หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 041

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 041
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 041
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องกันสักพักหนึ่ง ถึงเราไม่ทำไม่ต่อเนื่องกันก็ขอให้ทำขณะที่เรากำลังนั่งฟังอยู่นี่แหละ นั่งตามสบายวางกายให้สบายไม่ต้องพนมมือ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียก ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้นเยอะ ความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ ก็จะหยุดระงับยับยั้งลงไป

ตามหลักของความเป็นจริง เราต้องพยายามสร้างความรู้ตัวตั้งแต่ตื่นขึ้นตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ แล้วก็รู้จักเอาไปใช้ เอาไปวิเคราะห์กายของเราวิเคราะห์ใจของเรา วิเคราะห์ทุกอย่างนี่แหละ แต่เราต้องทำความเข้าใจกับเรื่องใจเรื่องวิญญาณของเราให้ละเอียดเสียก่อนว่า กายของเราเป็นอย่างไร ใจของเราเป็นอย่างไร ขันธ์ห้าของเรามีเป็นลักษณะหน้าตาอาการเป็นอย่างไร อะไรคือรูปอะไรคือนาม การปล่อยการวาง วางอยู่ตรงไหน ใจที่สงบเป็นอย่างไร ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างไร

ความรู้ตัวนี้แหละเขาเรียกว่า ‘สติ’ ถ้าเรารู้ให้ต่อเนื่องเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ ในกายของเรามีอะไรดีๆ เยอะที่จะต้องค้นคว้า ที่จะต้องทำความเข้าใจ นอกจากปัญญาของพระพุทธองค์ ยากที่จะจำแนกแจกแจงได้ ท่านบอกว่าขันธ์ห้าเป็นของหนัก ทำไมถึงว่าเป็นของหนัก ถ้าเราไม่รู้ไม่เห็นเราก็ว่าไม่หนักทั้งที่มันหนัก ขันธ์ห้าเป็นของหนักขันธ์ห้าเป็นพันธะเป็นภาระ เราต้องมาเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ เข้าไปรู้เข้าไปเห็น รู้เห็นตามความเป็นจริงจนใจของเราคลายออกจากความยึดมั่นถือมั่น เราถึงจะรู้ว่าขันธ์ห้าเป็นของหนัก

ถ้าใจคลายออกเมื่อไร คลายออกจากอาการของความคิดเมื่อไร ใจก็จะว่างก็จะโล่ง ใจก็จะหงาย เขาเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ กายก็จะเบา เราก็จะเข้าใจในเรื่องคำสอนของพระพุทธองค์ เข้าใจคำว่า ‘อัตตา’ เข้าใจคำว่า ‘อนัตตา’ รู้เห็นการเกิดการดับ เข้าใจในเรื่องหลักของอริยสัจสี่ ใจส่งออกไปภายนอกเป็นอย่างไร ใจหลงขันธ์ห้าเป็นอย่างไร ใจเป็นทาสของกิเลสเป็นอย่างไร กิเลสหยาบกิเลสละเอียด เราต้องพยายามค้นคว้า

ดวงจิตดวงวิญญาณทุกดวงปรารถนาที่จะกลับคืนสู่ความบริสุทธิ์คือการไม่เกิด แต่ความไม่รู้ความหลงทำให้เขาเกิดเขาวิ่งเขาแสวงหา การเกิดการวิ่งการแสวงหานั่นแหละคือการปิดบังอำพรางตัวเองเอาไว้เรียบร้อย การเกิดของวิญญาณยังไม่พอยังเป็นทาสของอารมณ์อีก ทาสของกิเลสอีก ปิดเอาไว้หลายชั้น กายเนื้อก็มาปิดบังดวงใจเอาไว้ อาการของใจก็มาปิดบังตัวของมันเอาไว้อีก

นอกจากบุคคลที่เจริญสติให้แหลมคม หมั่นวิเคราะห์หมั่นสังเกต หมั่นดับหมั่นละ หมั่นเจริญพรหมวิหาร หมั่นขัดเกลา มีความรับผิดชอบ มีความเสียสละทุกอย่าง คลายออกให้หมด มีปัญญาทั้งร้อยปัญญาเต็มร้อยเราก็คลายออกทั้งร้อย แล้วก็หนุนกำลังสติปัญญาของเราตัวใหม่เข้าไปทำหน้าที่แทนให้เต็มรอบ เพราะว่าทุกคนก็ไม่อยากจะหลงหรอก เพราะความไม่รู้ความหลงทำให้ใจถึงเกิด

เกิดแต่เกิดอยู่ในภพของมนุษย์ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีที่จะต้องค้นคว้าศึกษาทำความเข้าใจให้รู้แจ้งเห็นจริง ได้บ้างไม่ได้บ้าง ได้มากไม่ได้ก็พยายามทำเนอะ อย่าพากันปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าพากันทิ้งในการหมั่นสำรวจหมั่นตรวจตราตั้งแต่การให้ทานโน้นเลย ทานเรามีความเสียสละขัดเกลาละกิเลสออกจากใจของเรา ทาน ศีลความปกติของกายของวาจาแล้วก็ของใจ

การเจริญสมาธิ สมาธิระดับไหน ระดับการข่มเอาไว้หรือบังคับเอาไว้ สมาธิที่เกิดจากการเจริญภาวนา การแยกรูปแยกนาม การชำระสะสางกิเลส การดับความเกิด ขอให้เป็นสมาธิตัวหลัง คือการละกิเลส การคลายความหลง แล้วก็ดับความเกิด เดินปัญญาละกิเลส ใจที่ไม่มีกิเลสเขาก็ว่าง ใจที่ไม่เกิดเขาก็นิ่ง แต่กำลังสติปัญญาของเรามีน้อย เราก็ต้องพยายามสร้างขึ้นมา

ถ้าเราไม่ได้เจริญความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง เราก็ว่าเรามีสติมีปัญญาอยู่ แต่เป็นสติปัญญาของโลกิยะ ของโลกของสมมติ อาจถูกต้องในระดับของสมมติ แต่ในหลักธรรมแล้วต้องสร้างขึ้นมาจนเอาไปใช้ได้นั่นแหละ เอาไปทำหน้าที่แทนได้เอาไปใช้ได้ จนใจของเรามองเห็นตามความเป็นจริง สติปัญญาของเรารู้เห็นตามความเป็นจริง

สติปัญญากับใจ ใจก็แยกออกจากความคิดออกจากอารมณ์ แล้วก็ละกิเลสอีก หลายอย่างนะต้องเป็นคนขยัน ขยันตลอดเวลาทุกลมหายใจเข้าออก จนเป็นอัตโนมัติจนไม่ได้ฝึกนั่นแหละ จนมีแต่ดูกับรู้ ยังประโยชน์ทั้งสมมติทั้งวิมุตติ ทำความเข้าใจรอบรู้ในของสังขาร รอบรู้ในทวารทั้งหก รอบรู้ในโลกธรรมแปดที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว ขอให้เราจำแนกให้ชัดเจน อันนี้สติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมา อันนี้ใจของเราหรือว่าวิญญาณของเราเป็นลักษณะนี้ซึ่งมาอาศัยกายอยู่ หลวงพ่อก็เพียงแค่เราให้ฟังเท่านั้นแหละ พวกท่านไม่ไปทำก็ไม่เข้าใจ

การปฏิบัติธรรมเราต้องเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย เชื่อมั่นในคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ แล้วก็ปฏิบัติตามคำสอนของท่านให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเราแล้วท่านถึงบอกให้เชื่อ มีอยู่ความจริงมีอยู่สัจธรรมมีอยู่ การที่จะละ การที่จะเข้าถึงความหลุดพ้นนั้นมีอยู่ แต่พวกเราจะพยายามเดินให้ถึงหรือไม่เท่านั้นเอง ถ้าเราเข้าใจวิธีเข้าใจอุบาย เราก็พยายามทำหน้าที่ของเราให้ถูกต้องให้ดีที่สุด

ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเราก็สำรวจกายสำรวจใจ อะไรเราผิดพลาดเราก็รีบแก้ไข ไม่ใช่ว่าจะไปเที่ยวให้คนโน้นเขาสอนคนนี้เขาสอน เราต้องสอนตัวเอง เจริญสติเข้ามาพร่ำสอนใจของเรา ท่านถึงกับว่าตนเป็นที่พึ่งของตน อะไรผิดอะไรถูก สติปัญญาของเราเข้าไปแก้ไข มองหาเหตุหาผล หาความเป็นกลางเป็นเครื่องตัดสินภายในของเราให้เจอ เราก็จะหมดความสงสัย มีตั้งแต่จะก้าวเดินให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน

โอกาสทำบุญให้ทาน ทานด้านวัตถุ หากพวกเรามีโอกาสได้มีโอกาสได้ร่วมกันได้มาทำร่วมกัน แต่การชำระสะสางกิเลสขั้นเด็ดขาด ขั้นต่อเนื่องก็ต้องขึ้นอยู่กับความเพียรของเราแต่ละบุคคล ไม่ใช่ว่าจะไปโทษคนโน้นนไปโทษคนนี้ เราต้องแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเรา รู้จักวิธีรู้จักแนวทางแล้ว กายวิเวกเป็นอย่างไร ใจวิเวกเป็นอย่างไร การชำระกิเลสหยาบกิเลสละเอียด การเกิดของเขาเป็นอย่างไร เราก็ต้องพยายาม

เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันนะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง