ตามความเป็นจริง_หลวงพ่อกล้วย ลำดับที่ 60 วันที่ 21 กรกฎาคม 2557

ตามความเป็นจริง_หลวงพ่อกล้วย ลำดับที่ 60 วันที่ 21 กรกฎาคม 2557
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
ตามความเป็นจริง_หลวงพ่อกล้วย ลำดับที่ 60 วันที่ 21 กรกฎาคม 2557
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
ตามความเป็นจริง ชุดที่ 3 (ลำดับที่ 41-60)
ถอดความฉบับเต็ม
ตามความเป็นจริง ลำดับที่ 60
วันที่ 21 กรกฎาคม 2557


ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องแล้วหรือยัง เพียงแค่ทำให้ต่อเนื่อง พวกเราก็ขาดความเพียรตรงนี้กันเลยทีเดียว แต่อาจจะมีความรู้ตัวอยู่บ้างเป็นบางช่วง บางครั้งบางคราว แต่ความสืบต่อความต่อเนื่อง ต้องเป็นบุคคลที่ขยัน ขยัน ความรู้ตัวหลุด พลั้งเผลอ เริ่มใหม่


หมั่นวิเคราะห์ หมั่นสังเกต หมั่นสำรวจใจสำรวจกายของเรา อะไรควรทำ อะไรควรละ อะไรควรเจริญ มีเรื่องเดียวคือเรื่องทำความเข้าใจกับชีวิตของเราให้ถูกต้อง ทั้งทางโลก ทั้งทางธรรม แต่มันเยอะ


แต่ถ้าเราย่นย่อลงไปใกล้ๆ ไล่ลงไปเรื่อยๆ จนมันไม่เหลืออะไร จนเหลือตั้งแต่ความบริสุทธิ์ของใจ ทำไมใจถึงเกิดทำไมใจถึงหลง


ภาระหน้าที่สมมติ อะไรขาดตกบกพร่องเราก็รีบแก้ไข ความขยันหมั่นเพียรของเรามีเพียงพอหรือไม่ ความรับผิดชอบ ความเสียสละการละกิเลส ถ้าเราจะเอาจริงๆ แล้วก็ ทั้งวันทั้งคืน จนไม่มีอะไรที่จะเหลือ จนไม่มีกิเลสที่จะเหลือ เราทำความเข้าใจอยู่กับกองกิเลส อยู่กับกองทุกข์ กายของเรานี่แหละกองกิเลสก้อนทุกข์ ส่วนรูปธรรมเดี๋ยวก็เจ็บโน่นเจ็บนี่ เป็นโน่นเป็นนี่


ส่วนการเกิดการดับของจิตวิญญาณ เขาก็เกิดมา เขาหลงมาตั้งนาน เขาถึงเกิด เกิดยังไม่พอ มาสร้างขันธ์ห้าซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรมมาปิดกั้นตัวเองอีก แล้วก็มาเป็นทาสของกิเลสหยาบกิเลสละเอียด มาปิดกั้นตัวของเขาเอาไว้หมด กิเลสมารเขาก็มีเหตุมีผลเหมือนกัน กิเลสมาร ขันธมาร จิตมาร


เราต้องเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ แยกแยะ ทำความเข้าใจ ชี้เหตุชี้ผลทุกเรื่อง จนใจของเราจนปัญญา ยอมรับความเป็นจริงได้นั่นแหละ ละกิเลสได้ ดับความเกิดได้หมดนั่นแหละ ถึงจะอยู่ดีมีความสุขทางด้านจิตใจ ส่วนกายเป็นก้อนทุกข์ ก็ดูแลรักษาเขาไปตามสภาพตามสภาวะ ความขยันหมั่นเพียรด้วยสติด้วยปัญญาของเรา


ก็ต้องพยายาม อย่าไปทิ้งในการวิเคราะห์ การวิเคราะห์ใจของเรา ไม่มีเรื่องอื่น มีเรื่องเดียวเท่านี้ที่จะต้องสะสาง ทำใจให้สะอาด ทำใจให้บริสุทธิ์ เพราะว่าทุกคนก็มีขันธ์ห้าเหมือนกัน มีวิญญาณเหมือนกัน อาจจะมีทิฏฐิ ความเห็นอาจจะแตกต่างกัน


เราก็ละทิฏฐิเก่าๆ เอาปัญญาที่ถูกต้องของพระพุทธองค์เอาไปใช้ การเจริญสติเป็นอย่างนี้ การสร้างบารมีเป็นอย่างนี้ การละกิเลสเป็นอย่างนี้ กายวิเวก ใจวิเวก ใจวิเวกจากการเกิด วิเวกจากกิเลส วิเวกจากกิเลสหยาบกิเลสละเอียด แล้วก็เจริญพรหมวิหารเข้าไปทดแทน จนกว่าจะไม่ต้องกลับมาเกิดกัน


ก็ต้องพยายามนะ ทั้งพระทั้งโยมทั้งชี อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง เสียดายเวลา จะไปฟังที่ไหน ไปปฏิบัติที่ไหน ถ้าเราไม่รู้ใจ มันก็เหมือนเดิม ถ้าเราสอนใจตัวเราไม่ได้ ใช้ตัวเองไม่เป็น ไปอยู่ที่ไหนก็เหมือนเดิม ถ้าเราแก้ไขใจของเราได้ รู้จักวิเคราะห์พิจารณา อยู่คนเดียวก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข


สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ต่อเนื่องกันสักคืบ สักนาที สองนาทีก็ยังดีนะ ดีกว่าไม่ได้ทำ


พากันไหว้พระพร้อมๆ กันค่อยไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอา

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง