หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2552 ลำดับที่ 31

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2552 ลำดับที่ 31
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2552 ลำดับที่ 31
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2552
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ เจริญสติให้มีให้เกิดขึ้นในกายของเรา ทำความสงบ ทำจิตของเราให้สงบด้วยการสร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของเราให้ต่อเนื่องกัน นั่งตามสบาย ไม่ต้องพนมมือ วางกายให้ สบายวางใจให้สบาย ฟังไปด้วยแล้วก็น้อมสร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของเราไปด้วย

ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ ลองดูสิ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2 - 3 เที่ยว ความคิดต่างๆก็จะหยุดไปทันที กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้นเยอะ จิตของเราก็สงบระงับตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจ เราพยายามสร้างให้เกิดความเคยชิน ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ตื่นขึ้นมาปุ๊บเราก็สร้างความรู้ตัวปั๊ป ลมหายใจเข้าปุ๊บเราก็รู้ปุ๊บ เวลาลมหายใจออกเราก็รู้ นั่นแหละรู้ให้ต่อเนื่องเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ ไม่ใช่ว่าเราไปนึกเอา ไปคิดเอา ว่าจะเป็นอย่างนั้น ว่าจะเป็นอย่างนี้

ตัวจิตของเรานั้นเกิดส่งไปภายนอกอยู่แล้ว บางทีก็ความคิดที่เราไม่ตั้งใจคิด ภาษาธรรมท่านเรียกว่า ‘อาการของขันธ์ห้า’ ผุดขึ้นมา แล้วก็จิตของเราเคลื่อนเข้าไปรวมไปด้วยกัน เราก็เลยรู้อยู่เพียงแค่ว่าเราคิดอยู่แค่นั้นแหละ ก็เลยทำตามความคิด ในส่วนลึกๆ เราต้องสร้างความรู้ตัวเข้าไปสังเกตดู เข้าไปรู้ให้ทัน สร้างความรู้ตัวรู้ให้ทัน ความคิดกับจิตเขาเคลื่อนเข้าไปรวมกันได้อย่างไร ถ้าเรารู้เท่าทันตรงนี้ จิตก็จะคลายออกจากความคิด ซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรมด้วยกัน ซึ่งเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’

ถ้าเราเห็นตรงนี้จิตของเราก็จะคลายความหลง นี่แหละเป็นความหลงอันลุ่มลึกเลยทีเดียว ความหลงตรงนี้ยังไม่พอ หลงแล้วยังเข้าไปยึดด้วย ทำให้เกิดอัตตาตัวตนด้วย จิตของเราเกิดความทะเยอทะยานอยากด้วย แล้วก็เป็นทาสของอารมณ์ ทาสของกิเลส บางทีก็เกิดความอยาก บางทีก็เกิดความโลภ บางทีก็เกิดความโกรธ อยู่ในความหลงตรงนี้แหละ ถ้าเราพยายามหมั่นวิเคราะห์ตัวเรา แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเราอยู่ตลอดเวลา เป็นบุคคลที่หมั่นพร่ำสอนตัวเองอยู่ตลอดเวลา ฝักใฝ่สนใจในการทำบุญ ในการให้ทาน ในความเสียสละจาคะ มีสัจจะกับตัวเอง ขยันหมั่นเพียรทำความเข้าใจ

อันนี้เป็นรูปธรรม อันนี้เป็นนามธรรม อะไรคือรูป อะไรคือนาม อะไรคืออัตตา อะไรคืออนัตตา ทุกสิ่งทุกอย่างมีเหตุมีผลหมด เว้นเสียแต่พวกเราจะค้นคว้าทำความเข้าใจรู้ฐานการเกิดของจิต ของความคิดหรือไม่เท่านั้นเอง ต้องพยายามกัน ทุกคนก็มีบุญนะถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ทุกคนก็มีบุญได้รับการศึกษา ได้รับการเล่าเรียน ทุกคนก็ประพฤติปฏิบัติธรรมกันมาตลอด แต่เป็นการปฏิบัติธรรมอยู่ในระดับของสมมติ ในระดับของวิมุตติก็ให้ได้ทั้งสมมุติ ได้ทั้งวิมุตตินั่นแหละ เพราะว่าสมมติกับวิมุตติก็อยู่ร่วมกัน

เรามาทำความเข้าใจกับกายก้อนนี้ กายของเราทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร จิตหรือว่าวิญญาณซึ่งมาอาศัยกายของเราตรงนี้อยู่ เขาทำหน้าที่อย่างไร เขาก็ปกปิดตัวเองเอาไว้เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเขาจะยอมเผยตัวออกมาง่ายๆ เราต้องมาเจริญสติ มาสร้างตบะบารมีให้มีให้เกิดขึ้น เราไม่เข้าใจเราถึงได้แสวงหาแนวทาง แนวทางนั้นมีอยู่แล้วที่พระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบ แล้วก็เอามาเปิดเผย จำแนกแจกแจง การสร้างบารมี การละกิเลสเป็นอย่างนี้ การเจริญสติความระลึกรู้ตัว แล้วก็รู้ให้ต่อเนื่อง เรารู้ไม่เท่าทันจิตเรา ก็รู้จักดับรู้ จักควบคุม ใช้สมถะดับเอาไว้ แล้วก็เจริญพรหมวิหารให้มีให้เกิดขึ้นในใจของเรา มองโลกในทางที่ดี คิดดี ทำดีอยู่ตลอดเวลา

อะไรเป็นอกุศลเราก็ละ เจริญกุศลให้มีให้เกิดขึ้น พยายามตั้งสติปัญญาเข้าไปทำความเข้าใจให้ได้ เราไม่เข้าใจวันนี้ หรือวันพรุ่งนี้เราก็ต้องเข้าใจ ถ้าเราหมั่นพร่ำสอนตัวเอง บุคคลที่มีสติมีปัญญาจะแก้ไขตัวเอง ปรับปรุงตัวเองตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นเขาบังคับเลยทีเดียว ก็ต้องพยายามกัน ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี จะรู้จักฝักใฝ่ รู้จักขวนขวาย รู้จักสร้างอานิสงส์ให้มีให้เกิดขึ้นทั้งทางด้านรูปธรรม ทั้งทางด้านนามธรรม ทางด้านรูปธรรมก็สมมติทั้งแปดนั่นแหละ สมมติที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสต่างๆ ที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว เราต้องพยายามทำให้บริบูรณ์ เขาก็จะส่งผลถึงภายในของเรา ทางด้านจิตใจก็ไปได้เร็วได้ไวขึ้น พยายามกันนะ

ตั้งสติระลึกรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนกัน อยู่หลายคนก็เหมือนอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมหายใจวิ่งเข้ากระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องกัน สติปัญญาทางโลกนั้นทุกคนเป็นอัจฉริยะมีกันเต็มเปี่ยม แต่สติปัญญาในทางธรรม เราต้องรู้ตั้งแต่ฐานการก่อตัวของจิต ของความคิด ของอารมณ์ รู้ถึงความบริสุทธิ์ ความหลุดพ้นของจิต เราต้องสร้างผู้รู้ตัวใหม่เข้าไปสังเกตดู รู้ให้เท่าทัน

ตั้งสติรู้การหายใจเข้าออกของเราให้ต่อเนื่องกันนะ พากันไหว้พระพร้อมๆ ค่อยไปทำความเข้าใจต่อ ศึกษาค้นคว้าต่อกันเอานะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง