หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 001

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 001
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 001
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
พากันดูดีๆ​ นะพระเราชีเราพิจารณาปฏิสังขาโยกะประมาณในการขบฉันของตัวเราเอง อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้งเพียงแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เราก็อย่าไปมองข้าม ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาวิเคราะห์กายวิเคราะห์ใจ แล้วก็สมมติของเราทำหน้าที่ของเราให้ดี

วันนี้ก็เป็นวันที่ 2 ของเดือนต้นเดือนมกราวันขึ้นปีใหม่ ตั้งแต่เมื่อวานญาติโยมก็พากันมาทำบุญกันเยอะ คนไทยนี่ใจบุญไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนวันสำคัญนี่พากันไปทำบุญกัน พากันมาสวดมนต์ข้ามปีนี่ก็เยอะอยู่เหมือนกันแน่นวัดหาที่จอดรถไม่มีเลย ต่อไปในวันข้างหน้าก็ยิ่งจะเยอะกว่านี้อีกมากมายเพราะว่าคนเราถ้าถึงวาระเวลาก็สร้างบารมี แสวงหาที่พึ่งให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเราด้วยการทำบุญด้วยการให้ทาน แล้วก็การเจริญภาวนาทำความเข้าใจให้รู้ต้นเหตุของความทุกข์ ให้รู้ต้นเหตุของจิตของวิญญาณของเรา

วิญญาณของเราแต่ละวันมีความสงบ ความปกติหรือว่ามีความเกิด ความคิดที่ส่งออกไปภายนอกนั่นแหละ เขาคิดอย่างไรไปอย่างไรมาอย่างไร เขาหลงอะไรทำไมเขาถึงมาหลง ทำไมเขาถึงมาเกิด เราจะเอาอะไรเข้าไปค้นคว้าหาเขา เราก็ต้องรู้จักการเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์เข้าไปสังเกตเข้าไปทำความเข้าใจ รู้ไม่ทันต้นเหตุเราก็รู้จักควบคุมรู้จักดับระงับเอาไว้ ทุกเรื่องตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่รู้ตัว

เพียงแค่เรื่อง ‘สติ’ ความรู้ตัวอยู่ปัจจุบัน พวกเราก็ยังขาดการทำความเข้าใจให้ต่อเนื่อง จะไปเอาตั้งแต่ความคิดปัญญาที่เกิดจากตัวใจ ความคิดเก่าปัญญาเก่าซึ่งเรียกว่าปัญญาของโลกิยะ เขาหลงมานะเขาถึงได้มาเกิด ทีนี้การเกิดก็เกิดมาอยู่ในภพของมนุษย์ ยังมาหลงต่ออีกหลงมา มาหลง หลงในการสร้างคุณงามความดีหลงในบุญในกุศลอีก บางทีก็หลงในการสร้างบาปทำบาปสารพัดอย่าง ทีนี้เราต้องพยายามค้นคว้าเข้าไปรู้ต้นเหตุของความหลง ในหลักธรรมซึ่งท่านเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’

แยกรูปแยกนามได้เพียงแค่เริ่มต้นรู้ความจริง สัมมาทิฏฐิคือความรู้แจ้งเห็นจริงเพิ่งจะเริ่มต้นเปิดทาง ทีนี้ก็ความรู้ตัวของเราก็ต้องตามค้นคว้าให้ได้ทุกเรื่องอีก ถ้าขาดการตามค้นคว้ามันก็จะเกิดอยู่อย่างนั้นแหละก็จะเกิดอยู่เรื่อยร่ำไป ตราบใดที่ใจยังเกิดอยู่ก็ให้เกิดอยู่ในกองบุญนะ มองโลกในทางที่ดีคิดดี การกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อมถึงจะเกิดประโยชน์

คนเราจะรู้ความจริงได้ก็ต้องดับความเกิด ละคลายความหลง ดับความเกิดตั้งแต่ต้นเหตุ ความคิดเก่าปัญญาเก่าของเรามันเคยชินอยู่ตรงนั้น เขาก็มีเหตุมีผลของเขา สติปัญญาก็ต้องค้นคว้าหาเหตุหาผลถึงจะเข้าถึงความเป็นจริงได้ ญาติโยมก็พากันมาทำบุญพากันมาให้ทานพากันมาเที่ยว มากราบมาไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลให้บังเกิดขึ้นในกายในใจของเรา เห็นแล้วก็ภูมิใจ

ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่พวกเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วก็สร้างให้ต่อเนื่องกันแล้วหรือยัง ส่วนมากก็ยังนะเพราะว่าความไม่เคยชิน ความคิดเก่าๆ ปัญญาเก่าๆ ที่เกิดจากตัวจิตหรือว่าเกิดจากตัววิญญาณ เขาจะเป็นตัวบงการไปหมดมันก็เลยปิดกั้นตัวเองเอาไว้หมด

เราจะแสวงหาธรรมเราก็ต้องรู้จักสร้างผู้รู้ ความรู้ตัวรู้กาย แล้วก็ลึกลงไปก็รู้ใจ รู้ฐานของใจ รู้การเกิดการดับ แต่ใจนั้นเป็นธาตุรู้แต่เขายังหลงอยู่เขายังเกิดอยู่ เราต้องรู้ให้ชัดเจนว่าความรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมาเป็นลักษณะอย่างนี้ ส่วนใจที่เขาเกิดๆ ดับๆ นั้นก็มีอยู่ ความคิดที่ผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจนั้นก็มีอยู่เดิม ปัญญาเก่าความคิดเก่าปัญญาโลกิยะนั้นมีอยู่เดิม

แต่เรามาสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องตัวใหม่ขึ้นมาเพื่อที่จะเข้าไปวิเคราะห์ใจ รู้ไม่ทันต้นเหตุเราก็รู้จักควบคุมเอาไว้เขาเรียกว่า ‘สมถะ’ ทำให้ต่อเนื่องเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ ใจจะเกิดกิเลสเราก็รู้จักระงับดับหยุดยับยั้งเอาไว้ เจริญพรหมวิหารเข้าไปทดแทน การละความโลภละความโกรธ การแยกรูปแยกนาม การคลายความหลง กายวิเวกใจวิเวก การแสวงหาแนวทางทุกคนก็รู้ แสวงหาแนวทางกันมาตั้งนานแล้วแหละ แต่การลงมือเจริญสติให้ต่อเนื่องตั้งตื่นขึ้นมาให้ได้ทุกอิริยาบถ ส่วนมากจะไม่ค่อยจะทำกันให้ต่อเนื่องเท่าไร อาจจะทำได้เป็นบางช่วงบางครั้งบางคราวแต่ก็ต้องพยายามทำ

ทั้งที่ใจก็เป็นบุญฝักใฝ่ในบุญอยากจะได้บุญอยากจะทำบุญ อันนี้เป็นทานบารมีที่มีกันอยู่ทุกคน บางคนก็บางคนบางท่านก็มีเต็มเปี่ยมในทางก็สมมติ บางคนบางท่านก็ยังลุ่มๆ ดอนๆ ยังลำบากอยู่ เราก็ต้องพยายามทำให้มีให้เกิดขึ้นสร้างให้มีให้เกิด แม้แต่ระดับของสมมติก็ยังสมมติให้บริบูรณ์ ถึงจะไม่มีมากมายแต่ก็ไม่ให้ถึงกับลำบาก ค่อยเป็นค่อยไปค่อยวิเคราะห์ค่อยพิจารณา

สร้างอานิสงส์ให้มีให้เกิดขึ้นในกายในใจของเรา ตั้งแต่ความคิด ถ้าคิดก็คิดในทางที่ดีมองโลกในทางที่ดีแล้วการกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อม เขาเรียกว่าจัดระบบระเบียบของกายของวาจาแล้วก็ของใจ ก่อนที่จะเข้าถึงใจได้ก็ต้องเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์หาเหตุหาผล จนใจของเรารู้เห็นตามความเป็นจริงได้นั่นแหละ

การพูดนี่ง่ายนะ การลงมือจริงๆ นี่ต้องพยายามทำให้ได้ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา กายวิเวกเป็นอย่างไร ใจวิเวกเป็นอย่างไร ลักษณะของใจที่ปกติ ลักษณะของใจที่ปราศจากกิเลส ลักษณะของใจที่ไม่มีความกำหนัดยินดี ลักษณะของใจที่ไม่มีความกังวลไม่มีความฟุ้งซ่านเป็นอย่างไร ความรู้ตัวอยู่ที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างไร คำว่าปกติเป็นอย่างไร ภาษาธรรมภาษาโลก การแยกรูปรสกลิ่นเสียงออกจากทวารทั้งหกของเราเป็นอย่างไร

เราก็ต้องพยายามหมั่นวิเคราะห์หมั่นสังเกตอยู่ตลอดเวลา จนเป็นเอกในการดูในการรู้ในการทำความเข้าใจ เดินให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน เราต้องรู้ฐานของใจ เราต้องรู้จักลักษณะของสติที่เราสร้างขึ้นมา เราต้องรู้จักลักษณะของใจ ถ้าเราไม่รู้ใจไม่รู้จะสอนใจได้อย่างไร เราก็ต้องช่วยกันแก้ไขตัวเอง ทำบุญให้มีให้เกิดขึ้นในกายในใจของเราจนล้นออกไปสู่สมมติต่างๆ การได้ยินได้ฟัง ทุกคนก็ได้ยินได้ฟังได้ศึกษาระดับของโลกิยะมาเต็ม แต่การลงมือทำความเข้าใจก็ต้องขยันหมั่นเพียรกัน

สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจให้ชัดเจนนะ ทำกายให้โล่งสมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องกัน พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อนะ อันนี้เพียงแค่กระตุ้นเตือนให้พวกท่านได้ทำความเข้าใจเท่านั้นเอง

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง