หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554 ลำดับที่ 068
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554 ลำดับที่ 068
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่าน จงเจริญสติสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่เข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน วางความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ วาง หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งคราว ไอ้เรื่องวางนั้นคงวางไม่ได้หรอก ให้เราหยุดด้วยการกระตุ้นความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบาย ไม่ต้องพนมมือ วางกายให้สบาย แล้วก็ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ
การสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราก็จะชัดเจน เราพยายามสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจตรงที่ปลายจมูกของเราก็พอ ไม่ต้องไปตาม เพียงแค่เหมือนกับนายทวารคอยดูรู้อยู่ว่ารถคันไหนจะวิ่งเข้า รถคันไหนจะวิ่งออก
เรื่องการหายใจ เพียงแค่การหายใจเข้าออก พวกเราก็ขาดการสนใจกัน ก็เลยลืมตัวเอง ลืมกายเสีย ลืมใจเสีย สติเป็นอย่างไร ความรู้ตัวเป็นอย่างไร ก็ไม่ได้สร้าง เราต้องมาสร้างความรู้สึกตัวตรงนี้ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ พอรู้ตัวปุ๊บ รู้สัมผัสของลมหายใจเข้าออกปั๊บ รู้ความปกติของใจปุ๊บ จะลุกจะก้าวจะเดิน ใจของเราสงบนิ่งรับรู้ มีสติคอยดูรู้อยู่
ใจจะเกิด เราก็รู้จักควบคุมปั๊บ ใจก็นิ่ง ความคิด อาการของขันธ์ห้าที่จะผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจ ใจเคลื่อนเข้าไปรวม ความรู้ตัวของเราอยู่ปัจจุบัน เราก็จะเห็นตรงนั้นปุ๊บ พอเห็นปุ๊บใจมันก็จะดีดออกจากอาการของความคิด ซึ่งเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม/ นี่แหละเขาเรียกว่า ‘วิปัสสนา’ ความรู้แจ้งเห็นจริง สัมมาทิฏฐิ ความรู้แจ้งเห็นจริงเปิดทางให้เป็นข้อแรกในอริยมรรค ในหนทางเดินต้องรู้ให้ถูกต้องตั้งแต่ข้อแรก
สติของเราก็จะตามดู ตามรู้ ตามเห็น เห็นการเกิดการดับของความคิด ของอารมณ์ เกิดๆ ดับๆ นั่นแหละ เขาเรียกว่า ‘อนิจจัง’ ความไม่เที่ยง มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ นั่นแหละมันเป็นทุกข์ เวลามันดับไป อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ความว่างเปล่าก็มาปรากฏ แต่ตัวใจไปหลงไปรวมเอาว่าเป็นความคิดของตัวเรา เป็นตัวตนที่แท้จริง ก็เลยเกิดอัตตาตัวตน กายก็เลยหนัก ใจก็เลยหนัก
คนเราถ้าไม่มีสติปัญญาที่แหลมคม ยากที่จะเข้าถึงตรงนี้ ถ้าไม่มีความขยันหมั่นเพียร ยากที่จะทำความเข้าใจตรงนี้ เรารู้อยู่เพียงแค่ว่าเราคิด แล้วก็ทำตามความคิด ทำตามอารมณ์ เป็นทาสของอารมณ์ เป็นทาสของกิเลส เราต้องพยายามหัดสังเกต หัดพิจารณา อีกอย่างหนึ่งนั้น วิบากกรรมของแต่ละบุคคลก็สร้างมาไม่เหมือนกัน จะไปดูแต่จิตใจก็ไม่ได้ ทางด้านสมมติ ทางด้านรูปธรรม อันนั้นก็ยังขาด ยังบีบบังคับให้มาดูส่วนภายในนี้ ข้างนอกก็ยังลำบากอยู่ มันก็เลยติดขัดไปหมด เราก็ต้องพยายามยังสมมติของเราให้บริบูรณ์ ก็ส่งผลถึงทางด้านภายใน สิ่งแวดล้อมต่างๆ ก็เอื้อหนุนอำนวยกันไปหมด
เรามีความขยันหมั่นเพียรเพียงพอหรือไม่ เรามีความเสียสละ เรามีความอดทน เรามีความอ่อนน้อมถ่อมตน เรามีความรับผิดชอบผิดถูกชั่วดี เรารู้จักควบคุมกาย วาจา ใจของเราระดับไหน เราต้องไล่ลงไปเรื่อยๆ ทุกเรื่องในชีวิตประจำวันของเรา เราต้องดูให้หมดทุกเรื่อง
ไม่ใช่ว่าจะเอาแต่ธรรมแล้ว แม้แต่การเจริญสติก็ยังไม่รู้จัก ดูว่าลักษณะของสติที่เราสร้างขึ้นมาเป็นอย่างไร สติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเป็นอย่างไร ลักษณะของจิตที่สงบเป็นอย่างไร จิตที่เป็นสมาธิตั้งมั่น จิตที่คลายออกจากอารมณ์ จิตที่ปล่อยวางเป็นอย่างไร จิตที่ไม่มีกิเลสเป็นอย่างไร เราก็ต้องดู
สมมติอะไรเรายังขาดตกบกพร่อง เราก็รีบแก้ไขเสียให้ดี มันไม่ดี เราก็ทำพยายามทำให้ดี เพิ่มความขยันหมั่นเพียร มีความพอใจ มีความสุขในสิ่งที่เรามี ใจของเราเกิดกิเลส เราก็รู้จักละ ถ้าเราอยากจะได้มาก เราก็ขยันหมั่นเพียร ทำให้เกิดประโยชน์
แต่ละวันตื่นขึ้นมาเราก็จะได้เป็นบุคคลที่เข้าวัด ทำกายให้เป็นวัด ทำใจให้เป็นพระ เจริญสติเข้าไปเยี่ยมพระอยู่บ่อยๆ สักวันหนึ่งเราก็คงจะถึงจุดหมายปลายทาง ไม่ถึงช้าก็ต้องถึงเร็ว ก็ต้องพยายามกัน อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง มีบุญแล้วแหละถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ การที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์นี้มีภูมิปัญญาที่จะเข้าถึงธรรมได้ พระพุทธองค์ท่านถึงได้เกิดมาอยู่ในภพของมนุษย์ เพื่อที่จะได้มาตรัสรู้ธรรม แล้วเอามาเปิดเผยจำแนกแจกแจงให้สัตว์โลกได้เดินตามสัตว์โลกก็คือพวกเรานี่แหละ พยายามเดิน เดินตามคำสอนของท่าน การเจริญสติเป็นอย่างนี้ การละกิเลสเป็นอย่างนี้ ความอยากเล็กๆ น้อยๆ
ในหลักธรรม ท่านให้ละความอยาก ละความหวัง ให้ตั้งสติ ตั้งปัญญา ทำหน้าที่ด้วยเหตุด้วยผล อยู่อย่างบุคคลที่มีปัญญา อยู่อย่างบุคคลที่มีความสุข ไม่ให้กิเลสความอยากแม้แต่นิดเดียวเข้ามารบกวนจิตใจของเราได้เลย ก็ต้องพยายามกันนะ ไม่เหลือวิสัยหรอก มีโอกาสในการสร้างคุณงามความดี เรามีโอกาสได้สร้างอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นขึ้นมา อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง เราต้องพยายามทำ ทำได้มากน้อย เราก็ต้องพยายามทำ รู้จักควบคุมใจ ควบคุมอารมณ์ ควบคุมจิต ต่อไปข้างหน้าก็จะเดินปัญญาแยกแยะ ละกิเลสหยาบกิเลสละเอียด
มันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ปกปิดดวงวิญญาณ หรือดวงใจของเราไว้ แม้แต่ใจของเรายังหลอกตัวเองอยู่ตลอด กายเนื้อก็มาปิดบังอำพรางตัวใจเอาไว้ อาการความคิด อารมณ์ซึ่งเป็นนามธรรมก็มาปิดบังดวงใจของเราเอาไว้ ความทะเยอทะยานอยาก ซึ่งเป็นยางเหนียวอีกก็ยังมาปกปิดเอาไว้ ต้องคลายออกให้มันหมด ใจของเราเกิดความโลภ เราก็พยายามละความโลภ ใจเกิดความโกรธ เราก็พยายามดับความโกรธ ให้อภัยทานอโหสิกรรม ทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามเขา จนกว่าใจของเราจะสะอาด บริสุทธิ์ หลุดพ้นนั่นแหละธรรมะจะรักษาเรา สติ ปัญญา สมาธิเขาก็จะรักษาเราอยู่ตลอดเวลา
ใจของเราเป็นธรรม เราก็มองเห็นโลกนี้เป็นธรรม ใจของเราว่าง เราก็มองเห็นโลกนี้เป็นของว่าง ไปอยู่ที่ไหนก็มีความสุข ไม่ว่าจะอยู่คนเดียวก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข มองเห็นหนทางเดินว่าจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน ตราบใดที่จะยังเกิด ก็ขอให้เกิดอยู่ในกองบุญกองกุศลนะ
หลังจากวันนี้ หลังจากฉันเช้าเสร็จก็ประมาณสามโมงเช้า ก็จะได้ทำพิธีไถ่ชีวิตโคกัน ซึ่งท่านผู้ใจบุญท่านก็มาเตรียมพร้อม พร้อมมูลหมด บุคคลที่จะมารับเอาโคไปเลี้ยงก็เตรียมพร้อมหมด ก็ประมาณสามโมงเช้าก็จะได้ทำพิธีกัน รับประทานข้าวปลาอาหารให้อิ่มหนำสำราญกันเสียก่อนนะ
เอาล่ะวันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อเอานะ
การสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราก็จะชัดเจน เราพยายามสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจตรงที่ปลายจมูกของเราก็พอ ไม่ต้องไปตาม เพียงแค่เหมือนกับนายทวารคอยดูรู้อยู่ว่ารถคันไหนจะวิ่งเข้า รถคันไหนจะวิ่งออก
เรื่องการหายใจ เพียงแค่การหายใจเข้าออก พวกเราก็ขาดการสนใจกัน ก็เลยลืมตัวเอง ลืมกายเสีย ลืมใจเสีย สติเป็นอย่างไร ความรู้ตัวเป็นอย่างไร ก็ไม่ได้สร้าง เราต้องมาสร้างความรู้สึกตัวตรงนี้ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ พอรู้ตัวปุ๊บ รู้สัมผัสของลมหายใจเข้าออกปั๊บ รู้ความปกติของใจปุ๊บ จะลุกจะก้าวจะเดิน ใจของเราสงบนิ่งรับรู้ มีสติคอยดูรู้อยู่
ใจจะเกิด เราก็รู้จักควบคุมปั๊บ ใจก็นิ่ง ความคิด อาการของขันธ์ห้าที่จะผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจ ใจเคลื่อนเข้าไปรวม ความรู้ตัวของเราอยู่ปัจจุบัน เราก็จะเห็นตรงนั้นปุ๊บ พอเห็นปุ๊บใจมันก็จะดีดออกจากอาการของความคิด ซึ่งเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม/ นี่แหละเขาเรียกว่า ‘วิปัสสนา’ ความรู้แจ้งเห็นจริง สัมมาทิฏฐิ ความรู้แจ้งเห็นจริงเปิดทางให้เป็นข้อแรกในอริยมรรค ในหนทางเดินต้องรู้ให้ถูกต้องตั้งแต่ข้อแรก
สติของเราก็จะตามดู ตามรู้ ตามเห็น เห็นการเกิดการดับของความคิด ของอารมณ์ เกิดๆ ดับๆ นั่นแหละ เขาเรียกว่า ‘อนิจจัง’ ความไม่เที่ยง มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ นั่นแหละมันเป็นทุกข์ เวลามันดับไป อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ความว่างเปล่าก็มาปรากฏ แต่ตัวใจไปหลงไปรวมเอาว่าเป็นความคิดของตัวเรา เป็นตัวตนที่แท้จริง ก็เลยเกิดอัตตาตัวตน กายก็เลยหนัก ใจก็เลยหนัก
คนเราถ้าไม่มีสติปัญญาที่แหลมคม ยากที่จะเข้าถึงตรงนี้ ถ้าไม่มีความขยันหมั่นเพียร ยากที่จะทำความเข้าใจตรงนี้ เรารู้อยู่เพียงแค่ว่าเราคิด แล้วก็ทำตามความคิด ทำตามอารมณ์ เป็นทาสของอารมณ์ เป็นทาสของกิเลส เราต้องพยายามหัดสังเกต หัดพิจารณา อีกอย่างหนึ่งนั้น วิบากกรรมของแต่ละบุคคลก็สร้างมาไม่เหมือนกัน จะไปดูแต่จิตใจก็ไม่ได้ ทางด้านสมมติ ทางด้านรูปธรรม อันนั้นก็ยังขาด ยังบีบบังคับให้มาดูส่วนภายในนี้ ข้างนอกก็ยังลำบากอยู่ มันก็เลยติดขัดไปหมด เราก็ต้องพยายามยังสมมติของเราให้บริบูรณ์ ก็ส่งผลถึงทางด้านภายใน สิ่งแวดล้อมต่างๆ ก็เอื้อหนุนอำนวยกันไปหมด
เรามีความขยันหมั่นเพียรเพียงพอหรือไม่ เรามีความเสียสละ เรามีความอดทน เรามีความอ่อนน้อมถ่อมตน เรามีความรับผิดชอบผิดถูกชั่วดี เรารู้จักควบคุมกาย วาจา ใจของเราระดับไหน เราต้องไล่ลงไปเรื่อยๆ ทุกเรื่องในชีวิตประจำวันของเรา เราต้องดูให้หมดทุกเรื่อง
ไม่ใช่ว่าจะเอาแต่ธรรมแล้ว แม้แต่การเจริญสติก็ยังไม่รู้จัก ดูว่าลักษณะของสติที่เราสร้างขึ้นมาเป็นอย่างไร สติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเป็นอย่างไร ลักษณะของจิตที่สงบเป็นอย่างไร จิตที่เป็นสมาธิตั้งมั่น จิตที่คลายออกจากอารมณ์ จิตที่ปล่อยวางเป็นอย่างไร จิตที่ไม่มีกิเลสเป็นอย่างไร เราก็ต้องดู
สมมติอะไรเรายังขาดตกบกพร่อง เราก็รีบแก้ไขเสียให้ดี มันไม่ดี เราก็ทำพยายามทำให้ดี เพิ่มความขยันหมั่นเพียร มีความพอใจ มีความสุขในสิ่งที่เรามี ใจของเราเกิดกิเลส เราก็รู้จักละ ถ้าเราอยากจะได้มาก เราก็ขยันหมั่นเพียร ทำให้เกิดประโยชน์
แต่ละวันตื่นขึ้นมาเราก็จะได้เป็นบุคคลที่เข้าวัด ทำกายให้เป็นวัด ทำใจให้เป็นพระ เจริญสติเข้าไปเยี่ยมพระอยู่บ่อยๆ สักวันหนึ่งเราก็คงจะถึงจุดหมายปลายทาง ไม่ถึงช้าก็ต้องถึงเร็ว ก็ต้องพยายามกัน อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง มีบุญแล้วแหละถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ การที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์นี้มีภูมิปัญญาที่จะเข้าถึงธรรมได้ พระพุทธองค์ท่านถึงได้เกิดมาอยู่ในภพของมนุษย์ เพื่อที่จะได้มาตรัสรู้ธรรม แล้วเอามาเปิดเผยจำแนกแจกแจงให้สัตว์โลกได้เดินตามสัตว์โลกก็คือพวกเรานี่แหละ พยายามเดิน เดินตามคำสอนของท่าน การเจริญสติเป็นอย่างนี้ การละกิเลสเป็นอย่างนี้ ความอยากเล็กๆ น้อยๆ
ในหลักธรรม ท่านให้ละความอยาก ละความหวัง ให้ตั้งสติ ตั้งปัญญา ทำหน้าที่ด้วยเหตุด้วยผล อยู่อย่างบุคคลที่มีปัญญา อยู่อย่างบุคคลที่มีความสุข ไม่ให้กิเลสความอยากแม้แต่นิดเดียวเข้ามารบกวนจิตใจของเราได้เลย ก็ต้องพยายามกันนะ ไม่เหลือวิสัยหรอก มีโอกาสในการสร้างคุณงามความดี เรามีโอกาสได้สร้างอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นขึ้นมา อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง เราต้องพยายามทำ ทำได้มากน้อย เราก็ต้องพยายามทำ รู้จักควบคุมใจ ควบคุมอารมณ์ ควบคุมจิต ต่อไปข้างหน้าก็จะเดินปัญญาแยกแยะ ละกิเลสหยาบกิเลสละเอียด
มันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ปกปิดดวงวิญญาณ หรือดวงใจของเราไว้ แม้แต่ใจของเรายังหลอกตัวเองอยู่ตลอด กายเนื้อก็มาปิดบังอำพรางตัวใจเอาไว้ อาการความคิด อารมณ์ซึ่งเป็นนามธรรมก็มาปิดบังดวงใจของเราเอาไว้ ความทะเยอทะยานอยาก ซึ่งเป็นยางเหนียวอีกก็ยังมาปกปิดเอาไว้ ต้องคลายออกให้มันหมด ใจของเราเกิดความโลภ เราก็พยายามละความโลภ ใจเกิดความโกรธ เราก็พยายามดับความโกรธ ให้อภัยทานอโหสิกรรม ทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามเขา จนกว่าใจของเราจะสะอาด บริสุทธิ์ หลุดพ้นนั่นแหละธรรมะจะรักษาเรา สติ ปัญญา สมาธิเขาก็จะรักษาเราอยู่ตลอดเวลา
ใจของเราเป็นธรรม เราก็มองเห็นโลกนี้เป็นธรรม ใจของเราว่าง เราก็มองเห็นโลกนี้เป็นของว่าง ไปอยู่ที่ไหนก็มีความสุข ไม่ว่าจะอยู่คนเดียวก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข มองเห็นหนทางเดินว่าจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน ตราบใดที่จะยังเกิด ก็ขอให้เกิดอยู่ในกองบุญกองกุศลนะ
หลังจากวันนี้ หลังจากฉันเช้าเสร็จก็ประมาณสามโมงเช้า ก็จะได้ทำพิธีไถ่ชีวิตโคกัน ซึ่งท่านผู้ใจบุญท่านก็มาเตรียมพร้อม พร้อมมูลหมด บุคคลที่จะมารับเอาโคไปเลี้ยงก็เตรียมพร้อมหมด ก็ประมาณสามโมงเช้าก็จะได้ทำพิธีกัน รับประทานข้าวปลาอาหารให้อิ่มหนำสำราญกันเสียก่อนนะ
เอาล่ะวันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อเอานะ