หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 51 วันที่ 11 มิถุนายน 2563

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 51 วันที่ 11 มิถุนายน 2563
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 51 วันที่ 11 มิถุนายน 2563
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 51
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 11 มิถุนายน 2563

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้ สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้เกิดความเคยชิน สร้างความรู้สึกรับรู้ ความรู้สึกไม่ชัดเจนเราก็สูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ การสูดลมหายใจยาวๆ อย่าไปบังคับลมหายใจ อย่าไปเพ่งลมหายใจ การสูดลมหายใจยาว สัมผัสของลมหายใจที่กระทบปลายจมูกของเราก็จะชัดเจน ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น

ความรู้สึกพลั้งเผลอเริ่มใหม่ ฝึกให้เกิดความเคยชิน ตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ ถ้าความรู้ตัว รู้กาย แล้วก็รู้ใจรู้จักอบรมใจของเรา รู้จักแก้ไขใจของตัวเราอยู่ตลอดเวลา ใจของเรามีความแข็งกร้าว มีความอ่อนน้อมถ่อมตน หรือว่ามีทิฐิมานะอะไร เราก็รีบแก้ไข

รอบรู้ ท่านถึงบอกว่ารอบรู้ในวิญญาณในกายของเรา รอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในทุกอย่าง รอบรู้ในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว รอบรู้ในชีวิตของเราว่าเราจะดำเนินชีวิตอย่างไร นี่เราถ้าเป็นใจ เป็นเกิดอกุศล เราก็รู้จักละ รู้จักดับ ใจเกิดกิเลสเราก็รู้จักดับ ความขยันหมั่นเพียร ความรับผิดชอบ ความเสียสละ ทุกอย่างมันต้องเต็มเปี่ยมหมด เป็นตบะบารมี

ถ้าความเกียจคร้านเข้าครอบงำมันก็หมด อยู่ที่ไหนให้ความเกียจคร้านเข้าครอบงำ ความเห็นแก่ตัว ความเกียจคร้านไม่รู้จักสนใจ ไม่รู้จักฝักใฝ่ ว่าอะไรคือ วิญญาณในกายเป็นอย่างไร กองรูปเป็นอย่างไร กองนามเป็นอย่างไร กองความคิดเป็นอย่างไร

นี่มันก็ได้แค่เพียงแค่ระดับสมมติ เราก็พยายามทำหน้าที่ของเราให้ดี บุญระดับสมมติเราก็พยายามทำ ความเสียสละความรับผิดชอบ ความอดทนอดกลั้น ทุกเรื่องเลย ทุกอย่างเลยในชีวิตไม่ใช่ว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

คนเราเกิดมาแล้วจะไปไหน ไปอย่างไร มาอย่างไร ที่ท่านบอกว่าไม่เที่ยง อะไรไม่เที่ยง ไม่เที่ยง ความไม่เที่ยง ความเกิดๆ ดับๆ ทางด้านนามธรรมก็ไม่เที่ยง ทางด้านร่างกายนี้ถึงวาระเวลาเขาก็แตกดับ กลับคืนสู่สภาพเดิมนั่นแหละ คือความไม่เที่ยง แต่เราก็มองเห็นว่าเป็นของเที่ยง เป็นก้อน เป็นทุกอย่าง เป็นเราหมด ก็เป็นเราของเรานั่นแหละในทางสมมติ แต่ในหลักธรรมจริงๆ แล้ว มีตั้งแต่ความว่างเปล่าไม่มีอะไร

ขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่ เราก็ทำหน้าที่ของเรา อนุเคราะห์กายของเราให้อยู่ดีมีความสุข ยังสมมติของเราไม่ให้ลำบากทำโลกให้น่าอยู่น่าอาศัย โลกภายนอก โลกภายใน โลกสมมติ โลกวิมุตติ เพราะว่าต่างฝ่ายก็ต่างอิงอาศัยกันอยู่ เราก็ต้องมาแก้ไขเราให้ได้ ใช้เราให้เป็น อยู่คนเดียวเราก็ดูเรา อยู่คนเดียวเราก็แก้ไขเรา อยู่หลายคนเราก็ดูเรา แก้ไขเราให้ได้ตลอดเวลา หนักเอาเบาสู้ รู้จักจุดปล่อย รู้จักจุดวาง ก็ต้องพยายามกัน

สร้างความรู้สึกรับรู้ การหายใจเข้าออกให้ชัดเจน ให้ต่อเนื่องกันสักนิดนึงก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ ระลึกได้เมื่อไหร่ เราก็รีบดูจนกำลังสติของเราเอาไปใช้อบรมใจของเราได้นั่นแหละ จนใจของเรามองเห็นความเป็นจริงได้นั่นแหละ เขาถึงจะปล่อยวางได้ สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนกัน ให้เชื่อมโยงกันสักนิดนึงก็ยังดีนะ

ไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปศึกษาชีวิตของเราให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง