่เป็นการสนใจอยู่ในระดับของสมมติ ไม่ใช่สนใจที่จะเจริญสติให้รู้แจ้งเห็นจริง การเจริญสติที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างนี้ ความพลั้งเผลอแล้วเริ่มใหม่ พลั้งเผลอแล้วเริ่มใหม่ จนกำลังสติต่อเนื่องเข้มแข็ง

รู้ไม่ทันต้นเหตุก็รู้จักควบคุม รู้จักหยุดรู้จักดับ จนเห็นใจกับอาการของใจคลายออกจากกัน ซึ่งเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ หรือว่า ‘สัมมาทิฏฐิ’ ความเห็นถูก นี่แหละความเห็นถูกในหลักธรรมคือคลายความหลง

ใจแยกรูปแยกนามเขาเรียกว่า ‘สัมมาทิฏฐิ’ ความเห็นถูกเพิ่งเริ่มต้นเพิ่งเปิดทาง ถ้ากำลังสติของเราไม่ตามทำความเข้าใจอีกเขาก็จะซึมเข้าสู่สภาพเดิม ถ้าตามทำความเข้าใจเราก็จะเห็นการเกิดการดับ เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทุกเรื่อง

เห็นความไม่เที่ยง เห็นความเกิดความดับ เห็นความว่าง เห็นใจที่ไม่มีกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่ปรุงแต่งส่งออกไปภายนอกเป็นลักษณะอย่างนี้ ลักษณะหน้าตาอาการ ชื่อภาษาสมมติเป็นอย่างนี้กายทำหน้าที่อย่างนี้ ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างนี้ ภาษาธรรมภาษาโลกรู้จักจำแนกแจกแจงแยกรูปรสกลิ่นเสียงออกจากใจของเรา ทวารทั้งหกมีหน้าที่ ตาก็ทำหน้าที่ดู หูก็ทำหน้าที่ฟัง

พยายามรีบตักตวงสร้างอานิสงส์สร้างประโยชน์หากำไรชีวิตขณะที่กำลังมีกำลังกายที่แข็งแรงอยู่ พยายามฝึก พยายามฝึก ใจของคนเรานี้ฝึกได้อบรมได้ ช่วงใหม่ๆ ก็อาจจะเป็นการฝืนเป็นการทวนกระแสกิเลส บางทีใจก็หลอกตัวเอง บางทีกิเลสก็หลอกตัวเอง นอกจากบุคคลที่มีกำลังสติที่เข้มแข็ง กำลังสติปัญญาที่ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผลว่าอะไรควรละอะไรควรเจริญอะไรควรดำเนิน จนใจของเรายอมรับความเป็นจริงได้ เราก็จะรู้จักปล่อยรู้จักวาง การเป็นทาสกิเลสก็ไม่เอา การเกิดเป็นทุกข์ก็ไม่เอา ก็มีตั้งแต่จะทำความบริสุทธิ์ ทำความหลุดพ้นให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา

อย่างน้อยๆ ก็ให้ใจของเราอยู่ในกองบุญกองกุศลเอาไว้เป็นเข้าพกเข้าห่อติดตามตัวเราไป ใจของเรายังไม่หลุดพ้นวันนี้ ก็ต้องหลุดพ้นวันพรุ่งนี้ เดือนนี้ เดือนหน้า ตราบใดที่ใจยังเกิดอยู่ ถึงไม่สะอาดบริสุทธิ์หมดจดจริงๆ เขาก็จะไปต่อเอาภพหน้า

แต่เวลานี้กำลังสติของเรามีน้อยมีไม่เพียงพอ เพียงแค่การเจริญการสร้างขึ้นมาก็พยายามทำให้เข้มแข็ง อาจจะควบคุมใจของเราได้บ้างเป็นบางเรื่องบางครั้งบางคราว อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความเพียรของแต่ละบุคคล ความเพียรที่ต่อเนื่องทุกเวลาทุกขณะลมหายใจเข้าออกหรือว่าทุกขณะจิตก่อนที่จะพูดว่าทุกขณะลมหายใจเข้าออกทุกขณะจิต ต้องเป็นคนที่มีความเพียรเป็นเลิศ ต้องเป็นบุคคลที่มีการทำความเข้าใจ แล้วก็ละกิเลสออกจากจิตจากใจของเราให้บรรลุถึงเป้าหมาย

รู้ด้วย เห็นด้วย เข้าถึงด้วย ทำความเข้าใจให้ด้วย เข้าถึงทรัพย์นั้นๆ ด้วย ถึงประกาศด้วยตนเองไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นประกาศให้ เราละกิเลสได้ เราละกิเลสได้มากได้น้อย อะไรยังเหลืออยู่กิเลสตัวหยาบตัวละเอียด ยิ่งฝึกไปเท่าไหร่ยิ่งเห็นเยอะ ยิ่งเห็นเยอะเท่าไหร่ก็ยิ่งทำความเข้าใจก็หมั่นขัดหมั่นเกลาเอาออกทีละเล็กละน้อย ใจของเราก็จะเริ่มโล่งเริ่มโปร่ง เริ่มสะอาด เริ่มบริสุทธิ์ หมั่นระลึกนึกถึงคุณงามความดีตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา อะไรที่เป็นบุญเป็นกุศลที่เราเคยสร้างเคยทำ ทำใจของเราให้มีความสุข อะไรที่จะนำความทุกข์มาให้เราก็ไม่ต้องเอาเก็บมาคิดเอาคิดเฉพาะเรื่องที่เป็นประโยชน์ สูงขึ้นไปก็คิดด้วยปัญญา ความคิดเก่าๆ ที่เกิดจากใจที่เกิดจากขันธ์ห้าละให้หมดเลย ดับให้หมดเลย ไม่ต้องให้เกิด ในเมื่อเขามาเกิดในอยู่ภพมนุษย์มาสร้างอัตภาพร่างกายขึ้นมาแล้ว ถ้าไม่อยากเกิดต่อ ก็ต้องดับความเกิดภายในตัววิญญาณให้ได้กายเนื้อแตกดับก็เข้าอยู่ความบริสุทธิ์กัน

มีโอกาสได้สร้างบุญสร้างบารมี ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ทำมากทำน้อย โอกาสเปิดกาลเวลาเปิดก็ให้รีบทำตั้งแต่ตื่นขึ้น ทำบุญให้กับตัวเรา ทำบุญให้ครอบครัวของเรา ล้นออกไปสู่หมู่สู่คณะสู่เพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน ถึงวาระเวลาก็ต้องได้พลัดพรากจากกัน ขณะที่ยังไม่ถึงเวลาเราก็ยังประโยชน์ให้เต็มเปี่ยม ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์สมมติประโยชน์วิมุตติ ประโยชน์ส่วนกลางประโยชน์ส่วนรวม โอกาสเปิดทำให้เต็มที่

ใครอยากจะมา ใครใคร่ตั้งโรงทานก็มา วันที่ 16 ญาติโยมท่านใด ปรารถนาอยากจะมาตั้งโรงทานที่ลานหลวงปู่ปางลีลาก็มาได้เหมือนทุกปี เหมือนทุกปี โอกาสเปิดให้กับทุกคนเพื่อจะน้อมกายของเราเข้ามาช่วย มาผูกเหล็ก มาเทปูน มาสร้างวิหารสร้างเจดีย์ ทำนู่นทำนี่อะไรที่จะเป็นประโยชน์ หลวงพ่อก็ขอขอบคุณมากๆ เลยทีเดียว ขอบคุณเหล่ามนุษย์ที่มีจิตอาสามาช่วยกันขอบคุณเหล่าเทวดาที่มีกายทิพย์มาช่วยกัน หลวงพ่ออาศัยกำลังของเหล่ามนุษย์ของเหล่าเทวดามาช่วยกันมากมาย อยู่ใกล้อยู่ไกลได้ยินข่าว ก็บอกกล่าวส่งข่าวมาร่วมบุญมาเอาบุญที่พวกเราได้ร่วมกันช่วยกันสร้างกันทำ ฝากเอาไว้ให้กับแผ่นดิน ฝากเอาไว้ให้กับสมมติ ฝากเอาไว้ให้กับโลก ขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่

เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง