หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 074
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 074
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ถึงเราละไม่ได้ ถึงเราละกิเลสไม่ได้ถึงเราแยกรูปแยกนามไม่ได้ เราก็พยายามทำใจของเราให้สงบขณะที่เรากำลังนั่งอยู่นี้แหละ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียก สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน
ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ ลองดูสิแล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออกพวกเราก็ขาดการสนใจกันมากเลยทีเดียว ความรู้สึกรับรู้สัมผัสทั้งลมหายใจเข้าหายใจออกเขาเรียกว่า ‘สติรู้กาย’ หายใจเข้าหายใจออกรู้ให้ต่อเนื่องเขาเรียกว่ามีสติ แล้วก็สัมปชัญญะมีความรู้ตัวทั่วพร้อมต่อเนื่อง ตรงนี้แหละเราขาดการสร้างขึ้นมา
ความคิดเก่าที่เกิดจากตัวใจหรือว่าเกิดจากตัววิญญาณ ความคิดที่เกิดจากอาการของวิญญาณตรงนั้นเขาปกปิดตัวของเขาเอาไว้หมด เขาเกิดมาตั้งนานเขาหลงมาตั้งนาน หลงเกิดหลงวน วนเวียนว่ายตายเกิด จนได้มาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์มีกายเนื้อมีหนังเข้ามาหุ้มห่อซึ่งเป็นส่วนรูปธรรม
ส่วนนามธรรม ส่วนวิญญาณ ส่วนอาการของวิญญาณนั้นเขาเกิดๆ ดับๆ อยู่ เพียงแค่เขารอจังหวะรอโอกาส ถ้ากายเนื้อแตกดับเขาก็ไปหาเกิดต่อ ช่วงกายเนื้อไม่แตกดับนี่แหละ ช่วงกายเนื้อยังมีลมหายใจอยู่นี้แหละ เราพยายามมาศึกษามาเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ให้รู้เท่าทัน ไปคลายไปสังเกตวิเคราะห์วิญญาณหรือว่าตัวใจของเรา ว่าขณะนี้ใจของเราเป็นอย่างไร ใจของเราปกติ ใจของเราสงบ ใจของเราเกิดกิเลส ใจของเราส่งไปภายนอก เราก็พยายามรู้จักระงับยับยั้ง อะไรคือความรู้ตัวหรือว่าสติที่เราสร้างขึ้นมา
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเลยทีเดียวตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ พยายามสร้างความรู้ตัวตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ หมั่นอบรมใจของตัวเราอยู่ตลอดเวลา ใจเกิดเราก็พยายามควบคุม ใจเกิดกิเลสเราก็พยายามละกิเลส ใจเกิดความโลภใจเกิดความโกรธเราก็พยายามละ พยายามดับ พยายามทำในสิ่งตรงกันข้าม เรามีความเกียจคร้านเราก็พยายามสร้างความขยันหมั่นเพียร เราไม่มีความรับผิดชอบเราก็พยายามสร้างความรับผิดชอบ สร้างความเสียสละให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา มองโลกในทางที่ดี คิดดีแล้วการกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อม
เราเกิดมาทำไม เกิดมาเพื่ออะไร เราจะไปอย่างไรมาอย่างไร อะไรคือใจ อะไรคือสติปัญญา เราก็ต้องพยายามวิเคราะห์ อานิสงส์ผลบุญผลทานเรามีเต็มเปี่ยมหรือไม่ เพื่อที่จะขัดเกลากิเลสออกจากใจของตัวเรา สภาพใจของทุกคนนั้นถ้าเข้าถึงฐานเดิมของใจที่แท้จริงนั้นเขาสะอาดเขาบริสุทธิ์ เขาไม่มีกิเลส เพราะความหลงเขาถึงได้เกิด เกิดแล้วก็แสวงหาที่เกิดอยู่เรื่อยร่ำไป เกิดไม่ว่าเกิดในรูปในรสในกลิ่นในเสียง เกิดในภพน้อยภพใหญ่ สารพัดอย่าง เพียงแค่การปรุงแต่งนั้นแล้วเขาก็เกิด อาการของขันธ์ห้าก็มาปรุงแต่งอีกเขาเรียกว่า ‘ขันธมาร’ เขาเรียกว่ามารมาปรุงแต่งใจ ใจของเราก็ไปหลงเป็นทาสของกิเลสอีก
มีเรื่องเดียวเท่านั้นแหละ เรื่องที่จะขัดเกลากิเลสออกจากใจของเราไม่มีเรื่องอื่นใดเลย นอกจากพยายามทำใจของเราให้สะอาด ทำใจของเราให้บริสุทธิ์ รอบรู้ในสมมติรอบรู้ในวิมุตติ แล้วก็พยายามประพฤติปฏิบัติขัดเกลาตัวเราให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน ไม่ถึงช้าก็ต้องถึงเร็ว พยายามดำเนินกัน อะไรที่จะเป็นอกุศลอะไรที่จะนำความทุกข์มาให้เราก็พยายามละ อะไรที่จะนำความสุขมาให้เราก็พยายามเจริญ
อันนี้ก็ใกล้วันที่ 4 มิถุนายนซึ่งเป็นวันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญของพุทธศาสนา ก็ขอเชิญชวนพี่น้องเราทุกคนมาร่วมโอกาสมาสร้างบุญสร้างอานิสงส์กัน มาร่วมกันทำวัตรสวดมนต์ มาร่วมกันเวียนเทียนระลึกนึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งเป็นบรมศาสนาของโลก แล้วก็ท่านได้ค้นพบสัจธรรมความจริงของชีวิตแล้วก็เอามาเปิดเผย ถ้าเราอยากจะรู้ความจริงอยากจะเห็นความจริง อยากจะเข้าถึงความจริง เราก็ต้องปฏิบัติลงที่กายที่ใจของเรา
ทำกายให้เป็นวัดทำใจให้เป็นพระ ขัดเกลากิเลสออกจากใจของเราอยู่ตลอดเวลา เราขัดเกลาได้มากมายเท่าไร เราดับได้มากมายเท่าไร เราละได้เร็วได้ไวเท่าไร ใจของเราก็สะอาดบริสุทธิ์มากขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนอยู่ที่บ้านที่ไร่ที่นา เราก็ต้องพยายามทำความเข้าใจ อย่าไปปิดกั้นตัวเราเองว่าไม่มีโอกาสว่าไม่มีเวลาจะปฏิบัติแบบงมงาย เราต้องปฏิบัติแบบมีสติมีปัญญา มีศรัทธาแล้วก็มีสติ แล้วก็มีปัญญารู้แจ้งเห็นจริง ไม่ใช่ว่างมงายเอาตั้งแต่ลูบๆ คลำๆ เราก็ต้องพยายามเข้าให้ถึงใจของเรา
อะไรคือสมมติวิมุตติ อะไรคืออัตตาอนัตตา อะไรลักษณะของความว่าง ว่างพิจารณา ว่างจากการเกิด ว่างจากกิเลส ว่างจากหรือความคลายความหลงมันเป็นอย่างไร ว่างจากขันธ์ห้าเป็นอย่างไร ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนอยู่ในกายของเราหมด ไม่ใช่ว่าจะไปอยู่ที่โน่นไปอยู่ที่นี่ ไปอยู่กับคนโน้นไปอยู่กับคนนี้ อันนั้นเป็นการแสวงหาแนวทางเฉยๆ เป็นการแสวงหาเป็นการดำเนินเป็นการสร้างบารมี ให้พยายามทำไปเถอะไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ดี อยู่ที่บ้านที่ไร่ที่นา ที่โน่นที่นี่ก็ดีหมด
ถ้าถึงวันละเวลาเราก็คงจะเข้าใจ ถ้าไม่ถึงเวลาจะไปบังคับอย่างไรก็ไม่เข้าใจหรอก เหมือนกับเราปลูกผลหมากรากไม้ เราจะไปเร่งให้ออกดอกออกผลวันนี้เดี๋ยวนี้ไม่ได้ เราก็ต้องหมั่นดูแลทำความเข้าใจกับเขา ให้น้ำให้ปุ๋ยเขา ถึงกาลถึงเวลาเขาก็ออกดอกออกผลให้เรา การปฏิบัติจิตก็เหมือนกัน ตั้งแต่เป็นเด็กโน่นแหละ เกิดมามันก็ผ่านกาลผ่านเวลา จากเด็กได้รับการศึกษาได้รับการเล่าเรียนเติบโตขึ้นมา สติปัญญาเขามีมากขึ้น รู้อะไรผิดถูกชั่วดี มีความเสียสล มีความอดทน ผ่านการผ่านเวลามาเรื่อยๆ ทำความเข้าใจ พัฒนาตัวเราเองมาเรื่อยๆ จนกว่าจะพัฒนาให้ถึงจุดหมายคือความสะอาดความบริสุทธิ์
ถ้ากำลังสติ กำลังสมาธิ กำลังอานิสงส์บุญบารมีของเราเต็มเปี่ยม อยู่ที่ไหนเราก็ต้องเข้าถึง ถ้าเรามีความเสียสละขัดเกลาตัวเราอยู่ตลอดเวลา มีการวิเคราะห์มีการหมั่นพร่ำสอนใจ อะไรผิดอะไรถูก สักวันหนึ่งก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทาง ก็พยายามกันนะ ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย แม้ตั้งแต่เวลารับประทานข้าวปลาอาหาร กายของเราหิวหรือว่าใจของเราเกิดความอยาก เราไม่รับประทานด้วยความอยากได้หรือไม่ เราไม่เอาด้วยความอยาก เราไม่คิดด้วยความอยากที่เกิดจากตัวใจที่เกิดจากกิเลส ให้เราคิดด้วยสติคิดด้วยปัญญา ด้วยเหตุด้วยผล
แต่เวลานี้สติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันของเรามีน้อยนิด เพียงแค่สร้างให้ต่อเนื่องก็ยังไม่ทำให้ต่อเนื่องยังขาดกระท่อนกระแท่น เพียงแค่ควบคุมใจก็ควบคุมได้เป็นบางครั้ง เพียงแค่รู้แต่ยังไม่เห็นอาการฐานของใจ การดับการละ ก็ได้ละได้เป็นบางเรื่องบางครั้งบางคราว เราละไม่หมดจดเราดับไม่หมดจดมันก็เลยไม่ถึงจุดหมายปลายทางสักที เราก็ต้องพยายาม มันไม่ถึงวันนี้พรุ่งนี้ต้องถึง ไม่ถึงพรุ่งนี้เดือนนี้เดือนหน้าปีหน้า ไม่ถึงจริงๆ ก็ไปต่อภพหน้า
เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างกันต่อเอานะ
ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ ลองดูสิแล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออกพวกเราก็ขาดการสนใจกันมากเลยทีเดียว ความรู้สึกรับรู้สัมผัสทั้งลมหายใจเข้าหายใจออกเขาเรียกว่า ‘สติรู้กาย’ หายใจเข้าหายใจออกรู้ให้ต่อเนื่องเขาเรียกว่ามีสติ แล้วก็สัมปชัญญะมีความรู้ตัวทั่วพร้อมต่อเนื่อง ตรงนี้แหละเราขาดการสร้างขึ้นมา
ความคิดเก่าที่เกิดจากตัวใจหรือว่าเกิดจากตัววิญญาณ ความคิดที่เกิดจากอาการของวิญญาณตรงนั้นเขาปกปิดตัวของเขาเอาไว้หมด เขาเกิดมาตั้งนานเขาหลงมาตั้งนาน หลงเกิดหลงวน วนเวียนว่ายตายเกิด จนได้มาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์มีกายเนื้อมีหนังเข้ามาหุ้มห่อซึ่งเป็นส่วนรูปธรรม
ส่วนนามธรรม ส่วนวิญญาณ ส่วนอาการของวิญญาณนั้นเขาเกิดๆ ดับๆ อยู่ เพียงแค่เขารอจังหวะรอโอกาส ถ้ากายเนื้อแตกดับเขาก็ไปหาเกิดต่อ ช่วงกายเนื้อไม่แตกดับนี่แหละ ช่วงกายเนื้อยังมีลมหายใจอยู่นี้แหละ เราพยายามมาศึกษามาเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ให้รู้เท่าทัน ไปคลายไปสังเกตวิเคราะห์วิญญาณหรือว่าตัวใจของเรา ว่าขณะนี้ใจของเราเป็นอย่างไร ใจของเราปกติ ใจของเราสงบ ใจของเราเกิดกิเลส ใจของเราส่งไปภายนอก เราก็พยายามรู้จักระงับยับยั้ง อะไรคือความรู้ตัวหรือว่าสติที่เราสร้างขึ้นมา
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเลยทีเดียวตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ พยายามสร้างความรู้ตัวตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ หมั่นอบรมใจของตัวเราอยู่ตลอดเวลา ใจเกิดเราก็พยายามควบคุม ใจเกิดกิเลสเราก็พยายามละกิเลส ใจเกิดความโลภใจเกิดความโกรธเราก็พยายามละ พยายามดับ พยายามทำในสิ่งตรงกันข้าม เรามีความเกียจคร้านเราก็พยายามสร้างความขยันหมั่นเพียร เราไม่มีความรับผิดชอบเราก็พยายามสร้างความรับผิดชอบ สร้างความเสียสละให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา มองโลกในทางที่ดี คิดดีแล้วการกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อม
เราเกิดมาทำไม เกิดมาเพื่ออะไร เราจะไปอย่างไรมาอย่างไร อะไรคือใจ อะไรคือสติปัญญา เราก็ต้องพยายามวิเคราะห์ อานิสงส์ผลบุญผลทานเรามีเต็มเปี่ยมหรือไม่ เพื่อที่จะขัดเกลากิเลสออกจากใจของตัวเรา สภาพใจของทุกคนนั้นถ้าเข้าถึงฐานเดิมของใจที่แท้จริงนั้นเขาสะอาดเขาบริสุทธิ์ เขาไม่มีกิเลส เพราะความหลงเขาถึงได้เกิด เกิดแล้วก็แสวงหาที่เกิดอยู่เรื่อยร่ำไป เกิดไม่ว่าเกิดในรูปในรสในกลิ่นในเสียง เกิดในภพน้อยภพใหญ่ สารพัดอย่าง เพียงแค่การปรุงแต่งนั้นแล้วเขาก็เกิด อาการของขันธ์ห้าก็มาปรุงแต่งอีกเขาเรียกว่า ‘ขันธมาร’ เขาเรียกว่ามารมาปรุงแต่งใจ ใจของเราก็ไปหลงเป็นทาสของกิเลสอีก
มีเรื่องเดียวเท่านั้นแหละ เรื่องที่จะขัดเกลากิเลสออกจากใจของเราไม่มีเรื่องอื่นใดเลย นอกจากพยายามทำใจของเราให้สะอาด ทำใจของเราให้บริสุทธิ์ รอบรู้ในสมมติรอบรู้ในวิมุตติ แล้วก็พยายามประพฤติปฏิบัติขัดเกลาตัวเราให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน ไม่ถึงช้าก็ต้องถึงเร็ว พยายามดำเนินกัน อะไรที่จะเป็นอกุศลอะไรที่จะนำความทุกข์มาให้เราก็พยายามละ อะไรที่จะนำความสุขมาให้เราก็พยายามเจริญ
อันนี้ก็ใกล้วันที่ 4 มิถุนายนซึ่งเป็นวันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญของพุทธศาสนา ก็ขอเชิญชวนพี่น้องเราทุกคนมาร่วมโอกาสมาสร้างบุญสร้างอานิสงส์กัน มาร่วมกันทำวัตรสวดมนต์ มาร่วมกันเวียนเทียนระลึกนึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งเป็นบรมศาสนาของโลก แล้วก็ท่านได้ค้นพบสัจธรรมความจริงของชีวิตแล้วก็เอามาเปิดเผย ถ้าเราอยากจะรู้ความจริงอยากจะเห็นความจริง อยากจะเข้าถึงความจริง เราก็ต้องปฏิบัติลงที่กายที่ใจของเรา
ทำกายให้เป็นวัดทำใจให้เป็นพระ ขัดเกลากิเลสออกจากใจของเราอยู่ตลอดเวลา เราขัดเกลาได้มากมายเท่าไร เราดับได้มากมายเท่าไร เราละได้เร็วได้ไวเท่าไร ใจของเราก็สะอาดบริสุทธิ์มากขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนอยู่ที่บ้านที่ไร่ที่นา เราก็ต้องพยายามทำความเข้าใจ อย่าไปปิดกั้นตัวเราเองว่าไม่มีโอกาสว่าไม่มีเวลาจะปฏิบัติแบบงมงาย เราต้องปฏิบัติแบบมีสติมีปัญญา มีศรัทธาแล้วก็มีสติ แล้วก็มีปัญญารู้แจ้งเห็นจริง ไม่ใช่ว่างมงายเอาตั้งแต่ลูบๆ คลำๆ เราก็ต้องพยายามเข้าให้ถึงใจของเรา
อะไรคือสมมติวิมุตติ อะไรคืออัตตาอนัตตา อะไรลักษณะของความว่าง ว่างพิจารณา ว่างจากการเกิด ว่างจากกิเลส ว่างจากหรือความคลายความหลงมันเป็นอย่างไร ว่างจากขันธ์ห้าเป็นอย่างไร ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนอยู่ในกายของเราหมด ไม่ใช่ว่าจะไปอยู่ที่โน่นไปอยู่ที่นี่ ไปอยู่กับคนโน้นไปอยู่กับคนนี้ อันนั้นเป็นการแสวงหาแนวทางเฉยๆ เป็นการแสวงหาเป็นการดำเนินเป็นการสร้างบารมี ให้พยายามทำไปเถอะไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ดี อยู่ที่บ้านที่ไร่ที่นา ที่โน่นที่นี่ก็ดีหมด
ถ้าถึงวันละเวลาเราก็คงจะเข้าใจ ถ้าไม่ถึงเวลาจะไปบังคับอย่างไรก็ไม่เข้าใจหรอก เหมือนกับเราปลูกผลหมากรากไม้ เราจะไปเร่งให้ออกดอกออกผลวันนี้เดี๋ยวนี้ไม่ได้ เราก็ต้องหมั่นดูแลทำความเข้าใจกับเขา ให้น้ำให้ปุ๋ยเขา ถึงกาลถึงเวลาเขาก็ออกดอกออกผลให้เรา การปฏิบัติจิตก็เหมือนกัน ตั้งแต่เป็นเด็กโน่นแหละ เกิดมามันก็ผ่านกาลผ่านเวลา จากเด็กได้รับการศึกษาได้รับการเล่าเรียนเติบโตขึ้นมา สติปัญญาเขามีมากขึ้น รู้อะไรผิดถูกชั่วดี มีความเสียสล มีความอดทน ผ่านการผ่านเวลามาเรื่อยๆ ทำความเข้าใจ พัฒนาตัวเราเองมาเรื่อยๆ จนกว่าจะพัฒนาให้ถึงจุดหมายคือความสะอาดความบริสุทธิ์
ถ้ากำลังสติ กำลังสมาธิ กำลังอานิสงส์บุญบารมีของเราเต็มเปี่ยม อยู่ที่ไหนเราก็ต้องเข้าถึง ถ้าเรามีความเสียสละขัดเกลาตัวเราอยู่ตลอดเวลา มีการวิเคราะห์มีการหมั่นพร่ำสอนใจ อะไรผิดอะไรถูก สักวันหนึ่งก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทาง ก็พยายามกันนะ ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย แม้ตั้งแต่เวลารับประทานข้าวปลาอาหาร กายของเราหิวหรือว่าใจของเราเกิดความอยาก เราไม่รับประทานด้วยความอยากได้หรือไม่ เราไม่เอาด้วยความอยาก เราไม่คิดด้วยความอยากที่เกิดจากตัวใจที่เกิดจากกิเลส ให้เราคิดด้วยสติคิดด้วยปัญญา ด้วยเหตุด้วยผล
แต่เวลานี้สติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันของเรามีน้อยนิด เพียงแค่สร้างให้ต่อเนื่องก็ยังไม่ทำให้ต่อเนื่องยังขาดกระท่อนกระแท่น เพียงแค่ควบคุมใจก็ควบคุมได้เป็นบางครั้ง เพียงแค่รู้แต่ยังไม่เห็นอาการฐานของใจ การดับการละ ก็ได้ละได้เป็นบางเรื่องบางครั้งบางคราว เราละไม่หมดจดเราดับไม่หมดจดมันก็เลยไม่ถึงจุดหมายปลายทางสักที เราก็ต้องพยายาม มันไม่ถึงวันนี้พรุ่งนี้ต้องถึง ไม่ถึงพรุ่งนี้เดือนนี้เดือนหน้าปีหน้า ไม่ถึงจริงๆ ก็ไปต่อภพหน้า
เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างกันต่อเอานะ