
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 63
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 63
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 63
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 8 มิถุนายน 2562
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ พากันได้สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องกันสักนิดแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสีย อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้งเสียดายเวลาสำรวจกายของเราสำรวจใจของเรา วิเคราะห์รู้เท่ารู้ทัน รู้กันรู้แก้ รู้จักสมมติรู้จักวิมุตติ
อะไรคือการเจริญสติที่ต่อเนื่อง การทำความเข้าใจ การละกิเลส เป็นหน้าที่ของทุกคน เป็นหน้าที่ของตัวเราเอง ทำไมใจถึงเกิดทำไมใจถึงหลง ทำอย่างไรเราถึงจะรู้ความจริง เราก็ต้องพยายามน้อมกายน้อมใจของเราเข้ามา เชื่อมั่นในพระรัตนตรัย เชื่อคำสอนของพระพุทธองค์ แล้วปฏิบัติฝึกให้มีให้เกิดขึ้น ที่กายที่ใจของเรา
แต่ละวันตื่นขึ้นมา ใจของเรา คำว่า ‘ปกติ’ เป็นลักษณะอย่างไร ใจของเรามีหิริโอตตัปปะ หรือว่าความละอายเกรงกลัวต่อบาปหรือไม่ ใจของเรามีความอาจหาญกล้าหาญในการสร้างคุณงามความดีหรือเปล่า เรามีความขยันหมั่นเพียรเพียงพอหรือไม่ ความเกียจคร้านเข้าครอบงำหรือว่าความเห็นแก่ตัว นิวรณธรรมต่างๆ เข้าครอบงำ ทุกสิ่งทุกอย่าง มีอยู่ในกายของเราหมด เว้นเสียแต่ว่าเราจะทำความเข้าใจให้ถูกต้องหรือไม่เท่านั้นเอง
เพียงแค่การเจริญสติให้ต่อเนื่องให้เข้มแข็งตรงนี้ก็ยังทำกันยากอยู่ ส่วนมากก็ไปนึกเอาไปคิดเอา ความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ อันนี้มีอยู่เดิม คือความคิดที่เกิดจากใจ เกิดจากขันธ์ห้า ทั้งกายทั้งใจ ทั้งส่วนรูปส่วนนาม อันนี้มีอยู่เดิม ท่านถึงให้เจริญสติ หรือว่ามาสร้างผู้รู้ตัวใหม่ เพื่อที่จะเอาไปใช้เอาไปอบรมใจของเรา เป็นเพื่อนใจของเรา จนใจของเราคลายออกจากขันธ์ห้า คลายความหลง
รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่ไม่เกิดเป็นลักษณะอย่างนี้ การละกิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียดเป็นลักษณะอย่างนี้ สมมติวิมุตติเป็นลักษณะอย่างนี้ เราต้องรู้จำแนกแจกแจงให้ชัดเจน เราถึงจะมองเห็นทุกอย่างตามความเป็นจริงได้ ตามคำสอนของพระพุทธองค์ ก็ต้องพยายามไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี รีบๆ พากันรีบในการสังเกตในการวิเคราะห์ในการอบรมใจตัวเราให้อยู่ในโอวาทของสติปัญญาของเรา
ใจของคนเรานี้หลงมา หลงมาเกิด หลงมาตั้งนาน หลงมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิดเขาหลงมาเกิดอยู่ในภพมนุษย์ ซึ่งร่างกายของเรานี้แหละมีขันธ์ห้า มีหนังห่อหุ้มอยู่นี้แหละ เราก็ว่าของเราตัวตนของเรา ในทางสมมตินั้นเป็นของเราอยู่ แต่ในหลักธรรมแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนแต่มีการเปลี่ยนแปลง มีความเสื่อมลงสู่หลักของอนัตตา ความว่างเปล่า แต่เราไม่เห็นหลักของอนัตตา แยกรูปแยกนามไม่ได้เราก็เลยไม่เห็น แต่เราอาจจะคิดว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้อันนั้นเป็นแค่ความคิดของโลกีย์ เราก็ต้องพยายามนะ ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย ทำการทำงาน เราก็จะมองเห็นหนทางเดิน ก็ต้องพยายามกัน
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำวันเดือนปีผ่านไปเร็วไว อันนี้ก็ใกล้จะเข้าพรรษาอีกไม่นาน วันพรุ่งนี้ก็จะมาเป็นวันนี้ วันมะรืนนี้เดือนนี้ เดือนหน้า ก็จะมาเป็นวันนี้ เราพยายามทำวันนี้ให้ดี ทั้งสมมติทั้งวิมุตติ อะไรเป็นอกุศลเราก็ละเสีย อะไรที่จะเป็นกุศลเราก็พยายามที่จะเจริญ ค่อยดำเนินไปเดี๋ยวก็ถึงฝั่ง
สร้างความรู้ตัวให้ชัดเจนกันนะ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปศึกษาทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 8 มิถุนายน 2562
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ พากันได้สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องกันสักนิดแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสีย อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้งเสียดายเวลาสำรวจกายของเราสำรวจใจของเรา วิเคราะห์รู้เท่ารู้ทัน รู้กันรู้แก้ รู้จักสมมติรู้จักวิมุตติ
อะไรคือการเจริญสติที่ต่อเนื่อง การทำความเข้าใจ การละกิเลส เป็นหน้าที่ของทุกคน เป็นหน้าที่ของตัวเราเอง ทำไมใจถึงเกิดทำไมใจถึงหลง ทำอย่างไรเราถึงจะรู้ความจริง เราก็ต้องพยายามน้อมกายน้อมใจของเราเข้ามา เชื่อมั่นในพระรัตนตรัย เชื่อคำสอนของพระพุทธองค์ แล้วปฏิบัติฝึกให้มีให้เกิดขึ้น ที่กายที่ใจของเรา
แต่ละวันตื่นขึ้นมา ใจของเรา คำว่า ‘ปกติ’ เป็นลักษณะอย่างไร ใจของเรามีหิริโอตตัปปะ หรือว่าความละอายเกรงกลัวต่อบาปหรือไม่ ใจของเรามีความอาจหาญกล้าหาญในการสร้างคุณงามความดีหรือเปล่า เรามีความขยันหมั่นเพียรเพียงพอหรือไม่ ความเกียจคร้านเข้าครอบงำหรือว่าความเห็นแก่ตัว นิวรณธรรมต่างๆ เข้าครอบงำ ทุกสิ่งทุกอย่าง มีอยู่ในกายของเราหมด เว้นเสียแต่ว่าเราจะทำความเข้าใจให้ถูกต้องหรือไม่เท่านั้นเอง
เพียงแค่การเจริญสติให้ต่อเนื่องให้เข้มแข็งตรงนี้ก็ยังทำกันยากอยู่ ส่วนมากก็ไปนึกเอาไปคิดเอา ความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ อันนี้มีอยู่เดิม คือความคิดที่เกิดจากใจ เกิดจากขันธ์ห้า ทั้งกายทั้งใจ ทั้งส่วนรูปส่วนนาม อันนี้มีอยู่เดิม ท่านถึงให้เจริญสติ หรือว่ามาสร้างผู้รู้ตัวใหม่ เพื่อที่จะเอาไปใช้เอาไปอบรมใจของเรา เป็นเพื่อนใจของเรา จนใจของเราคลายออกจากขันธ์ห้า คลายความหลง
รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่ไม่เกิดเป็นลักษณะอย่างนี้ การละกิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียดเป็นลักษณะอย่างนี้ สมมติวิมุตติเป็นลักษณะอย่างนี้ เราต้องรู้จำแนกแจกแจงให้ชัดเจน เราถึงจะมองเห็นทุกอย่างตามความเป็นจริงได้ ตามคำสอนของพระพุทธองค์ ก็ต้องพยายามไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี รีบๆ พากันรีบในการสังเกตในการวิเคราะห์ในการอบรมใจตัวเราให้อยู่ในโอวาทของสติปัญญาของเรา
ใจของคนเรานี้หลงมา หลงมาเกิด หลงมาตั้งนาน หลงมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิดเขาหลงมาเกิดอยู่ในภพมนุษย์ ซึ่งร่างกายของเรานี้แหละมีขันธ์ห้า มีหนังห่อหุ้มอยู่นี้แหละ เราก็ว่าของเราตัวตนของเรา ในทางสมมตินั้นเป็นของเราอยู่ แต่ในหลักธรรมแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนแต่มีการเปลี่ยนแปลง มีความเสื่อมลงสู่หลักของอนัตตา ความว่างเปล่า แต่เราไม่เห็นหลักของอนัตตา แยกรูปแยกนามไม่ได้เราก็เลยไม่เห็น แต่เราอาจจะคิดว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้อันนั้นเป็นแค่ความคิดของโลกีย์ เราก็ต้องพยายามนะ ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย ทำการทำงาน เราก็จะมองเห็นหนทางเดิน ก็ต้องพยายามกัน
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำวันเดือนปีผ่านไปเร็วไว อันนี้ก็ใกล้จะเข้าพรรษาอีกไม่นาน วันพรุ่งนี้ก็จะมาเป็นวันนี้ วันมะรืนนี้เดือนนี้ เดือนหน้า ก็จะมาเป็นวันนี้ เราพยายามทำวันนี้ให้ดี ทั้งสมมติทั้งวิมุตติ อะไรเป็นอกุศลเราก็ละเสีย อะไรที่จะเป็นกุศลเราก็พยายามที่จะเจริญ ค่อยดำเนินไปเดี๋ยวก็ถึงฝั่ง
สร้างความรู้ตัวให้ชัดเจนกันนะ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปศึกษาทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ