หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 119
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 119
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนแล้วก็ให้ต่อเนื่อง หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ วางภาระหน้าที่ทางสมมติทางบ้านพวกเราก็วางกันมาแล้ว ทีนี้เรามาสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจให้ต่อเนื่อง ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวรู้กายของเราแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ
หลวงพ่อก็พูดอยู่ทุกวัน เพียงแค่ชี้แนะอุบายวิธีแนวทาง ถ้าพวกท่านไม่ไปทำให้ต่อเนื่องก็จะไม่เข้าใจในชีวิตของตัวเราเอง ว่าคนเราเกิดมาได้อย่างไร ไปอย่างไรมาอย่างไร ในกายเนื้อของเรามีอะไรบ้าง ทำไมวิญญาณของเราถึงเกิดทำไมวิญญาณของเราถึงหลง ความหลงนั้นแหละเขาถึงได้เกิด ความเกิดนั่นแหละ เขาถึงหลงหลงเกิด เกิดอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ แต่เวลานี้เขาเกิดมาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ซึ่งมีกายเนื้อเข้ามาห่อหุ้มเอาไว้ แล้วก็มีความทะเยอทะยานอยากเป็นที่ตั้ง อยากโน่นอยากนี่ อยากมีอยากเป็น อยากไปอยากมา มีกายเนื้อมาปกปิดเอาไว้มีขันธ์ห้ามาปกปิดเอาไว้ มีกิเลสหยาบกิเลสละเอียดมาปกปิดเอาไว้ มีโลกธรรมมาปกปิดเอาไว้ สารพัดอย่างที่เขาจะปกปิดอำพรางตัวของเขาเอาไว้คือตัวใจ
เราต้องมาเจริญสติเข้าไปหมั่นวิเคราะห์หมั่นสังเกต หมั่นหาเหตุหาผลจนกว่าใจของเราจะคลายออกจากความยึดมั่นถือมั่นซึ่งเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ เพียงแค่แยกรูปแยกตามทำความเข้าใจให้ได้ทุกเรื่องอีก แล้วก็ค่อยละจนใจของเรารู้เห็นตามความเป็นจริงหมด เพราะว่าสภาพสภาวะเดิมนั้นใจของทุกคนนั้นสะอาด ความไม่เข้าใจความหลงถึงเกิด เป็นเรื่องของทุกคนที่จะต้องศึกษาชีวิตของตัวเราเอง เป็นเรื่องของทุกคนที่จะต้องขัดเกลากิเลสออกจากวิญญาณของตัวเรา เพื่อที่จะกลับคืนสู่สภาพเดิมคือความสะอาดความบริสุทธิ์ แม้แต่ใจของเราก็ยังไม่ใช่เราอีก ทำความเข้าใจให้รู้แจ้งเห็นจริงแล้วก็วางหมดทุกสิ่งทุกอย่าง กลับคืนสู่สภาพเดิมกลับคืนสู่สภาพธรรมชาติ ทุกสิ่งทุกอย่าง
แต่เวลานี้ใจของเราทั้งเกิดด้วยทั้งหลงด้วย ทั้งมาหลงอัตตาตัวตนหลงเป็นทาสของอารมณ์หลงเป็นทาสของกิเลส ก็ต้องมาศึกษาให้ละเอียดให้ใจของเรารู้เห็นตามความเป็นจริง แยกแยะได้ทำได้ตามดูได้ละได้ แล้วก็บริหารสมมติด้วยเหตุด้วยผลด้วยสติด้วยปัญญาของโลกิยะด้วยปัญญา ใจของเราคลายออกอยู่ในองค์ธรรม อยู่ในองสมาธิอยู่ในองค์ของความบริสุทธิ์คือความว่าง ว่างปราศจากการเกิดปราศจากกิเลส แต่เวลานี้ทั้งเกิดด้วยทั้งหลงด้วย สารพัดอย่างก็เลยเกิดอัตตาตัวตน กายก็เลยหนักใจก็เลยหนัก ในหลักธรรมแล้วท่านให้คลายออกให้หมด แม้แต่ตัวใจดับความเกิดแล้วก็วางกลับคืนสู่ธรรมชาติของเขา นั่นแหละคือนิพพาน
ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราพยายาม ตามธรรมดาใจที่ไม่ได้ฝึกเขาก็ทั้งหลงด้วยทั้งเกิดด้วย กำลังสติการเจริญสติเข้าไปหาเหตุหาผล ให้เร็วให้ไวให้แหลมคมจนเอาไปใช้ประหารกิเลสออกให้มันหมดจด ไม่ใช่ว่าทำปุ๊บจะได้ปั๊บค่อยเป็นค่อยไปทีละเล็กทีละน้อย การฝักใฝ่การสนใจการทำความเข้าใจ การละกิเลส กายของเราทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร จัดระบบระเบียบตั้งแต่ใจ ก่อนที่จะคิดก่อนที่จะพูด การกระทำทั้งกายทั้งวาจาทั้งใจ
มีไม่มากถ้าคนเราหมั่นฝักใฝ่หมั่นสนใจ จะมีความสุข เจริญสติเข้าไปเป็นเพื่อนใจอยู่ตลอดเวลาไปที่ไหนเราก็มีเพื่อน สติกับใจเป็นเพื่อนกัน หมั่นวิเคราะห์หมั่นสนทนากัน อะไรผิดอะไรถูก อยู่คนเดียวก็มีความสุข มีอะไรทำในทางสมมติเราก็ช่วยกันทำเพื่อยังสมมติให้เกิดประโยชน์ เพราะว่าสมมตินั้นเราก็อิงอาศัยอยู่จนกว่าจะหมดลมหายใจ แม้แต่กายของเราก็ยังเป็นก้อนสมมติ ถ้ากายแตกดับวิญญาณก็ต้องถ้าตราบใดที่เขายังเกิดอยู่เขาก็ต้องไปเกิด เราต้องพยายามคลายความหลง ดับความเกิด ละกิเลสออกจากใจของเราให้มันหมดจดขณะที่กำลังกายของเรายังยังอยู่ ถ้าหมดแล้วก็ไปตามวิบากของกรรมตราบใดที่ใจยังเกิด ถ้าใจไม่เกิดก็ไม่ต้องกลับมาเกิดกัน ก็ต้องพยายามนะ
นี่ก็ใกล้จะออกพรรษา อีกไม่นานเผลอแป๊บเดียววันเดือนปีผ่านไปเร็วไวจัง เราพยายามดำเนินชีวิตจิตใจของเราให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน แต่ละวันๆ เราได้สร้างประโยชน์อะไรไว้บ้าง ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์ในโลกนี้ประโยชน์ในโลกหน้า ประโยชน์อยู่ปัจจุบัน เราก็พยายามช่วยกันทำทั้งพระทั้งชีทั้งโยมทั้งฆราวาสที่มาอาศัยมารวมกันอยู่ เราเกิดมามีบุญถึงได้มามีโอกาสได้มาร่วมกัน เคยทำบุญมาร่วมกันถึงได้มาอยู่ด้วยกันทั้งใกล้ทั้งไกล มีโอกาสอะไรผิดพลาดก็รีบแก้ไข ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อยู่คนเดียวก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข ถ้าคนเราไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่ความเกียจคร้านมีความเสียสละ สละให้กับตัวเราแล้วก็สละให้กับส่วนรวมก็มีตั้งแต่ประโยชน์ บริหารด้วยสติด้วยปัญญาด้วยเหตุด้วยผล ก็ต้องพยายามกันนะ มีอะไรเราก็ช่วยกันดูแลสัตว์เล็กสัตว์น้อย อยู่ในวัดเราก็ช่วยกัน
ส่วนทางด้านจิตใจการละกิเลสก็ขัดเกลาเอานะเราละกิเลสให้กันไม่ได้ แต่ทางสมมติเราอนุเคราะห์ให้กันได้ช่วยเหลือกันได้ในระดับของสมมติ แต่การขัดเกลากิเลสการละกิเลส กิเลสเกิดขึ้นเมื่อไรเราก็ละเมื่อนั้นแหละ กิเลสหยาบอย่ากิเลสละเอียดจนใจไม่เหลือกิเลสนั่นแหละ จนเหลือตั้งแต่กายเนื้อเหลือแต่สมมติ แม้แต่ใจเราก็ต้องวางกลับขึ้นสู่สภาพเดิมกลับขึ้นสู่สภาพธรรมชาติ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างต้องคืนสู่สภาพธรรมชาติหมด
แต่เวลานี้เรายังเข้าไม่ถึงธรรมชาติที่แท้จริง เราเข้าใจเพียงธรรมชาติของระดับของสมมติเท่านั้นเอง ธรรมชาติของใจที่ไม่เกิด ธรรมชาติของใจที่ไม่มีกิเลส แต่เวลานี้เขาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์มีกายเนื้อเข้ามาห่อหุ้มเอาไว้ การได้ยินได้ฟังได้อ่านการได้ศึกษามีกันเต็มเปี่ยม ผลสุดท้ายเราก็ต้องศึกษาลงที่กายที่ใจของเรา นอกนั้นเป็นแค่เพียงแนวทาง
เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันนะ
หลวงพ่อก็พูดอยู่ทุกวัน เพียงแค่ชี้แนะอุบายวิธีแนวทาง ถ้าพวกท่านไม่ไปทำให้ต่อเนื่องก็จะไม่เข้าใจในชีวิตของตัวเราเอง ว่าคนเราเกิดมาได้อย่างไร ไปอย่างไรมาอย่างไร ในกายเนื้อของเรามีอะไรบ้าง ทำไมวิญญาณของเราถึงเกิดทำไมวิญญาณของเราถึงหลง ความหลงนั้นแหละเขาถึงได้เกิด ความเกิดนั่นแหละ เขาถึงหลงหลงเกิด เกิดอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ แต่เวลานี้เขาเกิดมาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ซึ่งมีกายเนื้อเข้ามาห่อหุ้มเอาไว้ แล้วก็มีความทะเยอทะยานอยากเป็นที่ตั้ง อยากโน่นอยากนี่ อยากมีอยากเป็น อยากไปอยากมา มีกายเนื้อมาปกปิดเอาไว้มีขันธ์ห้ามาปกปิดเอาไว้ มีกิเลสหยาบกิเลสละเอียดมาปกปิดเอาไว้ มีโลกธรรมมาปกปิดเอาไว้ สารพัดอย่างที่เขาจะปกปิดอำพรางตัวของเขาเอาไว้คือตัวใจ
เราต้องมาเจริญสติเข้าไปหมั่นวิเคราะห์หมั่นสังเกต หมั่นหาเหตุหาผลจนกว่าใจของเราจะคลายออกจากความยึดมั่นถือมั่นซึ่งเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ เพียงแค่แยกรูปแยกตามทำความเข้าใจให้ได้ทุกเรื่องอีก แล้วก็ค่อยละจนใจของเรารู้เห็นตามความเป็นจริงหมด เพราะว่าสภาพสภาวะเดิมนั้นใจของทุกคนนั้นสะอาด ความไม่เข้าใจความหลงถึงเกิด เป็นเรื่องของทุกคนที่จะต้องศึกษาชีวิตของตัวเราเอง เป็นเรื่องของทุกคนที่จะต้องขัดเกลากิเลสออกจากวิญญาณของตัวเรา เพื่อที่จะกลับคืนสู่สภาพเดิมคือความสะอาดความบริสุทธิ์ แม้แต่ใจของเราก็ยังไม่ใช่เราอีก ทำความเข้าใจให้รู้แจ้งเห็นจริงแล้วก็วางหมดทุกสิ่งทุกอย่าง กลับคืนสู่สภาพเดิมกลับคืนสู่สภาพธรรมชาติ ทุกสิ่งทุกอย่าง
แต่เวลานี้ใจของเราทั้งเกิดด้วยทั้งหลงด้วย ทั้งมาหลงอัตตาตัวตนหลงเป็นทาสของอารมณ์หลงเป็นทาสของกิเลส ก็ต้องมาศึกษาให้ละเอียดให้ใจของเรารู้เห็นตามความเป็นจริง แยกแยะได้ทำได้ตามดูได้ละได้ แล้วก็บริหารสมมติด้วยเหตุด้วยผลด้วยสติด้วยปัญญาของโลกิยะด้วยปัญญา ใจของเราคลายออกอยู่ในองค์ธรรม อยู่ในองสมาธิอยู่ในองค์ของความบริสุทธิ์คือความว่าง ว่างปราศจากการเกิดปราศจากกิเลส แต่เวลานี้ทั้งเกิดด้วยทั้งหลงด้วย สารพัดอย่างก็เลยเกิดอัตตาตัวตน กายก็เลยหนักใจก็เลยหนัก ในหลักธรรมแล้วท่านให้คลายออกให้หมด แม้แต่ตัวใจดับความเกิดแล้วก็วางกลับคืนสู่ธรรมชาติของเขา นั่นแหละคือนิพพาน
ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราพยายาม ตามธรรมดาใจที่ไม่ได้ฝึกเขาก็ทั้งหลงด้วยทั้งเกิดด้วย กำลังสติการเจริญสติเข้าไปหาเหตุหาผล ให้เร็วให้ไวให้แหลมคมจนเอาไปใช้ประหารกิเลสออกให้มันหมดจด ไม่ใช่ว่าทำปุ๊บจะได้ปั๊บค่อยเป็นค่อยไปทีละเล็กทีละน้อย การฝักใฝ่การสนใจการทำความเข้าใจ การละกิเลส กายของเราทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร จัดระบบระเบียบตั้งแต่ใจ ก่อนที่จะคิดก่อนที่จะพูด การกระทำทั้งกายทั้งวาจาทั้งใจ
มีไม่มากถ้าคนเราหมั่นฝักใฝ่หมั่นสนใจ จะมีความสุข เจริญสติเข้าไปเป็นเพื่อนใจอยู่ตลอดเวลาไปที่ไหนเราก็มีเพื่อน สติกับใจเป็นเพื่อนกัน หมั่นวิเคราะห์หมั่นสนทนากัน อะไรผิดอะไรถูก อยู่คนเดียวก็มีความสุข มีอะไรทำในทางสมมติเราก็ช่วยกันทำเพื่อยังสมมติให้เกิดประโยชน์ เพราะว่าสมมตินั้นเราก็อิงอาศัยอยู่จนกว่าจะหมดลมหายใจ แม้แต่กายของเราก็ยังเป็นก้อนสมมติ ถ้ากายแตกดับวิญญาณก็ต้องถ้าตราบใดที่เขายังเกิดอยู่เขาก็ต้องไปเกิด เราต้องพยายามคลายความหลง ดับความเกิด ละกิเลสออกจากใจของเราให้มันหมดจดขณะที่กำลังกายของเรายังยังอยู่ ถ้าหมดแล้วก็ไปตามวิบากของกรรมตราบใดที่ใจยังเกิด ถ้าใจไม่เกิดก็ไม่ต้องกลับมาเกิดกัน ก็ต้องพยายามนะ
นี่ก็ใกล้จะออกพรรษา อีกไม่นานเผลอแป๊บเดียววันเดือนปีผ่านไปเร็วไวจัง เราพยายามดำเนินชีวิตจิตใจของเราให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน แต่ละวันๆ เราได้สร้างประโยชน์อะไรไว้บ้าง ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์ในโลกนี้ประโยชน์ในโลกหน้า ประโยชน์อยู่ปัจจุบัน เราก็พยายามช่วยกันทำทั้งพระทั้งชีทั้งโยมทั้งฆราวาสที่มาอาศัยมารวมกันอยู่ เราเกิดมามีบุญถึงได้มามีโอกาสได้มาร่วมกัน เคยทำบุญมาร่วมกันถึงได้มาอยู่ด้วยกันทั้งใกล้ทั้งไกล มีโอกาสอะไรผิดพลาดก็รีบแก้ไข ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อยู่คนเดียวก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข ถ้าคนเราไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่ความเกียจคร้านมีความเสียสละ สละให้กับตัวเราแล้วก็สละให้กับส่วนรวมก็มีตั้งแต่ประโยชน์ บริหารด้วยสติด้วยปัญญาด้วยเหตุด้วยผล ก็ต้องพยายามกันนะ มีอะไรเราก็ช่วยกันดูแลสัตว์เล็กสัตว์น้อย อยู่ในวัดเราก็ช่วยกัน
ส่วนทางด้านจิตใจการละกิเลสก็ขัดเกลาเอานะเราละกิเลสให้กันไม่ได้ แต่ทางสมมติเราอนุเคราะห์ให้กันได้ช่วยเหลือกันได้ในระดับของสมมติ แต่การขัดเกลากิเลสการละกิเลส กิเลสเกิดขึ้นเมื่อไรเราก็ละเมื่อนั้นแหละ กิเลสหยาบอย่ากิเลสละเอียดจนใจไม่เหลือกิเลสนั่นแหละ จนเหลือตั้งแต่กายเนื้อเหลือแต่สมมติ แม้แต่ใจเราก็ต้องวางกลับขึ้นสู่สภาพเดิมกลับขึ้นสู่สภาพธรรมชาติ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างต้องคืนสู่สภาพธรรมชาติหมด
แต่เวลานี้เรายังเข้าไม่ถึงธรรมชาติที่แท้จริง เราเข้าใจเพียงธรรมชาติของระดับของสมมติเท่านั้นเอง ธรรมชาติของใจที่ไม่เกิด ธรรมชาติของใจที่ไม่มีกิเลส แต่เวลานี้เขาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์มีกายเนื้อเข้ามาห่อหุ้มเอาไว้ การได้ยินได้ฟังได้อ่านการได้ศึกษามีกันเต็มเปี่ยม ผลสุดท้ายเราก็ต้องศึกษาลงที่กายที่ใจของเรา นอกนั้นเป็นแค่เพียงแนวทาง
เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันนะ