หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554 ลำดับที่ 095

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554 ลำดับที่ 095
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554 ลำดับที่ 095
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจทีวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องให้ชัดเจน วางหยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ดับหยุดความนึกคิดเรื่องพันธะภาระหน้าที่การงานทางบ้านทุกเรื่อง ให้หยุดเอาไว้เสียก่อนนะ

ตอนนี้เวลานี้เรามาสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียก ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว การสูดลมหายใจออกมายาวๆ หายใจเข้ายาวๆ อย่าไปบังคับลมหายใจ เราพยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน ลมหายใจเข้าก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ อย่าไปเพ่ง ถ้าเราไปเพ่งลมหายใจ สมองเราก็จะตึง ถ้าเราเอาจิตจ่อไปอยู่กับลมหายใจ หน้าอกก็จะแน่น

เราพยายามสังเกตความรู้สึกรับรู้ เวลาลมวิ่งเข้าก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเราก็พอ เวลาลมหายใจออก เรามีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา เหมือนกับนายประตูทวารคอยสังเกตดูว่า รถคันไหนจะวิ่งเข้าก็รู้ รถคันไหนจะวิ่งออกก็รู้ รู้ทุกคัน รู้ทุกครั้งเมื่อเราหายใจเข้า หายใจออกให้เกิดความเคยชิน ฝึกตรงให้เกิดความเคยชินเถิด ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ ความรู้ตัวที่ต่อเนื่องอยู่ปัจจุบันเวลาลมเข้าลมออก เขาเรียกว่า ‘ปัจจุบันธรรม’

ถ้าใจของเราจะก่อตัว จะเกิดส่งออกไปภายนอก ถ้าเรามีสติรู้ตัวอยู่ เราก็จะเห็น เห็นการก่อตัวของใจ แต่เวลานี้ใจของเรายังส่งไปภายนอกอยู่ ยังเกิดอยู่ ยังหลงอยู่ สติของเรารู้ไม่เท่าทัน การดับ การละ การสังเกต การวิเคราะห์จะตามมาได้อย่างไร เราพยายามสร้างเถิด สร้างให้เกิดความเคยชินให้อยู่ในอิริยาบถไหนเราก็ดู หมั่นวิเคราะห์กาย วิเคราะห์ไจ หมั่นพร่ำสอนใจของเรา อะไรผิด อะไรถูก อะไรควรละ อะไรควรเจริญ

ขณะนี้ใจของเราเป็นอย่างไร ใจของเราปกติ สงบ หรือว่าเกิดความกังวล หรือว่าเกิดความฟุ้งซ่านต่างๆ หรือว่ามีความยินดียินร้ายในสิ่งต่างๆ วิญญาณ หรือว่าใจของทุกคน ปรารถนาหาทางดับทุกข์ หาทางหลุดพ้นกันมาทุกภพทุกชาติ แต่บางครั้ง บางภพ บางภูมิ บางชาติก็หลงไปก็มี มีโอกาสได้หลงเข้ามาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ มีโอกาสมากที่สุดที่จะเข้าถึงธรรมคำสอนของพระพุทธองค์

พระพุทธองค์ท่านก็สอนเรื่องกาย เรื่องใจของเรานี่แหละ กายของเรามีอะไรบ้าง ประกอบขึ้นมามีหนังห่อหุ้ม มีวิญญาณเข้ามาครอบครอง แล้วก็สร้างภพสร้างชาติต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด ท่านถึงบอกว่าให้มาจำแนกแจกแจง มาสังเกต มาวิเคราะห์ หมั่นพร่ำสอนใจ หาเหตุหาผลให้ใจของเรารู้เห็นตามความเป็นจริง ใจของเราถึงจะปล่อยถึงจะวาง

ปล่อยวางขันธ์ห้ายังไม่พอ เราต้องมาละกิเลสออกจากใจของเราอีก มาละกิเลสออกจากใจ มาดับความเกิดของใจของเราอีก นิวรณ์ต่างๆ มลทินต่างๆ กิเลสหยาบกิเลสละเอียด โลกธรรมในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว เราก็ต้องทำความเข้าใจทุกเรื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนกระทั่งเราหมดลมหายใจ รู้กายรู้ใจ รู้จักวิเคราะห์ รู้จักพิจารณาหาเหตุผล หมั่นพร่ำสอนใจของเรา

อะไรคือสติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมา ใจของเราเกิดความอยากแม้แต่นิดเดียว เราก็ต้องดับต้องหยุด ไม่ให้ใจของเราเกิดความอยากเลย ถ้าเราดับความอยากได้ตั้งแต่ยังน้อยๆ ตัวใหญ่ๆ มันก็จะไม่เกิด ส่วนมากมีตั้งแต่ส่งเสริม อยากนั่นอยากนี่ อยากไปอยากมา อยากมีอยากเป็น แล้วก็สารพัด แล้วเข้าไปยึด เข้าไปหลง

เรื่องจิตเรื่องใจนี้เป็นของละเอียด ถ้าเราไม่ศึกษาจริงๆ เราก็จะหลงทาง อาจจะหลงอยู่ในกองบุญนั่นแหละ หลงอยู่ในอำนาจของกองบุญกองกุศลนั่นแหละ แต่ก็ยังเกิดอยู่ ก็ยังวนเวียนว่ายตายเกิดอยู่ บางคนบางท่านก็สร้างบุญ สร้างบารมีมาดีมาเต็มเปี่ยม แต่กำลังสติปัญญาไปสังเกต ไปวิเคราะห์ตรงนี้ไม่เท่าทัน

ท่านถึงบอกให้มาเจริญสติ มาเจริญสติให้ต่อเนื่องตั้งแต่ตื่นขึ้นมา หมั่นสังเกตว่าดูว่ากายของเราเป็นอย่างไร มีทิฐิ มีมานะ มีความเห็นแก่ตัว หรือว่ามีความอิจฉาริษยา หรือว่ามีความแข็งกระด้าง มีความอ่อนน้อมถ่อมตน เราก็ต้องหมั่นสังเกตพฤติกรรมของใจของเรา ถ้าดำเนินผิดทางนี่ไปเลยนะของพวกนี้ไปเลย ถ้าดำเนินผิดทางนี่กู่ไม่กลับเลย หรือว่าบางทีบางครั้งเสียภพเสียชาติเลยก็มี

เหมือนกับมีแม่ชีอยู่กลุ่มหนึ่ง หลายปีแล้วแหละ ร่วม 14 15 หรือร่วม 20 ปี แล้วแหละ เคยมาหาหลวงพ่อ ปฏิบัติธรรมกัน มีความสงบมีความสุข 4-5 คน เข้าใจในธรรรมดีอย่างนั้น เข้าใจในธรรมดีอย่างนี้ มาหาหลวงพ่อ หลวงพ่อก็ว่าดี ฝักใฝ่ในการปฏิบัติ สนใจในการปฏิบัติอยู่กับหลวงปู่หลวงตาทางนั่นแหละทางบ้านไผ่เมืองพลนั่นแหละ ไม่นานออกพรรษา ใส่กางเกงเสื้อผ้ามาอย่างดี มาขอบวช มาขออยู่กับหลวงพ่อใหม่ อ้าวทำไมถึงใส่กางเกงเสื้อผ้ามาล่ะ บอกหลวงปู่ไล่ออกจากวัดนั่นแหละ ทำไมถึงออกไล่ออกจากวัด ไม่ถูกกัน ธรรมะไม่ลงกัน ตีกันจนขึ้นโรงขึ้นศาลบอกว่าอย่างนั้นนะ ปฏิบัติผิดที่ผิดทาง ไม่เข้าใจ

อีกคนหนึ่งก็หนีไปปฏิบัติอยู่ที่ถ้ำทางเมืองเลยนั่นแหละ เขาเรียกว่าถ้ำอะไรหนอ ช่วงนั้นสวยด้วยสาวด้วย คนมาขอแต่งงานต้อง 2 3 4 5 คน ไม่ยอมแต่ง ออกบวชชี แต่ไม่ยอมเข้าไปหาครูบาอาจารย์ ไปติดไปปฏิบัติธรรมกับแม่ชีน้อยว่าอย่างนั้น แม่ชีน้อยพากันไปปฏิบัติธรรมอยู่ในถ้ำ ฝึกไปฝึกมาก็เกิดนิมิตเห็นนั่นเห็นนี่ แล้วก็พระพุทธเจ้าท่านก็บอกว่าไม่ใช่เอาอะไร ให้ปล่อยวางให้หมด ไม่ต้องทำอะไร ว่าอย่างนั้น ไม่ทำอะไร ไม่เอาอะไร แม้แต่อาบน้ำอาบท่าก็ไม่อาบ บอกว่าพระพุทธเจ้าไม่ให้ทำ บอกว่าอย่างนั้น ปฏิบัติผิดทาง ก็มาหาหลวงพ่อนี่แหละ ก็มาพักอยู่กับหลวงพ่อ หลวงพ่อก็ให้พัก อยู่ในห้องนี่เขียนธรรมะเต็มไปหมดห้อง แล้วมันก็สกปรกไปหมดเลย กับข้าวกับปลาก็ไม่สนใจในการทำ ในการทำความสะอาด ได้ถ้วยได้ชามมาก็มาตักข้าวเอาไปกิน กินแล้วก็ซุกซ่อนเอาไว้ใต้เสื่อใต้สาดนั่นแหละ

นั่นแหละคนไม่มีสติไม่มีปัญญา หลง ไปที่ไหนก็หลงนิมิต เชื่อมั่นในตัวเอง แล้วก็หลงๆ หลงไปหลงมา กลับไปอยู่บ้าน มีเงินมีทองก็ไปเบิกมาหมดไปซื้อเครื่องดนตรี ซื้อเครื่องดนตรีมาแล้วก็มาตั้งไว้ในสวน สวนก็ใกล้โรงพัก อยู่ในสวนก็มาเปิดดนตรีเต้นหน้าโรงพักนั่นแหละ เพราะว่าไอ้กิเลสมันเล่นงานเอา ไม่รู้จักความหลง พ่อแม่เข้าไปหา เข้าไปบอกเขาไปกล่าว กำปั้นน่ะตีขุมตาพ่อแม่จนเขียวหมด ว่าพ่อแม่เป็นหมาถึงขนาดนั้นนะการปฏิบัติผิดที่ผิดทาง ผิด ไม่เข้าใจ ผิดคำสอนของพระพุทธองค์ แล้วก็ผลสุดท้ายก็เลยผูกคอตาย มันถึงขนาดนั้น กิเลสมันเล่นงานเอา น่าเสียดาย เสียภพเสียชาติเสียด้วย

ถ้าคนเรารู้จักการเจริญสติเป็นอย่างนี้ การดับ การละ การสังเกต การวิเคราะห์ รู้ไม่เท่าทันก็รู้จักระงับดับเอาไว้ เรามาอาศัยสมมติอยู่ ทำอย่างไรเราถึงจะทำความเข้าใจกับสมมติ อะไรคือสมมติ กายของเราเป็นก้อนสมมติ เราต้องทำความเข้าใจกายของเรา ยังอยู่กับหมู่ อยู่กับคณะ อยู่กับสังคม เรามีความรับผิดชอบต่อตัวเราหรือไม่ เรามีความรับผิดชอบต่อส่วนรวมหรือไม่ เรามีความเสียสละอย่างเต็มที่หรือไม่ เรามีความเห็นตัว หรือว่ามีความเกียจคร้าน เราต้องพยายามสร้างความขยันหมั่นเพียรให้มีให้เกิดขึ้นในกายในใจของเรา

ชีอยู่ที่นี่คงไม่เป็นหรอกนะ คงไม่เป็นเพราะว่าต่างคนทุกคนทุกองค์ทุกท่านก็มีตั้งแต่ความขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบในสิ่งที่เราเป็นอยู่ รู้จักช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อนุเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไปเจอหลายที่ หลวงพ่อไปเที่ยวธุดงค์สมัยก่อน 20 กว่าปี ไปเที่ยวธุดงค์เห็นชีทะเลาะกันเยอะ อยู่ด้วยกันสองคนก็ทะเลาะกันก็มี ทำไมถึงทะเลาะกัน

คนหนึ่งอายุ 17-18 ปี บวชมา 4-5 ปี คนหนึ่งอายุ 70 เพิ่งจะบวชเดือนสองเดือน ก็เลยคนโตก็ว่าตัวเองเกิดก่อนอายุมากต้องเป็นใหญ่บอกว่าอย่างนั้นนะ ไอ้คนเล็กก็บอกว่าฉันบวชก่อนฉันต้องเป็นใหญ่แค่ 2 คนก็ทะเลาะเบาะแว้งกันนะ ผู้หญิงเป็นอย่างนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้นะ ชีที่นี่ก็ไม่เห็นทะเลาะเบาะแว้งกันหรอก ก็พูดให้ฟัง ก็เล่าให้ฟัง มีตั้งแต่ความขยันหมั่นเพียร มีอะไรก็ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

แล้วก็อย่าลืมไปช่วยรดต้นไม้ให้หลวงพ่อหน่อยนะ ในทางสวนมะลิวัลย์ที่พากันไปปลูกเอาไว้ ปลูกต้นไม้ทุกอย่าง ไม้หอมไม้ประดับไม้อะไร ช่วยกันรด เย็นๆ ว่างๆ ก็ใครว่างก็ช่วยกันไปรด ไม่ว่าฆราวาสญาติโยม ใครว่างก็ช่วยกันไปรด ไปทำ ช่วยกันดูแล ต่อไปในวันข้างหน้าก็จะได้อาศัยร่มเงา ใครไปใครมาก็มีแต่ความสงบ ความสุข ก็เราทำเอานั่นแหละ ธรรมชาติมันไม่ดี เราก็พยายามปรุงแต่งธรรมชาติให้เป็นธรรมชาติ ให้น่าดู น่าอยู่ น่าอาศัย ก็พวกเรานั่นแหละได้อยู่ได้อาศัย ไม่มีใครเขาทำให้หรอกทุกวันนี้ เราต้องทำเอา ธรรมชาติมันเหือดแห้งไปใกล้จะหมดแล้ว พากันทำลาย ไปที่ไหนก็พากันแต่ทำลาย

เพียงแค่ก้าวออกประตูวัดนี่ก็ร้อนแล้ว ใครก้าวเข้ามาประตูวัดก็เริ่มเย็น นี่แหละอานิสงส์ของการปลูกดูแลต้นไม้จากรุ่นก่อนๆ 20 30 ปีจากความไม่มีความร่มรื่น ก็ทำให้มีความร่มรื่นขึ้นมา เราพากันมาดูแลช่วยกัน รักษาทุกสิ่งทุกอย่าง

พระเราก็เหมือนกัน พากันช่วยกันดูแลทำความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย เมื่อวานนี้ก็พากันช่วยกันทำความสะอาดวิหารพระหยกใหญ่ ก็ขอขอบใจทุกคน แต่ยังไม่พอใจหลวงพ่อนะ ช่วยกัน วันนี้ก็ช่วยกันใหม่ ช่วยกันทำใหม่ เหมือนกับเมื่อวานนี้ ทำงานถ้าเปรียบเสมือนกับธรรมะแล้วก็คือการชำระสะสางกิเลสหยาบๆ ออกจากวิหาร กิเลสละเอียดยังซุกซ่อนอยู่เยอะเลยทีเดียว ซุกซ่อนอยู่ตามมุมนั้นมุมนี้ ซอกนั้นซอกนี้

ถ้าเปรียบเสมือนกับนิวรณธรรม มลทินต่างๆ เราก็พากันไปช่วยดูแล วันนี้ก็พยายามเก็บงานละเอียดให้เรียบร้อยเสียนะ พวกหยากเยื่อหยากไย่ต่างๆ ไปหลบอยู่มุมนั้นมุมนี้ ก็เห็นเยอะอยู่ ยังเหลือเยอะอยู่ เพิ่มความเพียรเข้าไปอีก สร้างความขยัน สร้างความรับผิดชอบ มีอะไรก็ช่วยกันดูแล

ไม่ว่าเฉพาะที่วิหาร ที่พักที่อาศัย ตามหลังคาห้องส้วมห้องน้ำ ถ้ามีใบไม้เราก็พยายามขึ้นปัดกวาดออกให้มันหมด ให้ดูแลทำความสะอาดให้เป็นระเบียบ ก็เรานั่นแหละไม่มีใครเขาจะได้รับอานิสงส์หรอก ก็พวกเราอยู่ก็ได้รับอานิสงส์ ดูก็สวยงามตาสะอาดตา ใครไปใครมาก็มีความสุข คนมาก็ได้บุญเพิ่มขึ้นมาอีกนิดนึง เห็นแล้วก็สบายตาสบายใจ ก็ช่วยกัน ถ้ามัวตั้งแต่ความเกียจคร้าน ไม่มีความเสียสละ ไม่มีความรับผิดชอบ บวชมาก็เสียเที่ยวเสียเวลา พิจารณาตัวเองได้ ถ้าบุคคลใดเกียจคร้าน ก็ต้องพยายามกันนะ

เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไปภาวนาต่อ พากันเจริญสติต่อสร้างกันต่อเอานะ ขอเจริญธรรม

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง