หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 143

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 143
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 143
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ ถึงเราละไม่ได้ถึงเราหยุดไม่ได้เด็ดขาดเราก็หยุดขณะที่เรานั่งอยู่นี่แหละ หลวงพ่อเป็นแค่เพียงผู้ชี้ผู้แนะอุบายในการทำความเข้าใจ

การสร้างสติหรือว่าการเจริญสติ ต้องปักลงอยู่ที่กายของเราเสียก่อนอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก อันนี้เขาเรียกว่า ‘รู้กาย’ ความรู้สึกไม่ชัดเจนเราก็พยายามลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ อย่าไปบังคับลมหายใจ เพียงแค่เรื่องการหายใจเราก็พยายามหายใจให้เป็นธรรมชาติที่สุด การสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ ให้ต่อเนื่อง ถ้าความรู้สึกพลั้งเผลอเราก็เริ่มขึ้นมาใหม่

ความรู้สึกพลั้งเผลอเราก็เริ่มขึ้นมาใหม่อย่าไปเกียจคร้าน ทั้งที่ใจของเราก็เป็นบุญอยู่นั่นแหละ ให้ใจของเรายังคิดยังปรุงยังแต่งยังเกิด อาจจะเกิดอยู่ในบุญในกุศลฝักใฝ่ในบุญ ถ้าเขายังเกิดยังปรุงยังแต่งอยู่เขาก็ไม่สงบ ถ้ามีความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งเขาอยู่เขาก็ยังหลงอยู่ เขาหลงอยู่อย่างละเอียดมากเลยทีเดียว เราต้องมาสร้างความรู้ตัวแล้วก็รู้ให้ต่อเนื่อง

การรู้ที่ต่อเนื่องเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ ถ้าเรารู้ให้ต่อเนื่องลึกๆ ลงไปแล้วก็จะรู้ลักษณะของใจที่ปกติใจที่ไม่เกิด รู้ลักษณะของความคิดที่ผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจ รู้การเคลื่อนไหวของใจว่าเขาก่อตัวอย่างไรเขาเกิดอย่างไร เรารู้ไม่ทันต้นเหตุเราก็รู้จักดับรู้จักควบคุม รู้จักหมั่นพร่ำสอนใจของเรา คงจะมีสักวันหนึ่งเราสังเกตเห็นใจคลายออกจากความคิด

ถ้าเราเจริญสติไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ว่าเราจะไปรีบไปเร่งว่าต้องเอาให้ได้ต้องทำให้ได้ เราก็ต้องพยายามทำไปเรื่อยๆ อย่าไปเกียจคร้าน ใจเกิดกิเลสเราก็รู้จักดับรู้จักหยุด ทำในสิ่งตรงกันข้ามของเขา ใจเกิดความอยากเราก็ดับความอยากด้วยการเอาออกด้วยการให้ ใจเกิดความโกรธเราก็พยายามดับความโกรธให้ได้เสียก่อน เราดับความโกรธจากเขาเริ่มเกิดหรือว่าแสดงออกมาทางกายทางวาจา เราก็ต้องพยายามดับ ดับภายในไม่ได้ก็ไม่ให้ออกทางกายทางวาจา ถ้าจะออกทางวาจาเราก็ใช้ปัญญาหลบหลีก

รู้จักแก้ไขรู้จักปรับปรุง แล้วก็ให้อภัยทานมองโลกในทางที่ดี ไม่ต้องไปกังวลว่าจะเสียเปรียบกิเลสคนโน้นไม่ต้องไปกังวลว่าจะเสียเปรียบกิเลสคนนี้ เราทำหน้าที่ของเราให้ดี เราแก้ไขด้วยสติด้วยปัญญาของเราให้ดีแล้วก็รู้จักให้อภัย ทำไมใจของเราถึงเกิดทำไมใจของเราถึงหลง เราต้องเจริญสติของเราให้เข้มแข็งให้ต่อเนื่อง มองให้เห็นเหตุเห็นผลตามดูรู้ทุกเรื่อง

ใจของเราคลายออก รับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างจนเขามองเห็นความเป็นจริง จนเขารู้รับรู้ความเป็นจริงเขาถึงจะยอมปล่อยยอมวางได้ ทีนี้การดับการละไม่มีใจก็เกิดอยู่นั่นแหละ ทั้งที่รู้ๆ มันก็เกิด ถ้าเขาไม่หลงเขาไม่เกิด เรามาดับความเกิดตั้งแต่เขาก่อตัวก็จะถึงจุดที่เขาอยู่คือความว่างความบริสุทธิ์คือฐานของใจ เราก็ต้องพยายามนะ

อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง ทั้งพระทั้งโยมทั้งชีทั้งฆราวาส พวกเรามีบุญแล้วแหละถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ อย่าไปปิดกั้นตัวเราเองว่าไม่มีโอกาส คนมีโอกาสมากก็มีคนมีโอกาสน้อยก็มี คนที่สร้างบุญบารมีมาดีตั้งแต่อดีตปัจจุบัน ทำปัจจุบันให้ดีก็จะส่งผลถึงอนาคต ทำไมเราถึงลำบาก บางครั้งบางคราวลำบากทั้งสมมติลำบากทั้งวิมุตติเพราะว่าเราสร้างอานิสงส์มายังไม่เต็ม เราก็ต้องมาสร้างมาสานต่อให้เต็มเปี่ยม

จิตที่ไม่มีความทะเยอทะยานอยาก จิตที่ไม่มีความหิวโหย จิตที่ไม่เกิด เขาก็มีตั้งแต่ความเต็ม ความอิ่มความปิติความสุข แต่เวลานี้บางครั้งบางคราวเขายังเกิดอยู่เราต้องมาดับความเกิด นี่ถ้าไม่อยากจะเกิดเราก็ต้องดับความเกิดของจิตให้ได้ดับความเกิดของวิญญาณให้ได้ การได้เกิดมาเป็นมนุษย์นี้ก็ได้เกิดมาในภพของมนุษย์ เรามาความเข้าใจกับเขาเสีย

ถึงวาระเวลาเขาก็ต้องได้แตกได้ดับเพราะว่าเป็นกฎของไตรลักษณ์ กฎของความเป็นจริง กฎของอนิจจัง ถึงวาระเวลาเขาก็ต้องแตกต้องดับ ไม่อยากจะแตกดับไม่อยากจะไปก็ต้องได้ไปถ้าถึงเวลา ถ้าไม่ถึงเวลาแล้วก็อยากจะไปก็ไม่ได้ไป ขณะที่ยังมีลมหายใจยังมีกำลังอยู่พยายามสร้างบุญสร้างบารมีให้ใจของเรามีตั้งแต่ความสุข ก็จะได้ไม่เสียทีเสียเที่ยวที่ได้เกิดมา

สร้างความระลึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนกันนะ ทำใจให้ว่างสมองให้โล่งกายให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกัน ไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างไปสานต่อนะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง