หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 3

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 3
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 3
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 3
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 4 มกราคม 2562

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน แล้วก็ให้ต่อเนื่อง ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย หลวงพ่อก็บอกแค่วิธีการแนวทางการเจริญสติ การสร้างความรู้ตัว เราพยามสร้างความรู้สึกรับรู้ตรงนี้ตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ จนเข้มแข็ง แล้วก็เอาไปใช้การใช้งาน เข้าไปรู้เท่าทันใจ รู้ลักษณะใจ รู้ลักษณะการเกิดของใจ รู้ลักษณะการเกิดของความคิด ซึ่งมีอยู่ในกายของเรา ความคิดที่เกิดจากใจนี้มีอยู่เดิม ใจกับขันธ์ห้าเขารวมกันอยู่เดิม ทำอย่างไรเราถึงจะรู้เท่าทันตรงนี้ ท่านถึงให้เจริญสติ รู้ว่าสร้างความรู้ตัวให้มี ให้เกิดขึ้นที่กาย แล้วก็ให้ต่อเนื่อง

ความรู้สึกพลั้งเผลอเราก็เริ่มใหม่ อย่าพากันเกียจคร้าน จงพยามขยัน หมั่นวิเคราะห์ หมั่นสำรวจ หมั่นสำรวม หมั่นทำความใจ หมั่นแก้ไขตัวเราอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ความขยันหมั่นเพียรของเรามีเพียงพอหรือไม่ ความรับผิดชอบของเรามีเพียงพอหรือเปล่า ความเสียสละความอดทน ความกตัญญู สัจจะ วิริยะ ความเพียร พวกนี้เราต้องพยามสร้างขึ้นมา


เรามีความเกียจคร้าน เราก็พยายามละความเกียจคร้าน เรามีความขยัน ขยันให้ถูกที่ ขยันให้ถูกทาง ขยันในการวิเคราะห์ วิเคราะห์ใจ วิเคราะห์การเกิดการดับของใจ วิเคราะห์การแยกการคลาย แล้วก็ขยันในส่วนโลกธรรม ความเป็นอยู่ทางสมมติ ปัจจัยสี่ แล้วก็โลกธรรมในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว

ท่านถึงบอกว่าให้รอบรู้ในกองสังขาร ให้รอบรู้ในวิญญาณในร่างกายก้อนนี้ ขณะที่เขายังมีกำลังอยู่ เพราะว่าทุกคนเกิดมาได้พกเอาความตายติดตัวมาด้วย ไม่ว่าจะตายช้า หรือตายเร็วตรงนี้ทุกคนมีหมด เกิดมาเท่าไหร่ก็ตายหมด ขณะที่ยังไม่ถึงเวลา เราก็พยามศึกษาค้นคว้าพยามรีบตักตวงสร้างบุญ สร้างกุศล สร้างบารมี ให้มีให้เกิดกับกายก้อนนี้ กับใจดวงนี้ให้ได้ท่านถึงบอกว่าบอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น ก่อนที่จะหมดลมหายใจ

ถ้าหมดลมหายใจก็มีแต่เรื่องบุญกับเรื่องบาป เรามาแก้ไขตัวเราขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่นี่แหล่ะ ใจมีความโลภเราก็พยามละความโลภ ใจมีความโกรธเราก็พยามละความโกรธ ทำในสิ่งตรงกันข้าม ใจมีความทะเยอทะยานอยาก เราก็ละดับความอยากด้วยการให้ ด้วยการเอาออก ด้วยการคลาย ด้วยการบริจาค ใจเกิดความโกรธ เกิดความขุ่นเคือง เราก็รู้จักให้อภัยอโหสิกรรม ใจของเรามีความแข็งกร้าวเราก็พยามปรับแก้ไขใจของเรา ให้มีความอ้อนน้อมถ่อมตน ไม่เย่อหยิ่ง ให้มีความอ่อนน้อม สิ่งพวกนี้ก็จะเป็นบารมีของเรา ส่งผลถึงการปล่อยการวาง จนกระทั่งถึงความบริสุทธิ์ ความหลุดพ้น จนกระทั่งดับความเกิด มองเห็นหนทางเดินว่าเราจะได้กลับมาเกิด หรือไม่ได้กลับมาเกิดกัน เป็นเรื่องของเราทุกคนไม่ใช่เรื่องของคนอื่น เป็นหน้าที่ของเราที่จะแก้ไขตัวเอง บอกกันได้แค่วิธีแนวทางเท่านั้นแหล่ะ

แต่การละกิเลสจริงๆ ก็ของเรา กิเลสหยาบ กิเลสละเอียด เราก็วิเคราะห์สำรวจแก้ไขเอา ไม่เหลือวิสัย ไม่เข้าถึงวันนี้ ก็ต้องเข้าถึงพรุ่งนี้ ไม่เข้าถึงพรุ่งนี้ ก็เดือนนี้เดือนหน้า ไม่เข้าถึงจริงๆ ก็ไปต่อเอาภพหน้า ก็ต้องแก้ไขกันนะ ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี งานสมมติเราก็ช่วยกันทำ อะไรที่จะเป็นประโยชน์อย่าไปงอมืองอเท้า ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์ตนประโยชน์ท่านประโยชน์อยู่ปัจจุบัน เราก็ช่วยกันทำ


ถ้าเราสร้างสะสมความเกียจคร้าน ครั้งหนึ่ง 2 ครั้ง 3 ครั้ง ก็มากขึ้นๆๆ สร้างสะสมความเห็นแก่ตัว มันก็มากขึ้นๆ มันก็ขัดเกลาเอาออกยาก จงเป็นบุคคลผู้ให้ ให้จนไม่มีอะไรเหลือที่ใจ เหลือตั้งแต่ความว่างเปล่า


ความว่างเปล่านั้นมีวิญญาณอาศัยอยู่ เหมือนกับอยู่ในศาลาหลังนี้เป็นศาลาว่าง แต่ในความว่างนั้นมีอากาศอยู่ ในกายของเราก็เหมือนกัน ใจของเราไม่มีกิเลส ใจของเราไม่เกิด ใจของเราวางความยึดมั่นถือมั่น ก็อยู่ในความว่าง ในความว่างนั้นมีความรู้สึกรับรู้อยู่คือตัวใจ เขาเรียกว่า ‘ธาตุรู้’

แต่เวลานี้เขาทั้งเกิด ทั้งหลง ทั้งยึด เราอาจจะว่าเราไม่หลง นอกจากบุคคลที่มาเจริญสติที่ต่อเนื่องที่เชื่อมโยงถึงจะรู้ว่าสติ ความรู้ตัวอยู่ปัจจุบันมีกันน้อย ไม่ค่อยต่อเนื่อง ถึงจะต่อเนื่องถ้ายังรู้ไม่ทันการแยกการคลายก็เดินปัญญาไม่ได้ เราต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียรเป็นเลิศ ทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน กินอยู่ ขับถ่าย ค้นคว้าจนไม่มีอะไรที่จะเหลือให้ค้นคว้า จนมีตั้งแต่ดูกับรู้ แล้วก็รักษาธาตุขันธ์ ทำหน้าที่ให้ถูก ไม่เข้าไปหลงเข้าไปยึด ถึงเวลาก็แตกดับเขาก็ต้องแตกดับ ก็ต้องพยายามกัน

พระเราก็เหมือนกัน ชีเราก็เหมือนกัน มีอะไรก็ให้ช่วยกันทำ ที่พักที่อาศัย ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ห้องส้วม ห้องน้ำก็ช่วยกันดู ต้นไม้ต่างๆ เราก็ช่วยกันดูแล เขาก็ให้ความร่มรื่นให้ ก็จะได้มาเป็นอานิสงส์ให้กับทุกคน ก็ผ่านกาลผ่านเวลา ผ่านความเสียสละของหลายชุด หลายหมู่หลายคณะมาอยู่รวมกัน พวกเรามาอยู่ก็พยามสร้างสานต่อ พวกเราจากไป คนรุ่นหลังก็จะได้ไม่ลำบาก ก็จะได้มีที่อาศัย มีที่บำเพ็ญ มีที่สร้างบุญสร้างกุศลต่อ ไม่จบไม่สิ้น ก็ต้องพยามกันนะ


เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันทำความเข้าใจต่อให้ได้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง