หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 43 วันที่ 23 พฤษภาคม 2563
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 43 วันที่ 23 พฤษภาคม 2563
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 43
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2563
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ ให้ต่อเนื่อง ให้เชื่อมโยงกันสักนิดนึง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเราอาจจะเกิดความเคยชินแบบเก่าๆ คิดก็รู้ทำก็รู้ ทำตามความคิด ทำตามสติปัญญาของโลกีย์ แต่สติปัญญาในทางธรรมเราต้องสร้างขึ้นมา สร้างความรู้ตัว รู้เท่า รู้ทัน รู้จักทำความเข้าใจ รู้จักจำแนกแจกแจง ในชีวิตของเรามีอะไรบ้าง อะไรคือส่วนรูป อะไรคือส่วนนาม ความคิดเกิดขึ้นได้อย่างไร เราต้องหัดสังเกต หัดวิเคราะห์ให้เข้าถึงธรรมชาติภายในของเรา
แต่เวลานี้ธรรมชาติภายในของเรา หรือว่าตัวใจ เขาทั้งหลง ทั้งเกิด ทั้งยึด ทั้งเป็นทาสกิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียดแต่เราแยกแยะไม่ได้ เราก็เลยมองไม่เห็นความเป็นจริง มองรู้ความเป็นจริงในภาพรวม คือเป็นก้อน เป็นก้อน เป็นกองกองรูป ร่างกายของเราทั้งหมด
ในทางธรรม ท่านให้เจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ อันนี้กองส่วนใจ ส่วนนามธรรม ส่วนรูปธรรม นามธรรมมีอะไรบ้าง ทำไมใจถึงเกิด ทำไมใจถึงหลง ทำไมใจถึงเป็นทาสของกิเลส เราต้องมาชี้เหตุชี้ผล ทำความเข้าใจให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น
แต่ละวันตื่นขึ้นมาเรามีความขยันเพียงพอหรือไม่ มีความรับผิดชอบเพียงแค่ระดับสมมติ ความเป็นอยู่ในระดับปัจจัยเราก็มีความรับผิดชอบให้ได้ ไม่ใช่ว่าหนักไม่เอาเบาไม่สู้ มีแต่ความเกียจคร้านเข้าครอบงำ ไปอยู่ที่ไหนก็หนักตัวเองหนักคนอื่น หนักตัวเรา ข้ามภพข้ามชาติไปมันลำบาก เรามารีบแก้ไขเสีย แต่ละวันๆ เราไม่มีความขยันเราก็สร้างความขยัน สร้างความรับผิดชอบ ละความเกียจคร้าน ละนิวรณ์ ละความเห็นแก่ตัว ออกจากใจของเรา
ยิ่งอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่าน ความสมัครสมานสามัคคี ความขยันหมั่นเพียร เราก็ต้องพยายามทำให้เป็นเลิศทำให้เป็นเลิศ ค่อยแก้ไขตัวเรา ไม่ใช่ว่าไปปล่อยปละละเลย ผัดวันประกันพรุ่ง หนักไม่เอาเบาไม่สู้ คนอื่นจะเป็นอย่างไรก็ช่าง ขอให้ฉันอยู่ดีมีความสุข ก่อนที่จะอยู่ดีมีความสุขได้ ก็ต้องผ่านความหนัก ผ่านความลำบาก ผ่านความขยันหมั่นเพียร ผ่านความรับผิดชอบให้ได้ ถึงจะได้ไม่เสียทีเสียเที่ยว ก็ต้องพยายามเอา
คนเรานี้ก็แปลก ถ้าเราไม่รู้จักวิเคราะห์ใจของเรา รู้จักวิเคราะห์หน้าที่ของเรา มันก็จะมองไม่เห็นความเป็นจริงของชีวิตก็จะปล่อยปละละเลย ไปปล่อยปละเลยเสียดายเวลา เสียดายลมหายใจ เสียดายคือความเป็นอยู่ แทนที่จะพัฒนาให้มีทั้งสมมติก็ให้สมบูรณ์แบบ ทางด้านวิมุตติ ทางด้านจิตใจก็ให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน
ต้องเป็นบุคคลที่ มีความเพียร ความเพียรเป็นเลิศ อย่าไปเกียจคร้าน คนเหล่านี้เอาตั้งแต่ความเกียจคร้านเข้าครอบงำมันก็จะไปหนักเอาวันข้างหน้า พึ่งตัวเองไม่ได้ใช้ตัวเองไม่เป็น แบกธาตุขันธ์ตัวเรา แล้วก็แบกสมมติอีก เป็นภาระให้ตัวเอง แล้วก็เป็นภาระให้คนอื่น นี่แหละ เราต้องมาแก้ไขเสีย แก้ไขได้บ้าง ล้มลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ คนเรานี่ชอบสบาย ไม่ค่อยจะชอบลำบาก อยากจะได้สบาย แต่ความเกียจคร้านเข้าครอบงำ เราต้องพยายามละความเกียจคร้านขยัน… เราไม่อยากจะได้ความสบาย เราก็จะได้เอง ถ้าการกระทำของเรามี ก็ต้องพยายามกันนะ
สร้างความรู้สึกรับรู้ การหายใจเข้าออกให้ชัดเจน ให้ต่อเนื่อง เพียงแค่เรื่องหายการหายใจเข้าออกก็ขาดการสนใจ จะเอาตั้งแต่ทรัพย์ใหญ่ๆ แต่สติรู้ตัวที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างไร อาจจะสร้างบ้าง ทำบ้างได้นิดๆ หน่อยๆ เพียงแค่การเจริญสติ เราก็รู้จักเอาสติไปใช้ ไปอบรมใจอีกได้ มันหลายทอดหลายต่อมากทีเดียว สร้างความรู้ตัวให้ชัดเจนกันนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2563
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ ให้ต่อเนื่อง ให้เชื่อมโยงกันสักนิดนึง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเราอาจจะเกิดความเคยชินแบบเก่าๆ คิดก็รู้ทำก็รู้ ทำตามความคิด ทำตามสติปัญญาของโลกีย์ แต่สติปัญญาในทางธรรมเราต้องสร้างขึ้นมา สร้างความรู้ตัว รู้เท่า รู้ทัน รู้จักทำความเข้าใจ รู้จักจำแนกแจกแจง ในชีวิตของเรามีอะไรบ้าง อะไรคือส่วนรูป อะไรคือส่วนนาม ความคิดเกิดขึ้นได้อย่างไร เราต้องหัดสังเกต หัดวิเคราะห์ให้เข้าถึงธรรมชาติภายในของเรา
แต่เวลานี้ธรรมชาติภายในของเรา หรือว่าตัวใจ เขาทั้งหลง ทั้งเกิด ทั้งยึด ทั้งเป็นทาสกิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียดแต่เราแยกแยะไม่ได้ เราก็เลยมองไม่เห็นความเป็นจริง มองรู้ความเป็นจริงในภาพรวม คือเป็นก้อน เป็นก้อน เป็นกองกองรูป ร่างกายของเราทั้งหมด
ในทางธรรม ท่านให้เจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ อันนี้กองส่วนใจ ส่วนนามธรรม ส่วนรูปธรรม นามธรรมมีอะไรบ้าง ทำไมใจถึงเกิด ทำไมใจถึงหลง ทำไมใจถึงเป็นทาสของกิเลส เราต้องมาชี้เหตุชี้ผล ทำความเข้าใจให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น
แต่ละวันตื่นขึ้นมาเรามีความขยันเพียงพอหรือไม่ มีความรับผิดชอบเพียงแค่ระดับสมมติ ความเป็นอยู่ในระดับปัจจัยเราก็มีความรับผิดชอบให้ได้ ไม่ใช่ว่าหนักไม่เอาเบาไม่สู้ มีแต่ความเกียจคร้านเข้าครอบงำ ไปอยู่ที่ไหนก็หนักตัวเองหนักคนอื่น หนักตัวเรา ข้ามภพข้ามชาติไปมันลำบาก เรามารีบแก้ไขเสีย แต่ละวันๆ เราไม่มีความขยันเราก็สร้างความขยัน สร้างความรับผิดชอบ ละความเกียจคร้าน ละนิวรณ์ ละความเห็นแก่ตัว ออกจากใจของเรา
ยิ่งอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่าน ความสมัครสมานสามัคคี ความขยันหมั่นเพียร เราก็ต้องพยายามทำให้เป็นเลิศทำให้เป็นเลิศ ค่อยแก้ไขตัวเรา ไม่ใช่ว่าไปปล่อยปละละเลย ผัดวันประกันพรุ่ง หนักไม่เอาเบาไม่สู้ คนอื่นจะเป็นอย่างไรก็ช่าง ขอให้ฉันอยู่ดีมีความสุข ก่อนที่จะอยู่ดีมีความสุขได้ ก็ต้องผ่านความหนัก ผ่านความลำบาก ผ่านความขยันหมั่นเพียร ผ่านความรับผิดชอบให้ได้ ถึงจะได้ไม่เสียทีเสียเที่ยว ก็ต้องพยายามเอา
คนเรานี้ก็แปลก ถ้าเราไม่รู้จักวิเคราะห์ใจของเรา รู้จักวิเคราะห์หน้าที่ของเรา มันก็จะมองไม่เห็นความเป็นจริงของชีวิตก็จะปล่อยปละละเลย ไปปล่อยปละเลยเสียดายเวลา เสียดายลมหายใจ เสียดายคือความเป็นอยู่ แทนที่จะพัฒนาให้มีทั้งสมมติก็ให้สมบูรณ์แบบ ทางด้านวิมุตติ ทางด้านจิตใจก็ให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน
ต้องเป็นบุคคลที่ มีความเพียร ความเพียรเป็นเลิศ อย่าไปเกียจคร้าน คนเหล่านี้เอาตั้งแต่ความเกียจคร้านเข้าครอบงำมันก็จะไปหนักเอาวันข้างหน้า พึ่งตัวเองไม่ได้ใช้ตัวเองไม่เป็น แบกธาตุขันธ์ตัวเรา แล้วก็แบกสมมติอีก เป็นภาระให้ตัวเอง แล้วก็เป็นภาระให้คนอื่น นี่แหละ เราต้องมาแก้ไขเสีย แก้ไขได้บ้าง ล้มลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ คนเรานี่ชอบสบาย ไม่ค่อยจะชอบลำบาก อยากจะได้สบาย แต่ความเกียจคร้านเข้าครอบงำ เราต้องพยายามละความเกียจคร้านขยัน… เราไม่อยากจะได้ความสบาย เราก็จะได้เอง ถ้าการกระทำของเรามี ก็ต้องพยายามกันนะ
สร้างความรู้สึกรับรู้ การหายใจเข้าออกให้ชัดเจน ให้ต่อเนื่อง เพียงแค่เรื่องหายการหายใจเข้าออกก็ขาดการสนใจ จะเอาตั้งแต่ทรัพย์ใหญ่ๆ แต่สติรู้ตัวที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างไร อาจจะสร้างบ้าง ทำบ้างได้นิดๆ หน่อยๆ เพียงแค่การเจริญสติ เราก็รู้จักเอาสติไปใช้ ไปอบรมใจอีกได้ มันหลายทอดหลายต่อมากทีเดียว สร้างความรู้ตัวให้ชัดเจนกันนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ