หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 135

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 135
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 135
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องกันแล้วหรือยัง เรารู้จักวิเคราะห์กายวิเคราะห์ใจของเรา รู้ลักษณะของใจของเราแล้วหรือยัง เพียงแค่การสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสทั้งลมหายใจ เราอาจจะรู้อยู่เป็นบางช่วงบางครั้งบางคราว ทำอย่างไรเราถึงจะรู้ให้ต่อเนื่องเขาเรียกว่าความต่อเนื่อง อย่าเป็นกระท่อนกระแท่นให้รู้ให้เป็นคืบเป็นศอกเป็นวาเป็นเส้นเป็นอัตโนมัติ

ความสร้างความรู้หรือรับรู้ถ้าไม่ชัดเจน เราก็พยายามหัดฝึกหายใจยาวๆ ผ่อนลมหายใจมายาวๆ ลึกๆให้เป็นธรรมชาติที่สุด สัมผัสของลมหายใจที่กระทบปลายจมูกของเรามีความรู้รับรู้อยู่นั่นแหละเขาเรียกว่าสติรู้กาย ถ้าเรารู้ให้ต่อเนื่องทั้งลมวิ่งเข้าลมวิ่งออกเขาเรียกว่ามหาสติมหาปัญญา ความรู้ตัวพร้อมเขาเรียกว่าสัมปชัญญะ

เพียงแค่การเจริญสติให้ต่อเนื่องมันก็ยังลุ่มลุ่มดอนดอนอยู่ ทั้งที่ใจก็อยากจะได้บุญอยากจะรู้ธรรม อยากเห็นธรรมอยากได้บุญ สร้างอานิสงส์สร้างตบะบารมีมาตั้งแต่เกิดโน่นแหละตั้งแต่ภพก่อนๆ โน่นแหละ เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วก็มีการพัฒนามาเรื่อยๆ จากเด็กเล็กเป็นเด็กโตจากเด็กโตเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ได้รับการศึกษาได้รับการเล่าเรียน รู้จักผิดถูกชั่วดี อะไรเป็นกุศลหรือว่าอะไรเป็นกุศล บางคนก็สร้างมาดีบางคนก็สร้างมาเต็มเปี่ยม แล้วก็มาสร้างมาสานต่อขณะเรายังเป็นมนุษย์ยังมีลมหายใจอยู่ ทำได้บ้างไม่ได้บ้างทำได้มากได้น้อย ก็ต้องพยายามศึกษาเอาทำเอา ทำให้กันไม่ได้หรอก เพียงแค่เล่าให้กันฟังสื่อความหมายในทางภาษาสมมติเท่านั้นแหละ สิ่งโน้นเป็นอย่างนี้สิ่งนี้เป็นอย่างนั้น

พระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบแล้วก็เอามาเปิดเผยมาชี้แนะ มาจำแนกแจกแจงให้ฟังให้ดูแล้วก็เดินตาม ทำให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา ใจของเราเกิดกิเลส เกิดความโลภเกิดความโกรธเราก็พยายามละพยายามดับพยายามหยุด พยายามทำในสิ่งตรงกันข้ามกับเขา เกิดความโลภก็พยายามละความโลภ เกิดความโกรธดับความโกรธให้อภัยทานอโหสิกรรม เรามีความเกียจคร้านเราก็เพิ่มความขยันหมั่นเพียร เราไม่มีความรับผิดชอบเราก็เพิ่มความรับผิดชอบ

อะไรคือลักษณะของสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเป็นลักษณะอย่างไร การเจริญซึ่งสติที่ต่อเนื่องกันเป็นลักษณะอย่างไร จะไปฝึกหัดปฏิบัติธรรมจะไปแสวงหาธรรมหาภายนอกหาไม่เจอหรอก ต้องเน้นลงที่ให้เข้าถึงฐานของใจว่าเขาก่อตัวอย่างไรเกิดอย่างไร ทำไมใจของเราถึงหลง แต่ก็ทุกสิ่งทุกอย่างก็เอื้ออำนวยประกอบกันเข้าถึงจะเข้าใจ ไม่ใช่ว่าจะเอาสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ไม่ได้ จะเอาตั้งแต่ธรรมแต่กายเนื้อของเราก็ยังอาศัยปัจจัยสี่อาศัยสมมติ ยังอยู่ร่วมกับหมู่กับคณะกับสังคมยังอยู่ร่วมกับโลกธรรม เราต้องเข้าทำความเข้าใจหมดทุกเรื่อง ค่อยงัดค่อยแงะค่อยแกะค่อยสังเกตค่อยวิเคราะห์ไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งก็คงจะเข้าใจในสิ่งที่เราฝักใฝ่ในสิ่งที่เราปรารถนา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็เป็นสิ่งที่ดี

ไปน้อมกายไปฝึกที่โน่นบ้างไปฝึกที่นี่บ้าง บางทีก็เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ก็เป็นสิ่งที่ดีเป็นการสร้างอานิสงส์สร้างบารมี ถ้าถึงวาระเวลาอยู่คนเดียวอยู่บ้านหรือว่าอยู่ที่ไหนก็ต้องเข้าใจถ้าอานิสงส์ของเราเต็ม ไม่จำเป็นต้องวิ่งถ้าถึงเวลานั้น ถ้าเราดับความเกิดได้ดับการแสวงหาได้ รู้จักชัดเจนว่าอะไรคือสติ อะไรคือใจ อะไรคืออาการของใจ แยกแยะได้ เราก็จะเข้าใจคำว่า ‘อัตตาอนัตตา’ เข้าใจคำว่า ‘สมมติวิมุตติ’ เข้าใจใน ‘ภาษาธรรมภาษาโลก’ เข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์ เห็นการเกิดของจิตวิญญาณเราก็จะเข้าใจในหลักของอริยสัจ

ใจที่ส่งออกไปภายนอกเป็นอย่างไร การดับการละเป็นอย่างไร ทำเอานะอย่าว่าไม่ทำ บารมีสมมติภายนอกเราก็ทำช่วยกันขยันหมั่นเพียร ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเราก็ต้องช่วยกันยังสมมติให้เกิดประโยชน์อย่าไปเกียจคร้าน ถ้าคนเราเกิดมาแล้วเกียจคร้านเราก็แย่เลย หนักตัวเองหนักคนอื่น ไปที่ไหนก็มีตั้งแต่ความเสื่อมไม่มีความเจริญ เราต้องเป็นบุคคลที่ขยันหมั่นเพียร เป็นบุคคลที่มีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ มีความละอายเกรงกลัวเกรงใจ เกรงใจต่อคนอื่นเกรงใจตัวเอง เกรงใจคนอื่น เราไม่เกรงใจเขา ก็ให้เขาละอายให้เขาเกรงใจเราบ้าง เราก็พยายาม

ยิ่งพระนี่แหละยิ่งสำคัญจะนึกจะคิดจะทำอะไรก็พยายามให้เกรงใจโยม อย่าไปนั่นแม้แต่การน้อม การน้อมเอกลาภหรือการอะไรต่างๆ สารพัดอย่าง มีไว้หมดนั่นแหละเพื่อที่จะขัดเกลากิเลส ต้องเกรงใจตัวเราเกรงใจคนอื่น เกรงใจโยมเกรงใจฆราวาสญาติโยม ท่านถึงบัญญัติเอาไว้ว่าฆราวาสญาติโยมนั้นน่ะมีจิตศรัทธาเต็มเปี่ยม ภาวนาเอาไว้ก็ให้พยายามห่างไกลอย่าเข้าใกล้ยิ่งคนจิตใจที่เป็นบุญเป็นกุศลแล้วก็ยิ่งห่างไกลเพราะว่าอะไร เพราะว่าจะทำให้ จิตใจของฆราวาสญาติโยมนั้น มีเท่าไหร่ก็ให้หมด มีเท่าไหร่ก็ให้หมดจนไม่เหลือ ถ้าพระไม่รู้จักเกรงใจ ไม่รู้จักมอง ไม่รู้จักพิจารณาก็เป็นสิ่งที่ไม่ดี ส่วนมากก็เป็นอย่างนั้นส่วนมากก็มีตั้งแต่ดิ้นรนแสวงหาสารพัดอย่าง นั่นแหละผิดหนทางที่จะเข้าถึงทรัพย์ภายใน แทนที่จะขัดเกลาเอาออกหมั่นพิจารณาหมั่นวิเคราะห์ยิ่งห่างไกล

กายวิเวกเป็นอย่างไร ใจวิเวกเป็นอย่างไร ภาระหน้าที่การงานเป็นอย่างไร อะไรควรทำก่อนอะไรควรทำหลัง อะไรเป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์ เอาออกให้หมดจากจิตจากใจของตัวเรา ทุกเรื่องไม่ใช่เฉพาะเรื่องลาภยศสรรเสริญสุขทุกข์ต่างๆ เราคลายออกให้มันหมด ส่วนมากก็มีตั้งแต่ดิ้นรนแสวงหามาทับถมดวงใจของตัวเราเอง ไม่เกรงใจไม่เกรงใจฆราวาสญาติโยม มันน่าละอายจะต้องรีบแก้ไขตัวเรา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ต้องพยายาม เห็นแล้วก็น่าละอายนะ

เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอา

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง