หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 090
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 090
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง หรือว่าได้เจริญสติแล้วหรือยัง
เราต้องรู้จักลักษณะของการเจริญสติที่ต่อเนื่อง ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว กายของเราก็สบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็สงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกรับรู้ที่เรากระตุ้นลมหายใจเข้าออก อย่าไปบังคับลมหายใจ เพียงแค่มีความรู้สึกรับรู้เวลาลมสัมผัสขณะการหายใจเข้าหายใจออกอยู่ที่ปลายจมูกของเราก็พอ เวลาหายใจเข้ามีความรู้สึกรับรู้อยู่ หายใจออกมีความรู้สึกรับรู้อยู่
พยายามฝึกตรงนี้ให้เกิดความเคยชินแล้วก็ให้เกิดความชำนาญเขาเรียกว่าการเจริญสติ เขาเรียกว่าสร้างปัญญา ความรู้ตัวไม่มีเราต้องสร้างขึ้นมา เราสร้างไม่ๆๆ ต่อเนื่องเราก็พยายามทำให้ต่อเนื่อง เขาเรียกว่าปัญญาเริ่มมีเริ่มเกิด สร้างให้มีให้เกิดขึ้น ส่วนใจนั้นบางทีก็คิดไปเรื่องโน้นบ้างเรื่องนี้บ้าง เราก็กระตุ้นความรู้สึกอยู่ที่การหายใจเขาออกใหม่ ใจก็จะกลับมาอยู่กับลมหายใจเอง
พยายามฝึกบ่อยๆ นี่เขาเรียกว่าปัญญาฝ่ายเกิดฝ่ายสร้างขึ้นมาใหม่ แล้วพยายามทำให้ต่อเนื่องแล้วก็รู้ให้เท่าทันการก่อตัวของใจ การเกิดของใจ การเกิดของอาการของขันธ์ห้า ใจกับความคิดหรือใจกับอาการของใจเขารวมกันได้อย่างไร ถ้าเรามีความรู้ตัวที่ต่อเนื่องเราก็จะเห็น เห็นการก่อตัวเห็นการเคลื่อนเข้าไปรวม ถ้าขณะที่เรารู้เท่าทันใจก็จะคลายออก ขณะที่เขาคลายออกเขาก็จะดีดออก เขาเรียกว่าพลิกเขาเรียกว่าหงาย หงายของที่คว่ำใจก็จะโล่งโปร่งกายก็รู้สึกว่าจะเบาเหมือนกับไม่มี แต่ก็มีกายอยู่ เราก็จะรู้การเกิดการดับของความคิดที่ผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจได้ชัดเจนว่าเรื่องอะไรที่เขาเกิด เรื่องอดีตเรื่องอนาคต เป็นกุศลหรือว่าอกุศล
ส่วนใจก็ว่างรับรู้อยู่เขาเรียก ‘ปัญญาวิปัสสนา’ ในภาษาธรรมท่านเรียกว่า ‘สัมมาทิฏฐิ’ ความรู้แจ้งเห็นจริงเปิดทางให้คือเปิดหงาย หงายของที่คว่ำเพียงแค่หงาย แต่การทำความเข้าใจการละการดับ ความเกิดก็ต้องตามมาอีกด้วยความรู้ตัวที่ต่อเนื่อง ไม่ใช่ว่าไปนึกเอาไปคิดเอาว่าจะเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ ให้ตามดูตามรู้ตามเห็นตามทำความเข้าใจ ให้รู้ความหมายของคำว่า ‘อนิจจังทุกขัง อนัตตา’ ในขันธ์ห้า ให้รู้ความหมายของคำว่า ‘อัตตากับอนัตตา’
การเกิดของใจหรือว่าการเกิดของวิญญาณ ส่งออกไปภายนอกเขาเรียกว่า ‘สมุทัย’ บางทีเขาส่งออกไป บางทีเขารวมกับความคิดรวมกับขันธ์ห้า อันนี้เขาเรียกว่าหลงความหลง ตรงนี้มีอยู่ ในปัญญาทางสมมติเราว่าเราอาจจะว่าเราไม่หลง นอกจากบุคคลที่มาเจริญสติหรือว่ามาสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง เราถึงจะรู้ว่าแต่ก่อนเราไม่มีสติความรู้ตัวตัวนี้เลย อาจจะมีบ้างนิดๆ หน่อยๆ เราต้องมาสร้างตัวนี้ให้มากขึ้น
ทีนี้ใจของเราอยู่ในความสงบหรือเปล่า ใจของเรามีความปกติ หรือว่าใจของเราเกิดความกังวล เกิดความฟุ้งซ่าน ใจของเราเกิดกิเลสเราก็รู้จักละรู้จักดับ การดับเขาเรียกว่าการละ แล้วก็ทำสิ่งในตรงกันข้าม ใจของเราเกิดความละเกิดความโลภเราก็พยายามละความโลภ เกิดความอยากเราก็พยายามละความอยากด้วยการให้ด้วยการเอาออก ใจเกิดความโกรธก็ดับความโกรธด้วยการให้อภัยทานอโหสิกรรม มองโลกในทางที่ดี ทำในสิ่งตรงกันข้ามทุกเรื่องเลย
ขณะนี้ในสติความรู้ตัวของเราต่อเนื่องหรือไม่ เราต้องสร้างขึ้นมาแล้วรู้จักเอาไปให้รู้เท่าทันใจของเรา รู้ไม่ทันใจของเรา เราก็ต้องรู้จักควบคุมใจของเราเสียก่อน ช่วงใหม่ๆ นี้เขาเรียกว่าการเป็นการฝืนเป็นการทวนเป็นการสวนกระแสของกิเลส เพราะว่าใจของคนเราชอบคิดชอบเที่ยว ความคิดเก่าปัญญาเก่า ขันธ์ห้าของเก่าเข้ามาปรุงแต่งใจ มีกันทุกคนจะมีมากมีน้อย
นอกจากบุคคลที่มาเจริญสติให้ต่อเนื่องเขาถึงรู้ เข้าไปเห็นเข้าไปทำความเข้าใจจนใจยอมรับความเป็นจริงแล้วก็หมั่นพร่ำสอนใจ สติรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมานี่แหละไปหมั่นพร่ำสอนใจของตัวเราเองอยู่ตลอดเวลา ความอยากแม้แต่นิดเดียวก็ไม่ให้เกิดขึ้นที่ใจ อยากมีอยากไปอยากมา ไม่อยากมีไม่อยากไปไม่อยากมา เพียงแค่การเคลื่อน การปรุงการแต่ง การเกิดของใจ เราก็ต้องพยายามละ
ไม่ต้องไปกลัวว่าจะไม่มีความคิด ไม่ต้องไปกลัวว่าจะไม่มีปัญญา ไม่ต้องไปกลัวว่าจะไม่รู้ธรรม เพราะว่าตัวใจนั่นแหละคือตัวธรรม เพียงแค่เขาปรุงแต่งเขาเกิดเขาปิดบังอำพรางตัวของเขาเอง เราแยกได้คลายได้แล้วก็ตามทำความเข้าใจกับขันธ์ห้า รู้ความเป็นจริงแล้วละขันธ์ห้า แต่เราพอมาละกิเลสที่ใจอีกมาดับความเกิดที่ใจอีก เราดับทีนั้นทีนี้ใจมันก็จะสั้นลงๆๆๆ จนขณะเขาก่อตัวเราก็ดับขณะเขาก่อตัว นั่นแหล่ะมันก็จะถึงตัวของใจทันทีคือความว่าง
มันเกิดอีกเราก็ดับอีก เกิดอีกเราก็ดับอีกจนมันเหือดแห้ง นี่แหละปัญญาที่เกิดจากตัวใจกับขันธ์ห้าเนี่ยมันปกปิดเอาไว้หมด มีร้อยเปอร์เซ็นต์เราก็ต้องคลายทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ให้มันเหลือที่ศูนย์ มันฉลาดแล้วก็คลายความฉลาดของเก่าออกให้มันเหลือก็แต่ความว่างความบริสุทธิ์ นี่แหละถึงจุดโง่เลยทีเดียว โง่แล้วค่อยฉลาดใหม่ฉลาดด้วยสติที่เราสร้างขึ้นมานี่แหละ เข้าไปทำความเข้าใจ ทำนู่นทำนี่ให้ใจรับรู้ ห้มันเต็มรอบ ทำความเข้าใจกับสมมติทำความเข้าใจกับวิมุตติ ทำความเข้าใจกับโลกธรรมในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว
ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร ถ้าเราเข้าใจตัวนี้เห็นตัวนี้จะสนุก มีความสุขในการดูในการรู้ในการละ เอาการงานเป็นการปฏิบัติ ทำงานไปด้วยใจรับรู้ไปด้วย ได้ประโยชน์ ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์ปัจจุบัน ประโยชน์ในโลกนี้โลกหน้าได้หมดนั่นแหละ ถ้าเรารู้จักใจของเราแล้ว แล้วเรารู้จักบุญอยู่กับบุญ ก็ต้องพยายามกันนะไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ก็ขยันหมั่นเพียรกัน ธรรมะไม่อยู่ไกลหรอก อยู่ที่ใจของเราอยู่ที่กายของเรา
การได้ยินได้ฟังได้อ่านทุกคนมีกันเต็มเปี่ยมทุกคนศึกษาค้นคว้า แต่การรู้ฐานของใจ การแยกการแยกการคลาย เราต้องเกิดจากการเจริญสติการเจริญปัญญาตามแนวทางของพระพุทธองค์ ความจริงมีอยู่สัจธรรมมีอยู่ธรรมมีอยู่ประจำโลก พระพุทธองค์ได้เกิดมาแล้วก็ค้นพบแล้วก็เอามาชี้แนะแนวทางให้ ถึงแม้ท่านไม่ได้เกิดแต่ธรรมก็มีอยู่ประจำโลก แต่ก็ยากที่จะเข้าใจในแนวทาง พระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบแล้วก็มาเปิดเผยนะ ว่าพวกเรามีบุญได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วก็รีบทำรีบสร้าง
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนกันนะ ให้ต่อเนื่องกันสักพักหนึ่ง พากันไว้ไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจเอานะ
เราต้องรู้จักลักษณะของการเจริญสติที่ต่อเนื่อง ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว กายของเราก็สบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็สงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกรับรู้ที่เรากระตุ้นลมหายใจเข้าออก อย่าไปบังคับลมหายใจ เพียงแค่มีความรู้สึกรับรู้เวลาลมสัมผัสขณะการหายใจเข้าหายใจออกอยู่ที่ปลายจมูกของเราก็พอ เวลาหายใจเข้ามีความรู้สึกรับรู้อยู่ หายใจออกมีความรู้สึกรับรู้อยู่
พยายามฝึกตรงนี้ให้เกิดความเคยชินแล้วก็ให้เกิดความชำนาญเขาเรียกว่าการเจริญสติ เขาเรียกว่าสร้างปัญญา ความรู้ตัวไม่มีเราต้องสร้างขึ้นมา เราสร้างไม่ๆๆ ต่อเนื่องเราก็พยายามทำให้ต่อเนื่อง เขาเรียกว่าปัญญาเริ่มมีเริ่มเกิด สร้างให้มีให้เกิดขึ้น ส่วนใจนั้นบางทีก็คิดไปเรื่องโน้นบ้างเรื่องนี้บ้าง เราก็กระตุ้นความรู้สึกอยู่ที่การหายใจเขาออกใหม่ ใจก็จะกลับมาอยู่กับลมหายใจเอง
พยายามฝึกบ่อยๆ นี่เขาเรียกว่าปัญญาฝ่ายเกิดฝ่ายสร้างขึ้นมาใหม่ แล้วพยายามทำให้ต่อเนื่องแล้วก็รู้ให้เท่าทันการก่อตัวของใจ การเกิดของใจ การเกิดของอาการของขันธ์ห้า ใจกับความคิดหรือใจกับอาการของใจเขารวมกันได้อย่างไร ถ้าเรามีความรู้ตัวที่ต่อเนื่องเราก็จะเห็น เห็นการก่อตัวเห็นการเคลื่อนเข้าไปรวม ถ้าขณะที่เรารู้เท่าทันใจก็จะคลายออก ขณะที่เขาคลายออกเขาก็จะดีดออก เขาเรียกว่าพลิกเขาเรียกว่าหงาย หงายของที่คว่ำใจก็จะโล่งโปร่งกายก็รู้สึกว่าจะเบาเหมือนกับไม่มี แต่ก็มีกายอยู่ เราก็จะรู้การเกิดการดับของความคิดที่ผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจได้ชัดเจนว่าเรื่องอะไรที่เขาเกิด เรื่องอดีตเรื่องอนาคต เป็นกุศลหรือว่าอกุศล
ส่วนใจก็ว่างรับรู้อยู่เขาเรียก ‘ปัญญาวิปัสสนา’ ในภาษาธรรมท่านเรียกว่า ‘สัมมาทิฏฐิ’ ความรู้แจ้งเห็นจริงเปิดทางให้คือเปิดหงาย หงายของที่คว่ำเพียงแค่หงาย แต่การทำความเข้าใจการละการดับ ความเกิดก็ต้องตามมาอีกด้วยความรู้ตัวที่ต่อเนื่อง ไม่ใช่ว่าไปนึกเอาไปคิดเอาว่าจะเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ ให้ตามดูตามรู้ตามเห็นตามทำความเข้าใจ ให้รู้ความหมายของคำว่า ‘อนิจจังทุกขัง อนัตตา’ ในขันธ์ห้า ให้รู้ความหมายของคำว่า ‘อัตตากับอนัตตา’
การเกิดของใจหรือว่าการเกิดของวิญญาณ ส่งออกไปภายนอกเขาเรียกว่า ‘สมุทัย’ บางทีเขาส่งออกไป บางทีเขารวมกับความคิดรวมกับขันธ์ห้า อันนี้เขาเรียกว่าหลงความหลง ตรงนี้มีอยู่ ในปัญญาทางสมมติเราว่าเราอาจจะว่าเราไม่หลง นอกจากบุคคลที่มาเจริญสติหรือว่ามาสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง เราถึงจะรู้ว่าแต่ก่อนเราไม่มีสติความรู้ตัวตัวนี้เลย อาจจะมีบ้างนิดๆ หน่อยๆ เราต้องมาสร้างตัวนี้ให้มากขึ้น
ทีนี้ใจของเราอยู่ในความสงบหรือเปล่า ใจของเรามีความปกติ หรือว่าใจของเราเกิดความกังวล เกิดความฟุ้งซ่าน ใจของเราเกิดกิเลสเราก็รู้จักละรู้จักดับ การดับเขาเรียกว่าการละ แล้วก็ทำสิ่งในตรงกันข้าม ใจของเราเกิดความละเกิดความโลภเราก็พยายามละความโลภ เกิดความอยากเราก็พยายามละความอยากด้วยการให้ด้วยการเอาออก ใจเกิดความโกรธก็ดับความโกรธด้วยการให้อภัยทานอโหสิกรรม มองโลกในทางที่ดี ทำในสิ่งตรงกันข้ามทุกเรื่องเลย
ขณะนี้ในสติความรู้ตัวของเราต่อเนื่องหรือไม่ เราต้องสร้างขึ้นมาแล้วรู้จักเอาไปให้รู้เท่าทันใจของเรา รู้ไม่ทันใจของเรา เราก็ต้องรู้จักควบคุมใจของเราเสียก่อน ช่วงใหม่ๆ นี้เขาเรียกว่าการเป็นการฝืนเป็นการทวนเป็นการสวนกระแสของกิเลส เพราะว่าใจของคนเราชอบคิดชอบเที่ยว ความคิดเก่าปัญญาเก่า ขันธ์ห้าของเก่าเข้ามาปรุงแต่งใจ มีกันทุกคนจะมีมากมีน้อย
นอกจากบุคคลที่มาเจริญสติให้ต่อเนื่องเขาถึงรู้ เข้าไปเห็นเข้าไปทำความเข้าใจจนใจยอมรับความเป็นจริงแล้วก็หมั่นพร่ำสอนใจ สติรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมานี่แหละไปหมั่นพร่ำสอนใจของตัวเราเองอยู่ตลอดเวลา ความอยากแม้แต่นิดเดียวก็ไม่ให้เกิดขึ้นที่ใจ อยากมีอยากไปอยากมา ไม่อยากมีไม่อยากไปไม่อยากมา เพียงแค่การเคลื่อน การปรุงการแต่ง การเกิดของใจ เราก็ต้องพยายามละ
ไม่ต้องไปกลัวว่าจะไม่มีความคิด ไม่ต้องไปกลัวว่าจะไม่มีปัญญา ไม่ต้องไปกลัวว่าจะไม่รู้ธรรม เพราะว่าตัวใจนั่นแหละคือตัวธรรม เพียงแค่เขาปรุงแต่งเขาเกิดเขาปิดบังอำพรางตัวของเขาเอง เราแยกได้คลายได้แล้วก็ตามทำความเข้าใจกับขันธ์ห้า รู้ความเป็นจริงแล้วละขันธ์ห้า แต่เราพอมาละกิเลสที่ใจอีกมาดับความเกิดที่ใจอีก เราดับทีนั้นทีนี้ใจมันก็จะสั้นลงๆๆๆ จนขณะเขาก่อตัวเราก็ดับขณะเขาก่อตัว นั่นแหล่ะมันก็จะถึงตัวของใจทันทีคือความว่าง
มันเกิดอีกเราก็ดับอีก เกิดอีกเราก็ดับอีกจนมันเหือดแห้ง นี่แหละปัญญาที่เกิดจากตัวใจกับขันธ์ห้าเนี่ยมันปกปิดเอาไว้หมด มีร้อยเปอร์เซ็นต์เราก็ต้องคลายทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ให้มันเหลือที่ศูนย์ มันฉลาดแล้วก็คลายความฉลาดของเก่าออกให้มันเหลือก็แต่ความว่างความบริสุทธิ์ นี่แหละถึงจุดโง่เลยทีเดียว โง่แล้วค่อยฉลาดใหม่ฉลาดด้วยสติที่เราสร้างขึ้นมานี่แหละ เข้าไปทำความเข้าใจ ทำนู่นทำนี่ให้ใจรับรู้ ห้มันเต็มรอบ ทำความเข้าใจกับสมมติทำความเข้าใจกับวิมุตติ ทำความเข้าใจกับโลกธรรมในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว
ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร ถ้าเราเข้าใจตัวนี้เห็นตัวนี้จะสนุก มีความสุขในการดูในการรู้ในการละ เอาการงานเป็นการปฏิบัติ ทำงานไปด้วยใจรับรู้ไปด้วย ได้ประโยชน์ ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์ปัจจุบัน ประโยชน์ในโลกนี้โลกหน้าได้หมดนั่นแหละ ถ้าเรารู้จักใจของเราแล้ว แล้วเรารู้จักบุญอยู่กับบุญ ก็ต้องพยายามกันนะไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ก็ขยันหมั่นเพียรกัน ธรรมะไม่อยู่ไกลหรอก อยู่ที่ใจของเราอยู่ที่กายของเรา
การได้ยินได้ฟังได้อ่านทุกคนมีกันเต็มเปี่ยมทุกคนศึกษาค้นคว้า แต่การรู้ฐานของใจ การแยกการแยกการคลาย เราต้องเกิดจากการเจริญสติการเจริญปัญญาตามแนวทางของพระพุทธองค์ ความจริงมีอยู่สัจธรรมมีอยู่ธรรมมีอยู่ประจำโลก พระพุทธองค์ได้เกิดมาแล้วก็ค้นพบแล้วก็เอามาชี้แนะแนวทางให้ ถึงแม้ท่านไม่ได้เกิดแต่ธรรมก็มีอยู่ประจำโลก แต่ก็ยากที่จะเข้าใจในแนวทาง พระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบแล้วก็มาเปิดเผยนะ ว่าพวกเรามีบุญได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วก็รีบทำรีบสร้าง
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนกันนะ ให้ต่อเนื่องกันสักพักหนึ่ง พากันไว้ไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจเอานะ