หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 062

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 062
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 062
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่าน จงสร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของตัวเราเอง หรือว่าเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้ แล้วก็พยายามสร้างให้ต่อเนื่อง ตรงนี้แหละสำคัญ ส่วนอื่นทุกคนมีกันพร้อม จะมีความพร้อมอยู่ในระดับไหน ก็ขึ้นอยู่กับความเพียรของแต่ละบุคคล ของแต่ละท่าน แต่การเจริญสติเราต้องมาสร้างขึ้น แล้วก็พยายามทำให้ต่อเนื่อง วางกายให้สบาย วางใจให้สบาย ไม่ต้องไปนึกคิดปรุงแต่งอะไร ไม่ต้องวิเคราะห์อะไรทั้งสิ้น ขณะที่เรากำลังนั่งอยู่นี่แหละ

ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ ให้ทั่วท้องสัก 2-3 เที่ยว แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยวเหมือนกันนั่นแหละ กายก็รู้สึกว่าสบายขึ้นเยอะ คลายความเครียดลงไปได้เยอะ จิตก็รู้สึกว่าจะโล่งโปร่ง สมองก็โล่ง จิตก็โล่ง กายก็สบาย ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราก็เด่นชัด นั่นแหละ ให้เราพยายามสร้างความรู้สึกตรงนี้ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา

ถ้าเรามีความรู้ตัวอยู่ปัจจุบัน เราก็จะรู้ลักษณะของจิต รู้ความปกติของจิต เวลาจิตจะก่อตัวส่งออกไปภายนอกเราก็รู้ทัน เราก็รู้จักควบคุมรู้จักดับ ทำให้เขานิ่งตั้งแต่ต้นเหตุ เวลาความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่ง หรือว่าอยู่เฉยๆ ความคิดเขาก็เกิดขึ้นมาเองเฉยๆ เขาเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ขณะที่เขาก่อตัว เริ่มก่อตัวเกิดอาการขึ้นมา จิตของเราจะเคลื่อนเข้าไปรวม ขณะจิตของเราเคลื่อนไปรวม ถ้าเรามีความรู้ตัวอยู่ปัจจุบัน ความรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมานี่แหละ ก็จะรู้อาการของจิตเวลาเคลื่อนเข้าไปรวมกับความคิด พอเขารู้ตรงนั้นปุ๊บ ความคิดเขาก็จะดีดตัวออกจากความคิดเหมือนกับขโมยที่เข้าบ้าน เจ้าของบ้านก็รู้ทันก็จะรีบกระโดดออกทันทีเลย รีบวิ่งหนีทันที กระโดดออกหันหลังกลับทันทีเลย

ความคิดตรงนี้กับจิตตรงนี้ก็เหมือนกัน เวลากระโดดเข้าไปรวมกับความคิด พอรู้เท่าทันปุ๊บ เขาก็หงายหลังปึ้งทันที เหมือนกับเราตัดเชือกที่ตึงๆ ออก เขาเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ เห็นชัดเจน ความว่างก็ชัดเจน ความคิดก็ชัดเจน เราก็รู้ ตามดู ทำความเข้าใจ ตามดูความคิดที่เกิดๆ ดับๆ จิตก็ว่างรับรู้อยู่ อันนี้แหละ เขาถึงจะเรียกว่า ‘วิปัสสนา’ เพียงแค่เริ่มต้น รู้แจ้งเห็นจริง สัมมาทิฏฐิ ทีนี้การตามดู การตามทำความเข้าใจให้ได้ทุกเรื่อง ต้องขึ้นอยู่กับความเพียรของเรา การละกิเลสก็ต้องขึ้นอยู่กับความเพียรของเรา เราก็ต้องพยายาม

เพียงแค่การสร้างความรู้ตัวกับการรักษาสติ บางทีเรายังไม่เข้าใจเลย เรายังไม่ได้ทำความเข้าใจเลย เราสร้างสติสร้างความรู้ตัวไปเพื่ออะไร ก็เพื่อที่จะให้รู้จิตรู้เท่าทันความคิด รอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในโลกธรรมแปด รอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เรารอบรู้ภายในของเราให้ได้เสียก่อน คลายความหลงให้ได้เสียก่อน รู้ลักษณะของจิต รู้ลักษณะการเกิดการดับของขันธ์ห้า ทำความเข้าใจกับชื่อภาษาสมมติภาษาวิมุตติให้ได้เสียก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะตามมา หลวงพ่อถึงย้ำ เพื่อที่จะให้รู้ฐานตรงจุดนี้ให้ได้เสียก่อน ถึงจะช้าก็ต้องอดทนอดกลั้น

แม้แต่การสร้างสติ พวกเรายังไม่เข้าใจกันเลย บางทีเราไปเพ่งไปจ้องสมองก็ตึง บางทีเอาจิตไปจดจ่อหน้าอกก็จะแน่น เพียงแค่เรามีความรู้สึกรับรู้ให้เป็นธรรมชาติที่สุด พลั้งเผลอเราก็เริ่มใหม่ๆ ไม่เข้าใจเราก็เพิ่มความเพียรให้เป็นทวีคูณ เพิ่มความเพียรในการสร้างความรู้ตัว เวลานั่งเราก็พยายามรู้ สร้างความรู้สึกรับรู้อยู่ที่การหายใจเข้าออก ขณะลืมตา ขณะหลับตา ขณะเปลี่ยนอิริยาบถ ขณะรับประทานอาหาร ขณะจะก้าวจะเดิน เราต้องพยายามสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องให้ได้เสียก่อน ใหม่ๆ ก็พลั้งเผลอ ใหม่ๆ ก็เก้ๆ กังๆ มันก็ธรรมดา

เหมือนกับคนเราเคยขับรถ บางคนก็มีรถยนต์ ใหม่ๆ ก็หัดขับสะเปะสะปะ ดับบ้างหยุดบ้าง ชนโน้นบ้างชนนี้บ้าง เวลาขับเป็นแล้วชำนาญแล้ว ก็ขึ้นสตาร์ทเครื่อง มือไม้เป็นธรรมชาติหมด ไปคล่องปร๋อเลยทีเดียว การเจริญสติของเราก็เหมือนกัน ถ้าเราฝึกฝนตนเองถ้าเราเข้าใจ รู้จักจำแนกแจกแจงแล้ว ตามทำความเข้าใจแล้ว เขาก็เป็นอัตโนมัติ เขาเรียกว่า ‘ปัญญา’ เขาเรียกว่า ‘อัตโนมัติ’ มหาสติมหาปัญญา ในขั้นสูงๆ โน่น

เพียงแค่ขั้นอนุบาลพวกเราก็ยังสร้างไม่ต่อเนื่อง แล้วก็ไม่รู้จักสร้างขึ้นมา แล้วก็ยังไม่รู้จักเอาไปใช้ อาศัยความคิดที่เกิดจากจิตเกิดจากขันธ์ห้า อาจจะถูกต้องอยู่ระดับสมมติ แต่ยังไม่ถูกต้องในหลักธรรมจริงๆ แต่ทุกคนก็ได้สร้างบารมีกัน แต่ละวันตื่นขึ้นมาก็น้อมกายอยากจะมาทำบุญ อยากจะมาให้ทาน อยากจะมาวัด ตามหลักธรรมแล้วท่านก็ให้ละความอยากตรงนี้เสีย ให้มาด้วยสติให้มาด้วยปัญญา ให้ทำด้วยสติทำด้วยปัญญา ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ทำ ยิ่งทำมากกว่าเก่า ถ้าเราเข้าใจแล้วเรายิ่งทำมากกว่าเก่า เรายิ่งละกิเลสชำระสะสางออกให้หมด ให้ออกจากจิตจากใจของเรา

การกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อมถึงจะเกิดประโยชน์ นี่แหละยิ่งเพิ่มความขยันทั้งกลางวันกลางคืน เอาการงานเป็นการปฏิบัติ ทำไปด้วย ทำงานไปด้วย จิตรับรู้ไปด้วย ละนิวรณ์ ละความเกียจคร้านไปด้วย ประโยชน์ภายนอกเราก็ได้ คนอื่นมาก็พลอยได้รับอานิสงส์ได้รับประโยชน์ตรงนั้น ขณะที่เราทำการทำงาน จิตของเราก็ได้พักผ่อน พักผ่อนจากการเกิด พักผ่อนจากการเป็นทาสของกิเลส พักผ่อนจากความหลง คลายความหลงได้เขาก็ว่าง เขาก็สะอาดเขาก็บริสุทธิ์ ก็ต้องพยายามกันนะ ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี

วันนี้ก็จะได้ไปบวชนาค พระเราก็นิมนต์ไปบวชนาคส่วนหนึ่ง ส่วนหนึ่งก็ได้นิมนต์ ญาติโยมมานิมนต์ไปทำบุญบ้านสัก 9 รูป ส่วนหนึ่งก็แบ่งไปบวชนาคด้วยกัน ก็คงจะเหลืออยู่ที่วัดไม่มากเท่าไร ก็คงจะเหลืออยู่ที่หลวงพ่อซึ่งไปไหนไม่ค่อยจะได้เท่าไร ทุกวันนี้สภาพร่างกายก็อ่อนแอทรุดโทรม บางวันนี่แทบเดินไม่ไหว ตกเย็นๆ มานี่ก็แทบจะเดินไม่ไหว โรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน มองดูภายนอกก็เหมือนกับคนแข็งแรงนะ แต่ข้างในสภาพหัวใจย่ำแย่แล้วแหละ เขาเหนื่อยเขาล้า สภาพร่างกายก็หมดกำลังแล้วแหละ ก็ต้องได้พักผ่อนให้เขา

บางทีการพูดการจาก็เหนื่อยก็ล้า บางทีการทำวัตรสวดมนต์ก็มอบให้หมู่ให้คณะทำ เพราะว่าทำมามากต่อมาก หนักมาตั้งร่วม 20 กว่าปี ก็อยากจะพักผ่อน ให้หมู่ให้คณะพากันช่วยกันทำ พอมีกำลัง กำลังกายหมดแล้วแหละเหลือตั้งแต่กำลังวาจานิดๆ หน่อยๆ ที่จะช่วยสร้างอานิสงส์ให้เกิดให้มีกับทุกคนเท่าที่จะทำได้ พอที่จะทำได้

วันที่ 29 นี้ก็จะได้อัญเชิญพระพุทธรูปหยกองค์ใหญ่องค์ที่ 2 มาประดิษฐาน ณ ที่ฐาน ท่านผู้ใจบุญทั้งหลายท่านก็มาปวารณาสร้างโรงทานเอาไว้ ก็เยอะแล้วแหละ ร่วม 20 กว่าโรง มีตั้ง 28-29 หลวงพ่อก็ขออนุโมทนาในบุญของทุกคน ส่วนองค์พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่จะมาสิ้นปีก็คงจะตั้งโรงทานตลอด 3 เดือน หลังจาก 3 เดือนไปแล้วก็จะได้พิจารณาดูกำลังคนของเราเสียก่อน ถ้าทำได้ก็จะให้ทำได้ตลอด เพราะว่าญาติโยมที่มากราบมาไหว้ก็จะได้เป็นสิริมงคลให้อิ่มหนำสำราญกัน ความเป็นสิริมงคลก็จะเกิดขึ้นกับทุกคน อยากที่จะได้สร้างอานิสงส์ใหญ่

การที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ก็ยาก การที่ได้รู้เข้าใจในธรรมก็ยาก การที่จะได้มากราบไหว้พระบรมสารีริกธาตุก็ยาก ความเป็นสิริมงคลเหล่ามนุษย์เหล่าเทวดาทั้งหลายก็ต้องหลั่งไหลมา จากน้อยๆ ไปหามากๆ หลวงพ่อมีโอกาสก็อยากจะให้กายสุขใจสุข ทุกสิ่งทุกอย่างให้มีตั้งแต่ความสุขความสบาย ให้มีตั้งแต่ความอิ่ม ไม่ให้อดไม่ให้อยาก ไม่ให้ลำบาก หลวงพ่อก็พาทำเท่าที่ทำได้ เท่าที่โอกาสอำนวยให้ เท่าที่มีกำลังกายยังมีกำลังอยู่บ้างเล็กๆ น้อยๆ ก็ขอให้ทุกคนจงพยายามกัน

เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันนะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง