หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 133

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 133
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 133
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ดูดีๆ นะพระเราก่อนที่จะขบจะฉันพิจารณาปฏิสังขาโย ทุกเรื่อง ทุกเรื่องตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนกระทั่งถึงบัดนี้ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตื่นขึ้นมาปุ๊บความรู้ตัวของเราต้องต่อเนื่องปั๊บตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ ความรู้ตัวรู้กายรู้ลมหายใจ จะลุกจะก้าวจะเดิน จะเข้าห้องส้วมห้องน้ำ ความรู้ตัวต่อเนื่องดูความปกติ ความรู้ตัว สติปัญญาเป็นตัวพากายเข้าห้องส้วมห้องน้ำ อาบน้ำอาบท่า นุ่งสบงทรงจีวร

ความรู้ตัวของเราต่อเนื่อง จะลุกจะก้าวเดิน พอก้าวปุ๊บสัมผัสของก้าวแรกก็มีความรู้สึกรับรู้ พิจารณาเวลาตากระทบรูปก็รู้ใจ หูกระทบเสียงก็รู้ใจ ใจรับรู้สติรู้ความปกติ จนกระทั่งออกบิณฑบาต บิณฑบาตกลับมาเวลาจะขบจะฉันเราก็ต้องรู้ว่าใจของเราปกติ ไม่ให้ใจเกิดความอยาก กายเกิดความหิวเราก็พิจารณา

ไม่ใช่ว่าจะไปฝึกเวลาโน้นเวลานี้ ทุกอิริยาบถยืนนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย ใจเกิดเมื่อไหร่เราก็รีบดับรีบละแล้วก็รีบแก้ไขพิจารณาตัวเรา เป็นคนมีระเบียบ มีระเบียบมีวินัย บอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็น ยิ่งมาอยู่ร่วมกันเป็นหมู่มากก็ต้องเพิ่มความเพียร ความมีระเบียบ ไม่เห็นแก่ตัวไม่เห็นแก่ความเกียจคร้าน มีอะไรเราก็ช่วยกัน ถ้าปล่อยไปตามอำนาจของความหลงของกิเลส อยู่คนเดียวก็หนักอยู่หลายคนก็หนัก

ยิ่งอยู่ร่วมกันหลายหมู่หลายคณะ เราต้องเป็นบุคคลที่มีความเสียสละ เป็นบุคคลที่มีความเป็นระเบียบ ระเบียบภายนอกก็บัญญัติเอาไว้ ระเบียบในตัวเราเราต้องแก้ไขตัวเรา มีตั้งแต่ความเกียจคร้านเข้าครอบงำไปอยู่ที่ไหนก็ลำบาก บอกตัวเองไม่ได้ใช้ตัวเองไม่เป็น เห็นแก่ตัว อยากจะรู้ธรรมไม่ละกิเลสมันก็เข้าไม่ถึงธรรม ไม่ดับความเกิดมันก็ไม่นิ่ง

แยกรูปแยกนามไม่ได้ก็คลายความหลงไม่ได้ เราอาจจะว่าเราไม่หลง ตราบใดที่ยังแยกรูปแยกนามไม่ได้ก็ว่าเราไม่หลง ไม่หลงอยู่ในระดับของสมมติแต่ในหลักธรรมแล้วยังหลง เพียงแค่เกิดก็หลงหลงเกิด ถ้าไม่เกิดก็ไม่หลง หลงมาเกิด ต้องพยายามศึกษาขยันหมั่นเพียรทุกอย่าง หนักเอาเบาสู้ อยากได้ธรรมอยากรู้ธรรมแต่ขี้เกียจมันจะใช้การได้อย่างไร

ต้องเป็นคนขยันหมั่นเพียรทั้งกลางวันทั้งกลางคืน ขัดเกลาตัวเรา ความรู้ตัวพลั้งเผลอเป็นอย่างไร จิตวิญญาณเกิดความกังวลเกิดความฟุ้งซ่านเป็นอย่างไร กายวิเวกเป็นอย่างไร ใจวิเวกเป็นอย่างไร กายทั้งทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร วิญญาณในขันธ์ห้าทำหน้าที่อย่างไร เราต้องหมั่นวิเคราะห์ หมั่นจำแนกแจกแจงจนเป็นอัตโนมัติในการดูในการรู้ในการละ

คนทั่วไปก็ยังอยู่ในกองบุญได้ทำบุญได้ให้ทาน แต่การเจริญปัญญานั้นต้องเป็นบุคคลที่ขยัน ถ้าไม่ขยันแล้วก็ยาก สะสมตั้งแต่ความเกียจคร้านเข้าครอบงำ ครั้งหนึ่งสองครั้งสามครั้งจนติดเป็นนิสัย ไปที่ไหนก็ความเกียจคร้านเข้าครอบงำทำอะไรก็ไม่เป็น อยากจะได้ธรรมอยากจะรู้ธรรมมันจะไปได้อย่างไร เหมือนก็ดินพอกหางหมูสะสมไปเรื่อยๆ มันก็หนักแน่นไปเรื่อยๆ ยิ่งเป็นพระยิ่งแย่ใหญ่ถ้ามีความเกียจคร้านเข้าครอบงำ ทั้งพระทั้งชี

รู้สึกว่าพระชีที่นี่มีแต่ความขยันหมั่นเพียรกัน มีอะไรก็ช่วยกันทำไม่งอมืองอเท้า ขยันหมั่นเพียรจนไม่มีอะไรจะทำ งานภายนอกก็ช่วยกันทำจนเกลี้ยงใกล้จะหมดใกล้จะจบหมดแล้ว เหลืออีกไม่มากไม่เยอะ เมื่อวานนี้ก็ไปช่วยกันทั้งพระทั้งที่ไปช่วยกันทำเสาใหญ่เสาประตูใหญ่ให้เป็นสัญลักษณ์ ไปช่วยกันเรียงอิฐ ไปช่วยกันเรียงอิฐก่ออิฐถือปูน ช่วยกันทุกวัน 2-3 วันก็คงจะเสร็จ อีก 3-4 วันก็คงจะเสร็จ เสาใหญ่เสาประตูจะเป็นสัญลักษณ์ของสถานที่ มีโอกาสเราก็ได้ช่วยกันทำ ทำทุกอย่าง เสากว้างประมาณ 2 เมตร สูงก็ประมาณรวมทั้งหลังคาก็สัก 11 เมตร 11 12 เมตร เดี่ยวนี้ก็ได้ประมาณสัก 2 เมตร แต่ละต้น ไปช่วยกันทุกวันๆ พระเราชีเรา

ใครไปใครมาก็จะได้เป็นอนุสรณ์เป็นสัญลักษณ์ให้เอาประตูใหญ่เป็นหลักชัยเป็นเครื่องหมายเลยทีเดียว เราไม่มีอะไรที่จะไปอวดไปโชว์เราก็เอาเสานี้แหละ ทำเสานี้แหละเอาไว้ประดับให้สวยงามเสาประตู ใครไปใครมาก็จะบอกว่าเสาประตูวัดนี้ใหญ่จริงๆ นะ ท่านเจ้าคุณไปนั่งแอบร้องไห้ ก็ไม่มีใครเห็นหรอก เสาใหญ่ ช่วยกันวันนี้ก็ไปช่วยกันทุกวันนั่นแหละ กะว่าจะให้เสร็จก่อเสาให้เสร็จก่อนงานกฐิน จะได้ไม่เกะกะ จะได้เก็บเครื่องไม้เครื่องมือ วันงานกฐินวันงานกฐินก็จะได้ไม่ได้ลำบาก ไม่นานแล้วก็เสร็จ

ปีนี้ก็คงจะเบาบางเบาบาง ช่วยกันทำช่วยกันสร้างมันก็เกิดประโยชน์ อย่าจะไปคิดว่าการทำการสร้างไม่ใช่การปฏิบัติ อย่างนั้นมีแต่คนโง่เขาคิด การทำการสร้างการทำความเข้าใจการยังสมมติให้เกิดประโยชน์ ยังจะไปโทษว่ามีตั้งแต่พาทำการทำงานไม่ได้ปฏิบัติธรรม ก็เอาการงานนั่นแหละเป็นการปฏิบัติ เป็นการฝึกละความเกียจคร้านละนิวรณ์ มีความเสียสละมีความอดทนได้ทุกอย่าง ได้ที่พักที่อาศัยที่หลับที่นอนก็ได้มาอยู่ได้มาอาศัย ก็ได้คนไม่ได้ปฏิบัตินี่แหละทำไว้ให้

ถ้าไม่มีความเสียสละแล้วจะทำให้ได้อย่างไร สละภายในสละกิเลสออกให้มันหมดจด งานสมมติเราก็ยังให้กับหมู่คณะให้กับบริวารได้อยู่ได้อาศัย อันนี้เป็นงานปลายเหตุจากของการทำใจให้สะอาดหมดจดเสียแล้ว ได้ทำได้พากันช่วยกันทำจากรุ่นต่อรุ่นทำไว้ให้ ถ้าไม่มีความเสียสละพวกท่านจะได้อยู่อาศัยได้อยู่ดีมีความสุขได้อย่างไร ที่พักที่หลับที่นอนที่อยู่ ที่ถ่ายที่เยี่ยว นั่นแหละทำไว้ให้ก็เพื่อให้สมมติได้อยู่ดีมีความสุข

คนเกียจคร้านทำอะไรไม่เป็น ว่าทำโน่นทำนี่เราไม่ใช่การปฏิบัติ ที่ได้มาอยู่มาพักมาอาศัยก็ตรงนี้แหละยังสมมติให้อนุเคราะห์ให้ ไปอยู่ที่ไหนถ้าเราไม่ขยันหมั่นเพียรไม่มีความเสียสละ ไปอยู่ที่ไหนก็ลำบาก เวลาฝนฟ้าตกแดดร้อนลมฟ้าฝนต่างๆ มาก็ลำบาก ถ้าเราไม่รู้จักยังสมมติให้เกิดประโยชน์ มันต้องให้รอบทั้งสมมติรอบทั้งวิมุตติ มีความขยันหมั่นเพียรทุกอย่าง

ช่วยเหลือตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็นจนล้นออกไปให้กับหมู่ให้กับคณะให้กับสังคม ถ้าคนเราเข้าใจจะอยู่กับกับธรรม งานภายในก็จบงานชำระสะสางกิเลสออกจากใจก็จบ งานภายนอกก็ต้องให้บริบูรณ์ ไปอยู่ที่ไหนอยากจะได้ตั้งแต่ธรรมชาติอยากจะหาตั้งแต่ธรรมชาติ แต่ไม่รู้จักดูแลไม่รู้จักปลูกต้นไม้มันก็ไม่ได้ธรรมชาติ เราก็ต้องช่วยกันสร้างธรรมชาติภายในละกิเลสออกจากใจให้หมดจด ธรรมชาติภายนอกเราก็ยังให้เกิดประโยชน์ มันก็ได้เกิดประโยชน์ เอาแต่งอมืองอเท้าไปอยู่ที่ไหนก็ลำบาก ความสมัครสมานสามัคคี ความเสียสละความอดทนตบะ พรหมวิหารความเมตตา มันต้องเต็มเปี่ยมหมด รู้จักสมมติวิมุตติ

คนเราถ้าจะเอาธรรมแล้วไม่ได้พูดยากหรอก ฟังนิดเดียวเดินถึงฝั่ง ความเสียสละเต็มเปี่ยม พรหมวิหารเต็มเปี่ยม การกระทำการขวนขวายการยังสมมติ ไม่ต้องไปพูดให้ปากเปียกปากแฉะหรอก ถ้าคนจะไม่เอาพูดปากเปียกปากแฉะอย่างไรก็ไม่เอา เพราะอุปนิสัยสันดานเป็นอย่างนั้น เรามาฝึกเรา เรามาแก้ไขเราปรับปรุงตัวเรา อยู่ให้เป็นสุขไปให้เป็นสุข มีความกล้าหาญอาจหาญรื่นเริงในธรรม ก็ต้องพยายามกันนะ ยิ่งพระเราก็พยายามพระนี่แหละสำคัญ ถ้ามีแต่ความเกียจคร้านงอมืองอเท้า ไปอยู่ที่ไหนก็มีแต่ความเสื่อมหาความเจริญไม่มี เราต้องเป็นบุคคลที่กล้าหาญอาจหาญ

ตั้งใจรับพรกัน

ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ หรือว่าสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องกันให้ชัดเจน นั่งตามสบายวางกายให้สบาย หลวงพ่อก็เพียงแค่พูดให้ฟังแค่เล่าให้ฟังว่าการเจริญสติ การสร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเป็นลักษณะอย่างนี้ การรู้ตัวที่ต่อเนื่องเป็นลักษณะอย่างนี้ พวกท่านเข้าใจแล้วรู้จักวิธีรู้จักแนวทางแล้วจงไปทำไปสร้างให้ได้ทุกอิริยาบถ

ตั้งแต่ตื่นขึ้นมารู้เท่าทันกายแล้วก็รู้เท่าทันใจ จนกว่าใจของเราจะคลายออกจากความคิดออกจากอารมณ์ ทุกเรื่องในชีวิตของเราเราต้องดูรู้ให้เท่าทันหมด ทำความเข้าใจแล้วก็ยังคือทำความเข้าใจกับสมมติทำความเข้าใจกับโลกธรรม บริหารกายบริหารใจอยู่กับสมมติอย่างมีความสงบความสุข จนกระทั่งหมดลมหายใจนั่นแหละ

ไม่จำเป็นต้องไปจ้ำจี้จ้ำไชกันมากมาย เพียงแค่บุคคลใดที่มีความขยันหมั่นเพียรก็จะเดินถึงฝั่งได้เร็วได้ไว บุคคลใดที่มีความเกียจคร้านก็จะจมปลักอยู่อย่างนั้นแหละ ก็ขึ้นอยู่กับตัวของแต่ละบุคคล ไม่ใช่ว่าจะทำให้กันไม่ได้ ก็ให้อนุเคราะห์กันได้อยู่เพียงแค่ระดับของสมมติ ถ้าไม่รู้จักแก้ไขตัวเองปรับปรุงตัวเองแล้วก็จะไปร้องแหกตะโกนดูมันก็เดินไม่ถึงฝั่ง เราก็ต้องพยายามเอา ช่วยเราให้ได้บอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็นทั้งภายในทั้งภายนอก ภายนอกเราก็ช่วยกันเท่าที่โอกาสอำนวยให้ อนุเคราะห์กันอยู่ในระดับของสมมติ ก็ต้องพยายามกันนะทั้งพระทั้งชี

สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนกันให้ต่อเนื่องกัน พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอานะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง