หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 042

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 042
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 042
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของตัวเราเองให้ต่อเนื่องกัน ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเราได้เจริญสติสร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง ถ้ายังก็พยายามทำเสียขณะที่นั่งอยู่นี่แหละ นั่งตามอิริยาบถของเราให้สบาย ไม่ต้องพนมมือ วางกายให้สบาย วางใจให้สบาย อย่าไปบังคับอย่าไปเพ่ง ปล่อยกายให้เป็นอิสระ นั่งให้สบายที่สุด

แล้วก็สูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ อย่าไปบังคับลมหายใจ สูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ แล้วก็ปล่อยออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว ความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ ก็จะหยุดไป ความรู้สึกสัมผัสของลมอยู่ที่ผิวหนังปลายจมูกของเรานั่นแหละ เรามีความรู้สึกรับรู้อยู่ เราพยายามสร้างความรู้สึกตรงนี้ให้ต่อเนื่องแต่ตื่นขึ้นมา

ถ้าเราสร้างความรู้สึกตรงนี้ได้ต่อเนื่อง สติก็ตั้งมั่นขึ้นๆ ส่วนจิตจะก่อตัวเกิดส่งออกไปภายนอกความรู้ตัวอยู่ปัจจุบันก็รู้ทัน เราก็รู้จักควบคุมจิต อยู่กับลมหายใจ เราสูดลมหายใจก็ไปยาวๆ ลึกๆ จิตก็จะกลับมาอยู่กับลมหายใจเอง จิตไปอีกเราก็สูดลมหายใจใหม่ยาวๆ จิตก็จะกลับมาอยู่กับลมหายใจ มันจะฉุดกระชากลากกันอยู่อย่างนี้แหละ กลับไปกลับมา ช่วงใหม่ๆ

เราทำบ่อยๆ จิตก็จะนิ่งขึ้นๆ การหายใจก็เป็นธรรมชาติ ยิ่งใหม่ๆ ไม่เข้าใจเราก็เลยพากันละทิ้ง ความรู้ตัวก็เลยไม่ได้ต่อเนื่อง ส่วนความคิดที่จะผุดขึ้นมาปรุงแต่งจิต ถ้ามีความรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเราก็จะรู้ทัน เพียงแค่การเจริญสติให้ได้ให้ต่อเนื่องกัน ถึงจะยากลำบากถึงขนาดไหนก็ต้องอดทน พยายามเอา ใหม่ๆ ก็อาจจะเป็นการฝืน เพราะว่าความเคยชิน หายใจเป็นธรรมชาติโดยที่เราไม่ได้สร้างความรู้สึกรับรู้ให้ต่อเนื่องกันเท่านั้นเอง

จิตของทุกดวงก็เป็นจิตที่ปรารถนาที่จะหาทางหลุดพ้น ฝักใฝ่ในกองบุญอยู่ตลอดเวลา มีโอกาสก็ให้รีบทำ ทุกคนมีบุญนั่นแหละถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ถ้าไม่มีบุญไม่ได้เกิดมาหรอก ทุกคนก็ประพฤติปฏิบัติธรรมกันมา อยู่ในระดับของสมมติ อยู่ในระดับหนึ่ง แต่การเจริญสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง ตรงนี้แหละที่เราไม่ค่อยจะได้ทำกัน ทำบ้างเล็กๆ น้อยๆ แล้วก็ปล่อยไปๆ ไม่ติดตามให้ได้ตลอดเวลา

ถ้าคนขยันหมั่นเพียร มีวิริยะมีความเพียร อยู่คนเดียวก็หมั่นวิเคราะห์เรา หมั่นสังเกตเรา กายของเราเป็นอย่างนี้ ลักษณะของจิตซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรม ลักษณะของความสงบ ลักษณะของความว่าง เวลาตากระทบรูป หูกระทบเสียง ลิ้นกระทบรส กายสัมผัส รูปรสกลิ่นเสียง สัมผัสต่างๆ จิตของเราเป็นอย่างไร ความสงบเป็นอย่างไร ความว่างเป็นอย่างไร การแยกรูปแยกนาม การคลายจิตออกจากความคิดเป็นอย่างไร

เราต้องสร้างตัวรู้ ตัวตรวจสอบ นั่นแหละสติ สร้างความรู้ตัว ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ใหม่ๆ ถ้าความรู้ตัวพลั้งเผลอเราก็เริ่มใหม่ เอาตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ พอรู้ตัวปุ๊บ สร้างความรับรู้อยู่ที่สัมผัสของลมหายใจปุ๊บ ละนิวรณ์ละความเกียจคร้าน ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่

จะลุกจะก้าวจะเดินปุ๊บ จะเข้าห้องส้วมห้องน้ำ ฝ่าเท้าไหน ก้าวไหนก้าวแรกที่ก้าวเดิน เราก็เปลี่ยนความรู้สึกอยู่ที่ฝ่าเท้าของเรา จะเข้าห้องส้วมห้องน้ำจิตก็ปกติ จะล้างหน้าแปรงฟันจิตก็ปกติ นิวรณ์ก็ไม่มี จะทำกับข้าวกับปลา เราจะทำอาหารชนิดไหน สติปัญญาของเราก็ไปทำแทน ไล่มาตั้งแต่ตื่นขึ้นมา เรื่อยๆๆๆ มา จนต่อเนื่อง

จิตจะก่อตัวปุ๊บเราก็รีบดับ ความคิดผุดขึ้นมาเราก็สังเกตดู สักวันหนึ่งเราก็คงจะเห็น เห็นการก่อตัว การเกิด การรวม การร่วม การคลาย การแยก การตามทำความเข้าใจ นี่แหละเขาเรียกว่าฝักใฝ่ในสิ่งที่เราสนใจ ถ้าเราแยกรูปแยกนามได้ สัมมาทิฏฐิความรู้แจ้งเห็นจริงเปิดทางให้

ความรู้แจ้งเห็นจริง อันนี้จิต ลักษณะของความว่าง อัตตาอนัตตา เราเข้าใจเรื่องอัตตาเรื่องอนัตตา เข้าใจเรื่องทุกข์ ความทุกข์นี่หมายถึงการเกิดของจิต ความเปลี่ยนแปลง ความไม่เที่ยง คนเราทั่วไปไปเอาทุกข์หนักๆ นู้นว่าเป็นความทุกข์ ไอ้ความเกิดความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลานี่แหละคือตัวทุกข์ จากน้อยๆ นี่แหละ

แม้ตั้งแต่ความอยาก ความคิดต่างๆ เล็กๆ น้อยๆ เราก็ต้องพยายามเก็บรายละเอียดให้หมด คนเราขาดการเก็บรายละเอียด ก็เลยไม่ได้ทรัพย์อันใหญ่ เอาให้ได้ตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ความขยันหมั่นเพียรของเรามีพร้อมไหม ความเสียสละของเรามีพร้อมไหม เรารู้จักชำระสะสางละกิเลส ละความตระหนี่เหนียวแน่น กายของเรามีความอ่อนน้อมถ่อมตน จิตของเรามีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีพรหมวิหารมีความเมตตาอยู่ตลอดเวลา มองโลกในทางที่ดีคิดดี

ความขยันของเราก็ต้องถึงพร้อม มีสัจจะกับตัวเราเอง ไม่เอารัดเอาเปรียบคนอื่น นี่แหละก็คือการสร้างบารมี ทำบุญให้กับตัวเราตลอดเวลา ทำบุญให้กับพ่อกับแม่ กับพี่กับน้อง กับเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน ไม่เห็นแก่ตัว เป็นคนมีความขยันหมั่นเพียร บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็นอยู่ตลอดเวลา

ยิ่งอยู่รวมกันมากๆ ยิ่งเพิ่มความขยัน ความกลมเกลียว สมัครสมานสามัคคีซึ่งกันและกัน อยู่หลายคนก็มีความสุข อยู่น้อยคนก็มีความสุข ถ้าเราไม่มีความรับผิดชอบอยู่คนเดียวก็หนัก อยู่หลายคนก็หนัก หนักหมู่ หนักคณะ หนักเพื่อนหนักฝูง หนักแผ่นดิน หนักทุกสิ่งทุกอย่าง

เราพยายามทำความเข้าใจเสียขณะที่เรายังมีกำลังอยู่ กว่าจะได้มาเป็นสถานที่ ที่เป็นอานิสงส์เป็นสิริมงคลได้ก็หลายรุ่น รุ่นปู่รุ่นย่า รุ่นตารุ่นยาย มาตั้งแต่หลายภพหลายชาติ กว่าจะได้สร้างสะสมมาทุกคน แล้วก็สถานที่ตรงนี้ เรามาอาศัยอยู่เราก็ช่วยกัน กว่าจะได้มาเป็นสถานที่น่าอยู่น่าอาศัยน่ารื่นรมย์ ก็รุ่นก่อนๆ ทำเอาไว้ ดูแลรักษาเอาไว้

หลวงพ่อก็มาอยู่ มาสร้างมาสานต่อ คนแล้วคนเล่า รุ่นแล้วรุ่นเล่าที่บวชเข้ามา ก็มาช่วยกันปลูกต้นไม้ ดูแล ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์ พวกเราก็พลอยได้รับอานิสงส์กัน ถึงพวกเราจากไปคนรุ่นหลังก็มาสร้างมาสานต่อ ให้เป็นแหล่งบุญที่ใหญ่

อย่าไปคิดว่าไม่ใช่หน้าที่ของเรา เป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะต้องทำ เป็นหน้าที่ของเรา ทำอย่างไรจึงจะเกิดประโยชน์ เกิดบุญเกิดอานิสงส์ให้ได้ตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นขึ้นมา อย่าไปลืมเข้าวัด ทำกายให้เป็นวัด ทำจิตให้เป็นพระ ไม่ใช่ว่าไปวัดภายนอก วัดนั้นก็ไปวัดนี้ก็ไป ที่นั่นที่นี่ ไปแล้วก็ไปตำหนิหลวงปู่หลวงพ่อหลวงตา องค์นั้นไม่ดีองค์นี้ไม่ดี สถานที่นั้นไม่ดีสถานที่นี้ไม่ดี ก็ใจของเรานั่นแหละมันไม่ดี ถึงจะไปตำหนิ ถ้ามันไม่ดีก็รีบทำให้มันดีเสีย ถ้าไม่เรียบร้อยเรามีโอกาสทำเราก็ทำเสีย

แม้ตั้งแต่ห้องส้วมห้องน้ำ เราเข้าห้องส้วมห้องน้ำเรายังได้อานิสงส์เลย เราดูห้องส้วมห้องน้ำมันมีเยอะๆ 10-20 ห้อง เราเดินเข้าไปดูห้องไหนมันสกปรกเราก็เข้าห้องนั่นแหละ เราได้ทำความสะอาดด้วย น้ำไม่มีเราก็เปิดใส่ด้วย นั่นแหละความเสียสละของเรา เราก็ได้อานิสงส์ คนอื่นมาก็พลอยสะดวกสบาย ส่วนมากก็มีตั้งแต่เข้าห้องสะอาดนั่นแหละ ห้องสกปรกไม่สนใจหรอก

ที่พักที่อาศัย ตามประตูตามหน้าต่างก็มีตั้งแต่เศษขยะทิ้งลงไป เราก็ต้องพยายามดู ตั้งแต่ปากทางถึงก้นครัวมองข้างบนมองข้างล่างให้มันเรียบร้อย เราก็จะได้อยู่กับสมมติอย่างมีความสุขทั้งภายนอกทั้งภายใน ปรุงแต่งสมมติให้น่าอยู่น่าอาศัยน่ารื่นรมย์

กายของเรานี้ก็เป็นก้อนสมมติ ถึงวาระเวลากายแตกดับนั่นแหละ เราจึงจะได้วางสมมติจริงๆ ขณะที่เรายังมีกำลังกายอยู่ เราก็พยายามรีบสร้างคุณงามความดี เล็กๆ น้อยๆ จนกว่าจะเต็ม แต่ละวันๆ ก็ต้องพยายามกันนะ

เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอานะ นี่เพียงแค่เล่าให้ฟัง

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง